ติดตามตอนที่แล้วได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 "ทริปวอร์มอัพที่นาโงย่า พากินข้าวหน้าปลาไหล" + รายละเอียดการเดินทาง
https://pantip.com/topic/39429025
ตอนที่ 3 "ขับรถชมวิวภูเขาฟูจิสองที่ทตโตริ เมืองเกษตรกรรม"
https://pantip.com/topic/39438809
ตอนที่ 4 "ขับรถเที่ยวเมืองทตโตริ ไปหาโคนัน พิพิธภัณฑ์ลูกแพร์ เมืองเก่าคุราโยชิ"
https://pantip.com/topic/39452991
ฝากติดตาม Youtube Channel ของผมด้วยนะครับ
DAY 3 ||| 4 พ.ย.62 ||| ชมวิวสะพานเชื่อมเกาะชิโกกุ
08.30น. ทานข้าวเช้าและเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม วันนี้จะต้องเดินทางด้วยชินคันเซนเป็นวันแรกของทริปเพื่อไป จ.โอคายามะ ตื่นแต่เช้าหน่อยเพื่อเผื่อเวลาไปขึ้นรถไฟให้ทันเที่ยว 10.00น. การขึ้นชินคันเซนไม่มีอะไรซับซ้อนอย่างที่คิด (ง่ายกว่ารถไฟธรรมดาเสียอีก) ป้ายบอกทางชัดเจนว่าสถานีชินคันเซนไปทางไหน
เมื่อมาถึงสถานีชินคันเซน ให้เราดูตารางเวลาที่โชว์อยู่บนบอร์ด เพื่อเช็คเลขชานชาลาของรถไฟเที่ยวของเรากับตั๋วในมือ ว่าเราต้องไปขึ้นที่ชานชาลาไหน (Platform/のりば) จากนั้นก็เดินตามป้ายไปรอรถไฟได้เลยครับ
เวลาที่เขียนอยู่บนหน้าตั๋วเรา คือเวลาที่รถไฟออกจากชานชาลานะครับ เพราะฉะนั้น ควรไปรอก่อนสัก 5-10 นาทีเพื่อความปลอดภัย รถไฟเขาออกตรงเวลามากๆครับ

ที่นั่งภายในสะดวกสบาย มีที่วางกระเป๋าสัมภาระอยู่ท้ายตู้ และเหนือศีรษะ เบาะพนักพิงปรับเอนนอนได้ มีรูปลั๊กสำหรับชาร์จไฟ Free Wi-Fi ในขบวน มีที่แขวนเสื้อโค้ท และมี Tray สำหรับดึงมาเป็นโต๊ะทานข้าวได้ด้วย ระหว่างทางจะมีพนักงานเข็นอาหารและเครื่องดื่มมาขาย (ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา) รถไฟญี่ปุ่นสามารถรับประทานขนมหรืออาหารได้ตามสบายครับ แค่ต้องเปิดเสียงมือถือเป็นระบบสั่นเพื่อเป็นมารยาท ภาพด้านล่างนี้ คือเบาะที่นั่งด้านหน้าซึ่งจะบอกว่าเราอยู่ในตู้ขบวนที่เท่าไร (号車)

ชินคันเซนตกแต่งภายในคล้ายเครื่องบินมากๆ

ในส่วนของห้องน้ำก็สะอาดมาก มีกระดาษทิชชู่ให้ ใช้แล้วโยนทิ้งลงไปในชักโครกได้เลย เวลากดน้ำให้กดปุ่มดำๆบนผนังตามรูป (บางขบวนเป็นเซ็นเซอร์ให้เอามือไปโบกๆ)

การเดินทางไปจ.โอคายามะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษๆ นั่งชมวิวไปเพลินๆ ได้เห็นภูมิทัศน์แปลกตา แป๊ปเดียวก็ถึงแล้วครับ

