ราอุด้าห์ อาตีฟ เด็กสาววัยเพียง20กว่าชาวมัลดีฟจากครอบครัวมีฐานะซึ่งพ่อของเธอมีอาชีพเป็นนายแพทย์และเลี้ยงดูลูกสาวมาแบบมุสลิมรุ่นใหม่ด้วยแบบคนมีการศึกษา......

ราอูด้าห์ หรือ ราวด้าห์เป็นเด็กสาวชาวมัลดีฟที่ใครๆทุกคนต่างอิจฉาเพราะเธอมีพร้อมทุกอย่างที่เด็กสาวหลายคนไม่มี

ครั้นเมื่อวัย14 ราวด้าห์ได้เรียนในโรงเรียนนานาชาติดังของคนมีฐานะในมัลดีฟเธอได้เข้าค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนจัดให้ซึ่งมีการถ่ายทอดในทีวีโทรทัศน์ที่มัลดีฟซึ่งนั้นเป็นครั้งแรกที่ราวด้าห์ได้เข้าตาแมวมองในวงการบรรเทิง ด้วยดวงตาสีฟ้าอมเขียวอ่อนเหมือนสีเทอร์ควอยซ์ตัดกับรูปลักษณ์แบบชาวมัลดีฟทำให้เธอได้รับการทาบทามให้มาถ่ายภาพแฟชั่นของประเทศมัลดีฟจนเป็นที่รู้จักในฐานะสาวเอเชียใต้ตาสีฟ้ามิ้นต์

ด้วยวัยเพียงไม่เท่าไหร่พอย่างเข้าวัยรุ่นภาพถ่ายของเธอก็ดังไปทั่วประ้ทศย่านเอเชียใต้และออสเตรเลียจนได้ถ่ายภาพเป็นนางแบบลงนิตยาสารVouge อินเดีย....... ราวด้าห์ไม่เพียงแต่จะสวยและมีครอบครัวที่สมบูรณ์แต่เธอยังเป็นคนที่หัวดีและเรียนเก่งมากอีกด้วย เธอต้องการจะเดินรอยตามพ่อที่เป็นหมอและสอบชิงทุนเข้าคณะแพทย์ของมัลดีฟซึ่งส่งให้เธอไปเรียนต่อยังวิทยาลัยทางการแพทย์ชื่อดังของประเทศบังกลาเทศในเมืองราชาฮี......  ที่นั้นเธอได้พักอยู่ในหอพักนักศึกษาหญิงของคณะและได้รูมเมทเป็นนักเรียนหญิงชาวแขกขาวสามคนที่เป็นพวกมุสลิมสายเคร่ง

ราวด้าห์รู้ดีว่าบังกลาเทศเป็นอิสลามสายเคร่งและเธอก็ไม่ได้พยามทำตัวที่ดูไม่เหมาะสมเธอสวมฮิยาบไปเรียนหนังสือพร้อมทั้งเสื้อผ้ามิดชิดเช่นเสื้อแขนยาวและกางเกงยีน....... แต่ก็ยังมักถูกเพื่อนๆผู้หญิงชาวมุสลิมแขกขาวตำหนิเธออยู่บ่อยๆว่าชุดของเธอมันไม่สุภาพและกางเกงยีนก็เข้ารูป...... นักศึกษาหญิงคนอื่นๆในวิทยาลัยต่างใส่อาปาญ่าคลุมหน้าและชุดรุ่มร่ามแต่เธอใส่เพียงฮิยาบคลุมผมกับชุดแบบวัยรุ่นสาวชาวตะวันตก

บรรดานักสืบออนไลน์ชาวตะวันตกต่างกล่าวกันว่าบรรดาเพื่อนๆผู้หญิงชาวมุสลิมแขกขาวน่าจะอิจฉาและหมั่นไส้ราวด้าห์เพราะเธอสวยและโด่งดังมากในโซเชียลมีเดียไปจนถึงตะวันตก..... ราวด้าห์ไม่เพียงแต่เป็นนางแบบโวคเธอยังเป็นนักเรียนแพทย์และเป็นอินเตอร์เน็ตไอดอลอีกด้วย...... ราวด้าห์เปิดบัญชีอินสตาแกรมและเริ่มลงภาพถ่ายแฟชั่นทั้งแบบเซวฟี่ตัวเองและแฟชั่นแบบมืออาชีพที่เธอเคยจ็อบก่อนหน้านั้น