12.20น. เดินทางถึงสถานีโอคายามะ อากาศค่อนข้างเย็นกว่านาโงย่าประมาณ 4-5 องศา โอคายามะคือเมืองแห่งลูกพีช เชื่อเลยครับไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน คุณจะเจอแต่ พีชเต็มไปหมด ลูกพีชเปรียบเสมือนผลไม้ประจำเมืองของที่นี่ และเป็นพีชขาว (Hakutou) ซึ่งเริ่มปลูกมาตั้งแต่สมัยเมจิ ปี 1875 นับเป็นพีชที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น เสียดายที่ผมมาตอนฤดูที่ไม่มีพีชสดขายแล้ว (พีชออกผลตอนช่วงฤดูร้อน เดือนสิงหาคม) เลยอดชิมพีชสดเลย นอกจากนี้ เมืองนี้ยังเป็นต้นกำเนิดแห่งตำนานโมโมทาโร่อีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับรูปปั้นโมโมทาโร่ที่หน้าสถานีนะครับ

ใกล้กับสถานีมีดองกี้ 3 ชั้น / BIC CAMERA / animate เห็นแล้วอยากจะช้อปเดี๋ยวนั้น แต่ต้องไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน เพราะมีตารางเที่ยวที่ต้องไปบ่ายนี้ก่อนเที่ยวรถจะหมด นั่นก็คือจุดชมวิวบนภูเขาวาชูซัน (Washuzan Observation Deck) เป็นจุดชมวิวสะพานที่เชื่อมต่อไปยังเกาะชิโกกุของญี่ปุ่น

13.30น. โรงแรมที่ผมพักที่โอคายามะเป็นโรงแรมเล็กๆ อยู่ห่างจากสถานีประมาณ 700 เมตร เดิน 10-15 นาที ผมจองผ่านบุคกิ้ง 2 คืน คนละประมาณ 1,800 บาท เดี๋ยวเราไปฝากกระเป๋า ทานข้าวกลางวันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลยครับแล้วค่อยกลับมาเช็คอินตอนค่ำ

ผมรีวิวให้ดูล่วงหน้าเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องแทรกโพสตอนหลัง ที่นี่ห้องค่อนข้างกว้างกว่าที่นาโงย่า ห้องน้ำสีตุ่นๆหน่อยแต่สะอาด และที่สำคัญฝารองนั่งมีฮีทเตอร์ นอกเหนือจากแชมพู ครีมนวด สบู่อาบน้ำแล้วก็ยังมีโลชั่น โฟมล้างหน้า และที่ลบเครื่องสำอางค์เตรียมไว้ให้สำหรับคุณผู้หญิง อาหารเช้าของที่นี่จะเป็นขนมปังหลากหลายแบบให้เราเลือกหยิบคนละ 1 ชิ้น และซาลาเปาหยิบได้ไม่จำกัด

โรงแรมนี้ไฟกลางห้องจะควบคุมด้วยรีโมทตามรูป ตัวขวามือ

ไปต่อกันเลยครับ การเดินทางไป
จุดชมวิวภูเขาวาชูซัน(Washuzan Observation Deck) เราจะต้องนั่งรถไฟ JR จากสถานี Okayama ไปลงสถานี Kojima (ใช้พาสได้) โดยขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ Limited Express Shiokaze ขึ้นชานชาลาฝั่งที่ไปปลายทาง Matsuyama ใช้เวลาเดินทางประมาณ 18 นาที จะออกตั๋วแบบจองที่นั่งล่วงหน้า หรือไม่จองก็ได้ ช่วงที่ผมไปคนน้อยมาก ไปขึ้นขบวน non-reserved seat ได้เลย ถ้าไปช่วงเทศกาลแนะนำว่าให้จองล่วงหน้าครับ

เมื่อมาถึงสถานีโคจิมะ เราจะต้องนั่งรถบัสของชิโมเด็น Shimoden (下電バス) ต่อไปยังจุดชมวิว ให้ไปขอรับแผนที่กับตารางเวลาเดินรถจากเค้าท์เตอร์ Information ที่อยู่ในสถานีโคจิมะได้เลยครับ คุณป้าให้คำแนะนำดีและน่ารักมากๆ ผมว่าแกน่าจะพูดภาษาอังกฤษได้แหล่ะ การเดินทางใช้เวลา 30 นาที

จากนั้นให้ไปรอขึ้นรถที่ชานชาลาหมายเลข 4 เดินออกไปจากสถานีจะอยู่ซ้ายมือ ผมขึ้นรถรอบ 15.30 น. และกลับมาจากเขาด้วยรถเที่ยวสุดท้ายพอดีตอน 17.59น. การไปชมวิวที่วาชูซันนี้ผมแนะนำให้ไปช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะนิยมไปรอชมพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น
ค่ารถ 220 เยนต่อเที่ยว จ่ายที่คนขับได้เลย หรือใครมี IC Card จะใช้แตะบัตรเอาก็ได้ ระหว่างทางบัสจะจอดที่สวนสนุก Washuzan Highland ใครที่มีเวลาจะเที่ยวสวนสนุกก่อนก็ลงป้ายนั้นได้ครับ ถ้าใครจะแวะเที่ยวสวนสนุก+ไปชมวิว แนะนำให้ซื้อ
ตั๋วเหมาวันในราคา 520 เยน คุ้มกว่า เพราะจะขึ้นลงรถกี่รอบก็ได้ โดยซื้อจากคนขับรถได้เลย แจ้งเขาว่า 1 Day Ticket หรือ "อิจินิจิโจฉะเค็ง" 一日乗車券 ครับ
เลยป้ายสวนสนุกมาสักพักก็จะมาถึงป้ายจุดชมวิว
Washuzan Dai Ni Tenboudai 鷲羽山第二展望台 จุดลงรถขามาและขึ้นกลับคือจุดเดียวกัน ให้จำไว้นะครับเพราะขากลับเราต้องมาขึ้นตรงนี้ คุณผู้หญิงอย่าพยายามเอาสัมภาระติดตัวไปเยอะ เพราะเราต้องเดินขึ้นเขา ด้วยทางที่ลาดชันค่อนข้างเหนื่อยพอสมควรครับ แต่พอขึ้นไปเจอวิวสวยๆ ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ท้องฟ้าของเขาแทบจะเป็นสีฟ้าเดียวกับน้ำทะเล บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ

สะพานที่เราเห็นจากข้างบนคือสะพานแขวนเซโตะ Seto Ohashi Bridge เป็นสะพานที่เชื่อมต่อจากเกาะหลักฮอนชู ไปยังเกาะชิโกกุ ได้รับการบันทึกสถิติในมิชลินกรีนไกด์ของญี่ปุ่น ว่าเป็นสะพานแขวนสองชั้นที่ยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้วิวพระอาทิตย์ตกดินที่มองจากภูเขาวาชูซันยังได้รับเลือกให้เป็นวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยติดอันดับ 1 ใน 100 ของญี่ปุ่นด้วย อ่านดูอาจจะไม่เห็นภาพ ต้องไปชมของจริงครับ

20.00น. หลังจากเดินจนเท้าเปื่อย เราก็กลับมาถึงโอคายามะ เช็คอินที่โรงแรม เก็บของแล้วไปเดินหาข้าวเย็นทานแถวๆสถานี มีช็อปปิ้งสตรีทอยู่ตรงข้ามสถานีเลยครับ หน้าทางเข้าเป็นบอลลูนลูกพีชยักษ์

ปรากฎว่าเข้าไปร้านรวงเตรียมปิดกันหมดแล้ว ที่นี่เขาปิดร้านกันเร็วมาก สองสามทุ่มก็ทยอยปิดกันหมดแล้ว อาจเป็นเพราะเข้าสู่ฤดูหนาว มีแต่ร้านอาหารเฉพาะพวกอิซากายะ (ร้านเหล้า) ที่ยังเปิดอยู่จึงไม่มีทางเลือกครับ