ราวด้าห์ยังคงโพสต์ภาพโชวฺ์แฟชั่นแนวตะวันตกในขณะที่ยังเรียนอยู่ในวิทยาลัยการแพทย์อิสลามแห่งราชาฮีซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงมาก....... เธอมีคนจากทั่วโลกตาม follow เธอและนั้นก็ทำให้บรรดาเพื่อนๆชาวมุสลิมร่วมวิทยาลัยไม่พอใจและ

โดนบูลลี่

ในที่สุดเหตุการณ์อันเหลือเชื่อและไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น...... ตำรวจได้รับรายงานในเดือนมีนา 2017 ว่าเธอได้แขวนคอตายในหอพักของวิทยาลัยแพทย์...... โดยผู้เห็นการตายเป็นคนแรกก็คือกลุ่มเพื่อนหญิงมุสลิมชาวแขกขาวที่ร่วมห้องเดียวกันเป็นคนแจ้งแก่วิทยาลัย

พ่อของราวด้าห์ที่เป็นหมอและพี่ชายต้องรีบบินจากมัลดีฟขึ้นไปยังบังกลาเทศพวกเขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าราวด้าห์นั้นฆ่าตัวตายเพราะเธอเป็นคนที่มีความสุขมากและไม่มีอะไรที่จะทำให้เธออยากตายไปได้...... ร่างของเธอโดยชัณสูตรครั้งแรกโดยทางทีมแพทย์ของมหาลัยเองในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยซึ่งให้ข้อสรุปว่าเธอฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ

หลังจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทางตำรวจของบังกลาเทศซึ่งให้เหตุผลเดียวกันแต่ครอบครัวของราวด้าห์และแฟนคลับในโซเชียลมีเดียต่างไม่เชื่อเรื่องนี้......

พ่อของราวด้าห์ ได้ ยื่นฟ้อง น. ส ศิรัตน์ ปาวินทร์ นักศึกษาแพทย์หญิงมุสลิมชาวแคชเมียร์และเพื่อนๆแขกขาวที่ร่วมห้องอีกสามคนก่อนที่ทีมแพทย์ออสเตรเลียจะส่งมาชันสูตรเธออีกรอบ..... พวกเขาพบว่าเธอมีรอยแผลเป็นที่คอซึ่งครอบครัวของราวด้าห์กล่าวว่าเธอไม่เคยมีแผลเป็นนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เด็ก

มีเหตุการณ์น่าสงสัยมากมายที่ครอบครัวของเด็กสาวแน่ใจว่าเป็นการฆาตรกรรมเช่นเธอมักเล่าว่าโดนเพื่อนๆหาเรื่องและรังเกียจเธอเรื่องที่เธอไม่เป็นมุสลิมในสายตาพวกเขา...... นอกจากนี้อินสตาแกรมของเธอยังโดนแฮ็กเข้าไม่ได้แล้วอยู่ๆก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้งหลังการตายของเธอ..... ทางตำรวจไอทีกล่าวว่ามีคนเพียงแค่สองคนที่ unfollow เธอในวันให้หลังการตาย1วันซึ่งมันแปลกมากราวกับว่ามีพิรุทจึงต้อง unfollow ออกไปและถ้าด้วยความไม่ตั้งใจเหตุใดจึงตัองเป็นหลังจากวันที่เธอตาย1วันและมีแค่2คนเท่านั้นที่ unfollow

และในมหาลัยแห่งนี้เองที่เคยมีคดีนักศึกษาฆ่าตัวตายด้วยวิธีเดียวกันนี้แต่มาสืบได้ภายหลังว่าเป็นเพราะโดนฆาตรกรรมแต่จับหาตัวต้นตอไม่ได้ทุกครั้ง...... ครอบครัวของราวด้าห์เชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของพวกกลุ่มคลั่งศาสนาในวิทยาลัย...... หลังการชันสูตรรอบที่3โดยแพทย์ออสเตรเลียก็ยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้นอกจากการฆ่าตัวตายแต่มีสาเหตุอื่นนอกเหนือจากการแขวนคอคือโดนลมควัน..... ก่อนหน้านั้นราวด้าห์เคยเล่าว่าเธอหมดสติไปในห้องพักนักศึกษาอย่างประหลาดราวกับมีใครใส่ยานอนหลับให้ดื่ม

ในที่สุดนักศึกษาร่วมห้องอีกสามคนก็ไม่ได้ตกเป็นจำเลยในคดึเพราะทุกอย่สงคลุมเคลือหาเหตุผลไม่ได้..... ร่างของราวด้าห์ถูกฝังที่เมืองราชาฮีในบังกลาเทศโดยมีฑูตมัลดีฟประจำบังกลาเทศมาเป็นประธานในงานศพของเธอ