ร้านที่ผมเข้า ชื่อร้าน Izakaya Osaka Manmaru 居酒屋大阪満マル岡山駅前店 คุชิคัทสึ หรืออาหารเสียบไม้ทอดของเขาอร่อยมาก เริ่มต้นที่ไม้ละ 100 เยน ผมไม่แน่ใจว่าร้านจะมีเมนูภาษาอังกฤษหรือเปล่านะ แต่เมนูพอจะมีภาพบ้าง คุชิคัทสึที่ผมสั่งมามีพริกหยวก หน่อไม้ฝรั่ง ไก่ รากบัว โมจิ เห็ดหอม เขาจะเสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงกะหล่ำปลีสดฟรีขอเพิ่มได้

ลิ้นวัวย่างเกลือนี้อร่อยมากครับ บางและหอม ทานกับข้าวสวยร้อนๆถ้วยเดียวก็อิ่มแล้ว

วิธีรับประทาน บนโต๊ะจะมีกล่องซอสวางอยู่ ให้เรานำอาหารเสียบไม้ของเราเข้าไปจุ่มในนั้นแหล่ะครับ แต่ให้จุ่มแค่ครั้งเดียวห้ามกัดแล้วมาจุ่มซ้ำ เพราะมันเป็นซอสเวียนครับ
ผมมีข้อมูลเล็กน้อยมาฝาก ร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะต้องนำบิลที่เขามาวางให้บนโต๊ะ ไปจ่ายเองที่เค้าน์เตอร์ ถ้าร้านไหนที่พนักงานเดินมาเก็บเอง หากเราต้องการเช็คบิลให้เราแจ้งพนักงานว่า “สุมิมาเซน ไคเค โอเนงัยชิมัส すみません。会計お願いします。” แปลว่า โทษค่ะ/คร้าบ เช็คบิลด้วย นั่นเอง

น้ำจิ้มวัดใจ วางมาให้บนโต๊ะให้จุ่มเอาตามสะดวก แต่ห้ามกัดแล้วมาจุ่มซ้ำเป็นอันขาด เอาเป็นว่าผมเชื่อมั่นในตัวคนญี่ปุ่นครับ 555
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สาม(โรงแรมหาร2คน)
ค่าโรงแรมที่โอคายามะ2คืน+อาหารเช้า 6255 เยน
ค่ารถบัสไปจุดชมวิวภูเขาจากสถานีโคจิมะ ไปกลับ 440 เยน
ค่าข้าวและขนม 2689 เยน
ช้อปปิ้ง 1266 เยน
รวมใช้เงินไป 3,088 บาท
[CR] บันทึกการเดินทางตะลุยญี่ปุ่นแบบกึ่ง unseen 6 เมือง 14 วัน งบไม่ถึงแสน "Road Trip สั้นๆ จ.โอคายามะมีอะไร?"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY 3 ||| 4 พ.ย.62 ||| ชมวิวสะพานเชื่อมเกาะชิโกกุ
08.30น. ทานข้าวเช้าและเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม วันนี้จะต้องเดินทางด้วยชินคันเซนเป็นวันแรกของทริปเพื่อไป จ.โอคายามะ ตื่นแต่เช้าหน่อยเพื่อเผื่อเวลาไปขึ้นรถไฟให้ทันเที่ยว 10.00น. การขึ้นชินคันเซนไม่มีอะไรซับซ้อนอย่างที่คิด (ง่ายกว่ารถไฟธรรมดาเสียอีก) ป้ายบอกทางชัดเจนว่าสถานีชินคันเซนไปทางไหน
เมื่อมาถึงสถานีชินคันเซน ให้เราดูตารางเวลาที่โชว์อยู่บนบอร์ด เพื่อเช็คเลขชานชาลาของรถไฟเที่ยวของเรากับตั๋วในมือ ว่าเราต้องไปขึ้นที่ชานชาลาไหน (Platform/のりば) จากนั้นก็เดินตามป้ายไปรอรถไฟได้เลยครับ เวลาที่เขียนอยู่บนหน้าตั๋วเรา คือเวลาที่รถไฟออกจากชานชาลานะครับ เพราะฉะนั้น ควรไปรอก่อนสัก 5-10 นาทีเพื่อความปลอดภัย รถไฟเขาออกตรงเวลามากๆครับ
ที่นั่งภายในสะดวกสบาย มีที่วางกระเป๋าสัมภาระอยู่ท้ายตู้ และเหนือศีรษะ เบาะพนักพิงปรับเอนนอนได้ มีรูปลั๊กสำหรับชาร์จไฟ Free Wi-Fi ในขบวน มีที่แขวนเสื้อโค้ท และมี Tray สำหรับดึงมาเป็นโต๊ะทานข้าวได้ด้วย ระหว่างทางจะมีพนักงานเข็นอาหารและเครื่องดื่มมาขาย (ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา) รถไฟญี่ปุ่นสามารถรับประทานขนมหรืออาหารได้ตามสบายครับ แค่ต้องเปิดเสียงมือถือเป็นระบบสั่นเพื่อเป็นมารยาท ภาพด้านล่างนี้ คือเบาะที่นั่งด้านหน้าซึ่งจะบอกว่าเราอยู่ในตู้ขบวนที่เท่าไร (号車)
ชินคันเซนตกแต่งภายในคล้ายเครื่องบินมากๆ
ในส่วนของห้องน้ำก็สะอาดมาก มีกระดาษทิชชู่ให้ ใช้แล้วโยนทิ้งลงไปในชักโครกได้เลย เวลากดน้ำให้กดปุ่มดำๆบนผนังตามรูป (บางขบวนเป็นเซ็นเซอร์ให้เอามือไปโบกๆ)
การเดินทางไปจ.โอคายามะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษๆ นั่งชมวิวไปเพลินๆ ได้เห็นภูมิทัศน์แปลกตา แป๊ปเดียวก็ถึงแล้วครับ
12.20น. เดินทางถึงสถานีโอคายามะ อากาศค่อนข้างเย็นกว่านาโงย่าประมาณ 4-5 องศา โอคายามะคือเมืองแห่งลูกพีช เชื่อเลยครับไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน คุณจะเจอแต่ พีชเต็มไปหมด ลูกพีชเปรียบเสมือนผลไม้ประจำเมืองของที่นี่ และเป็นพีชขาว (Hakutou) ซึ่งเริ่มปลูกมาตั้งแต่สมัยเมจิ ปี 1875 นับเป็นพีชที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น เสียดายที่ผมมาตอนฤดูที่ไม่มีพีชสดขายแล้ว (พีชออกผลตอนช่วงฤดูร้อน เดือนสิงหาคม) เลยอดชิมพีชสดเลย นอกจากนี้ เมืองนี้ยังเป็นต้นกำเนิดแห่งตำนานโมโมทาโร่อีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับรูปปั้นโมโมทาโร่ที่หน้าสถานีนะครับ
ใกล้กับสถานีมีดองกี้ 3 ชั้น / BIC CAMERA / animate เห็นแล้วอยากจะช้อปเดี๋ยวนั้น แต่ต้องไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน เพราะมีตารางเที่ยวที่ต้องไปบ่ายนี้ก่อนเที่ยวรถจะหมด นั่นก็คือจุดชมวิวบนภูเขาวาชูซัน (Washuzan Observation Deck) เป็นจุดชมวิวสะพานที่เชื่อมต่อไปยังเกาะชิโกกุของญี่ปุ่น
13.30น. โรงแรมที่ผมพักที่โอคายามะเป็นโรงแรมเล็กๆ อยู่ห่างจากสถานีประมาณ 700 เมตร เดิน 10-15 นาที ผมจองผ่านบุคกิ้ง 2 คืน คนละประมาณ 1,800 บาท เดี๋ยวเราไปฝากกระเป๋า ทานข้าวกลางวันแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลยครับแล้วค่อยกลับมาเช็คอินตอนค่ำ
ผมรีวิวให้ดูล่วงหน้าเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องแทรกโพสตอนหลัง ที่นี่ห้องค่อนข้างกว้างกว่าที่นาโงย่า ห้องน้ำสีตุ่นๆหน่อยแต่สะอาด และที่สำคัญฝารองนั่งมีฮีทเตอร์ นอกเหนือจากแชมพู ครีมนวด สบู่อาบน้ำแล้วก็ยังมีโลชั่น โฟมล้างหน้า และที่ลบเครื่องสำอางค์เตรียมไว้ให้สำหรับคุณผู้หญิง อาหารเช้าของที่นี่จะเป็นขนมปังหลากหลายแบบให้เราเลือกหยิบคนละ 1 ชิ้น และซาลาเปาหยิบได้ไม่จำกัด
โรงแรมนี้ไฟกลางห้องจะควบคุมด้วยรีโมทตามรูป ตัวขวามือ
ไปต่อกันเลยครับ การเดินทางไป จุดชมวิวภูเขาวาชูซัน(Washuzan Observation Deck) เราจะต้องนั่งรถไฟ JR จากสถานี Okayama ไปลงสถานี Kojima (ใช้พาสได้) โดยขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ Limited Express Shiokaze ขึ้นชานชาลาฝั่งที่ไปปลายทาง Matsuyama ใช้เวลาเดินทางประมาณ 18 นาที จะออกตั๋วแบบจองที่นั่งล่วงหน้า หรือไม่จองก็ได้ ช่วงที่ผมไปคนน้อยมาก ไปขึ้นขบวน non-reserved seat ได้เลย ถ้าไปช่วงเทศกาลแนะนำว่าให้จองล่วงหน้าครับ
เมื่อมาถึงสถานีโคจิมะ เราจะต้องนั่งรถบัสของชิโมเด็น Shimoden (下電バス) ต่อไปยังจุดชมวิว ให้ไปขอรับแผนที่กับตารางเวลาเดินรถจากเค้าท์เตอร์ Information ที่อยู่ในสถานีโคจิมะได้เลยครับ คุณป้าให้คำแนะนำดีและน่ารักมากๆ ผมว่าแกน่าจะพูดภาษาอังกฤษได้แหล่ะ การเดินทางใช้เวลา 30 นาที
จากนั้นให้ไปรอขึ้นรถที่ชานชาลาหมายเลข 4 เดินออกไปจากสถานีจะอยู่ซ้ายมือ ผมขึ้นรถรอบ 15.30 น. และกลับมาจากเขาด้วยรถเที่ยวสุดท้ายพอดีตอน 17.59น. การไปชมวิวที่วาชูซันนี้ผมแนะนำให้ไปช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะนิยมไปรอชมพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น
ค่ารถ 220 เยนต่อเที่ยว จ่ายที่คนขับได้เลย หรือใครมี IC Card จะใช้แตะบัตรเอาก็ได้ ระหว่างทางบัสจะจอดที่สวนสนุก Washuzan Highland ใครที่มีเวลาจะเที่ยวสวนสนุกก่อนก็ลงป้ายนั้นได้ครับ ถ้าใครจะแวะเที่ยวสวนสนุก+ไปชมวิว แนะนำให้ซื้อ ตั๋วเหมาวันในราคา 520 เยน คุ้มกว่า เพราะจะขึ้นลงรถกี่รอบก็ได้ โดยซื้อจากคนขับรถได้เลย แจ้งเขาว่า 1 Day Ticket หรือ "อิจินิจิโจฉะเค็ง" 一日乗車券 ครับ
เลยป้ายสวนสนุกมาสักพักก็จะมาถึงป้ายจุดชมวิว Washuzan Dai Ni Tenboudai 鷲羽山第二展望台 จุดลงรถขามาและขึ้นกลับคือจุดเดียวกัน ให้จำไว้นะครับเพราะขากลับเราต้องมาขึ้นตรงนี้ คุณผู้หญิงอย่าพยายามเอาสัมภาระติดตัวไปเยอะ เพราะเราต้องเดินขึ้นเขา ด้วยทางที่ลาดชันค่อนข้างเหนื่อยพอสมควรครับ แต่พอขึ้นไปเจอวิวสวยๆ ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ท้องฟ้าของเขาแทบจะเป็นสีฟ้าเดียวกับน้ำทะเล บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
สะพานที่เราเห็นจากข้างบนคือสะพานแขวนเซโตะ Seto Ohashi Bridge เป็นสะพานที่เชื่อมต่อจากเกาะหลักฮอนชู ไปยังเกาะชิโกกุ ได้รับการบันทึกสถิติในมิชลินกรีนไกด์ของญี่ปุ่น ว่าเป็นสะพานแขวนสองชั้นที่ยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้วิวพระอาทิตย์ตกดินที่มองจากภูเขาวาชูซันยังได้รับเลือกให้เป็นวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยติดอันดับ 1 ใน 100 ของญี่ปุ่นด้วย อ่านดูอาจจะไม่เห็นภาพ ต้องไปชมของจริงครับ
20.00น. หลังจากเดินจนเท้าเปื่อย เราก็กลับมาถึงโอคายามะ เช็คอินที่โรงแรม เก็บของแล้วไปเดินหาข้าวเย็นทานแถวๆสถานี มีช็อปปิ้งสตรีทอยู่ตรงข้ามสถานีเลยครับ หน้าทางเข้าเป็นบอลลูนลูกพีชยักษ์
ปรากฎว่าเข้าไปร้านรวงเตรียมปิดกันหมดแล้ว ที่นี่เขาปิดร้านกันเร็วมาก สองสามทุ่มก็ทยอยปิดกันหมดแล้ว อาจเป็นเพราะเข้าสู่ฤดูหนาว มีแต่ร้านอาหารเฉพาะพวกอิซากายะ (ร้านเหล้า) ที่ยังเปิดอยู่จึงไม่มีทางเลือกครับ
ร้านที่ผมเข้า ชื่อร้าน Izakaya Osaka Manmaru 居酒屋大阪満マル岡山駅前店 คุชิคัทสึ หรืออาหารเสียบไม้ทอดของเขาอร่อยมาก เริ่มต้นที่ไม้ละ 100 เยน ผมไม่แน่ใจว่าร้านจะมีเมนูภาษาอังกฤษหรือเปล่านะ แต่เมนูพอจะมีภาพบ้าง คุชิคัทสึที่ผมสั่งมามีพริกหยวก หน่อไม้ฝรั่ง ไก่ รากบัว โมจิ เห็ดหอม เขาจะเสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงกะหล่ำปลีสดฟรีขอเพิ่มได้
ลิ้นวัวย่างเกลือนี้อร่อยมากครับ บางและหอม ทานกับข้าวสวยร้อนๆถ้วยเดียวก็อิ่มแล้ว
วิธีรับประทาน บนโต๊ะจะมีกล่องซอสวางอยู่ ให้เรานำอาหารเสียบไม้ของเราเข้าไปจุ่มในนั้นแหล่ะครับ แต่ให้จุ่มแค่ครั้งเดียวห้ามกัดแล้วมาจุ่มซ้ำ เพราะมันเป็นซอสเวียนครับ ผมมีข้อมูลเล็กน้อยมาฝาก ร้านอาหารในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะต้องนำบิลที่เขามาวางให้บนโต๊ะ ไปจ่ายเองที่เค้าน์เตอร์ ถ้าร้านไหนที่พนักงานเดินมาเก็บเอง หากเราต้องการเช็คบิลให้เราแจ้งพนักงานว่า “สุมิมาเซน ไคเค โอเนงัยชิมัส すみません。会計お願いします。” แปลว่า โทษค่ะ/คร้าบ เช็คบิลด้วย นั่นเอง
น้ำจิ้มวัดใจ วางมาให้บนโต๊ะให้จุ่มเอาตามสะดวก แต่ห้ามกัดแล้วมาจุ่มซ้ำเป็นอันขาด เอาเป็นว่าผมเชื่อมั่นในตัวคนญี่ปุ่นครับ 555
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่สาม(โรงแรมหาร2คน)
ค่าโรงแรมที่โอคายามะ2คืน+อาหารเช้า 6255 เยน
ค่ารถบัสไปจุดชมวิวภูเขาจากสถานีโคจิมะ ไปกลับ 440 เยน
ค่าข้าวและขนม 2689 เยน
ช้อปปิ้ง 1266 เยน
รวมใช้เงินไป 3,088 บาท
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้