คบกับคนที่เราไม่ได้รัก จะคบได้นานแค่ไหนคะ

เข้าเรื่องเลยละกัน
เราอายุ 24 จะ 25 แล้วค่ะ ปัจจุบันเราคบกับ ผช. คนนึ่งอยู่ซึ่งรู้จักมาเกือบ 7 ปีแล้ว เราสองคนเป็นเพื่อนที่เรียนมหาลัยมาด้วยกัน
.
รู้จักกันตอนเข้าปี 1 และเราเริ่มคบกันตั้งแต่ปี 2 จนถึงปี 4 แล้วได้เลิกกัน 1 ปี 
ระหว่าง 1 ปีนั้นเราก็คบคนใหม่ คบได้ไม่นานก็เลิก แล้วกลับมาคบคนนี้ต่อจนปัจจุบัน
.
เราจะเล่าทั้งหมด 3 ช่วงใหญ่ๆละกัน
ช่วงแรกคือ ช่วงที่คบกับตั้งแต่ ปี 2 - ปี 4
ช่วงสองคือ ระหว่างเลิกกัน
ช่วงสามคือ หลังจากกลับมาคบกันจนปัจจุบัน

***********ช่วงแรก (ยาวหน่อยเกรินเยอะ)

ในระหว่างที่คบกันก่อนจะเลิก สำหรับเรานะ ผช.คนนี้ไม่มีความเป็นนำ เราเป็น ผญ.ที่หาเงินเก่ง ทำงานเก่ง 
(เราทำงานส่งตัวเองเรียน ให้เงินพ่อแม่ และดูแลซัพพอตคนที่คบด้วย คือเรายืนได้ด้วยตัวเองแล้วเนี่ยละ) 
เรียนก็ไม่แย่ คือเราก็ไม่รู้เราอวยตัวเองไหม แต่ทั้งหมดที่พูดมา คือเราเป็นแบบนั้นจริงๆ
 
แต่มันไม่ใช่ว่า ผช. คนนี้จะไม่มีข้อดีนะ เขาเป็น ผช.ที่หน้าตาดี (ห้ะ55555) 
ไม่เที่ยว ไม่ติดเพื่อน ไม่กินเหล้า (กินบ้างตอนนัดเจอเพื่อน) ไม่สูบบุหรี่ 
ไม่นอกใจ (หรือเราจับไม่ได้5555) สุภาพ ไม่พูดหยาบ ไม่เคยทำร้ายร่างกาย 
ใจเย็น ใช้ทำงานบ้านก็ทำ คือถ้าเราอยู่ด้วยกัน เขาทำทุกอย่างนะ 
ล้างจาน ทำอาหารซักผ้า ตากผ้า (เราไม่เก่งงานบ้าน) สลับกันคือเราคอยจ่ายเงินและดูแลเรื่องจ่ายใช้จ่าย 
.......ก็เนี่ยละฮะ ข้อดีนี้คือเป็นสเป็กในฝันของสาวๆเลยใช่ไหมละ
 
ในระหว่างที่คบกันในตอนเรียน คือเรานอกจากจะต้องวางแผนการทำงานหรือการเรียนของเราเองแล้ว 
เรายังต้องคอยจัดแจงเวลาทำการบ้านให้แฟนเราด้วย

⚡อาธิเช่น เวลาได้โปรเจคมาสักชิ้น (เรียนสถาปัตย์จ้า) เราจะต้องทยอยทำการบ้านไปเรื่อยๆตั้งแต่ได้งานมา 
มันเป็นเพราะเราต้องแบ่งเวลาเรียนและทำงานอื่นด้วย (งานฟรีแลนท์) แต่ในขนาดเดียวกัน 
แฟนเราก็จะดองงานไว้กลับบ้านก็เล่นเกมส์ ตอนเรียนก็หลับ งานจะไม่ทำจนกว่าวันที่ใกล้ส่ง 
เราเข้าใจนะ เพราะเพื่อนทุกคนเราก็เป็นแบบนี้ แต่เราก็คอยบอกแฟนให้ช่วยทยอยทำงานตัวเองบ้าง 
เพราะคือถ้างานไม่เสร็จอะ คืนนั้นคนที่ต้องช่วยงานเขาก็คือเราเนี่ยละ ถ้านานๆทีเราก็ไม่ว่าอะไรนะ ถือว่าช่วยๆกัน 
แต่มันไม่ใช่บางงานไง มันคือเกือบทุกงานที่เราต้องช่วย 
เพราะงั้น เราเลยจำเป็นต้องวางแผนการเรียนให้เขาเพราะมันกระทบกับงานของเราด้วย 
แต่ก็ไม่ได้ทำตามสักเท่าไหร่ เราก็ยังต้องช่วยงานเขาบ่อยๆ เขาเคยให้เหตุผลว่า 
'เนี่ยเห็นไหม มันก็ทำทัน ไม่เห็นเป็นไร' เห้อ..... คือถ้าเราไม่ช่วย เรามั่นใจ ว่าไม่ทัน 
เราจะไม่ยุ่งวุ่นวายชีวิตการเรียนเขาเลยนะ ถ้าเขาดูแลตัวเองเรื่องเรียนได้
 
นอกจากนั้น เราซัพพอต (สายเปย์น้ะ55) ทั้งเรื่องกินลามไปยันเรื่องเรียน ... ใช่ฮะ เรื่องเรียนก็ด้วย 
สถ.งานเยอะ ก็ค่าใช้จ่ายเยอะแหล่ะ เราก็ไม่รู้นะ ว่าแฟนเราที่บ้านให้เงินไม่พอ 
หรือเขาใช้จ่ายเงินไม่เป็นอันนี้ก็ไม่รู้ แต่ก็ตามนั้น ช่วยกันได้ก็ช่วยไป
⚡ปล.แฟนจ่ายบ้าง เลี้ยงบ้าง แต่เราก็ซัพพอตให้มากกว่า 
อันนี้เราไม่โวยวายอะไรนะ เราเข้าใจว่าเขายังขอเงินพ่อแม่อยู่ 
ส่วนเราก็ทำงานแล้ว บางทีเราจ่ายมากกว่า หรือคอยดูแลมากกว่า เราก็ไม่คิดมากอะไร
 
ในตอนที่งอน เขาจะไม่ค่อยง้อ เขาจะเป็น ผช.บื้อๆ ทุกครั้งที่งอนกัน ทะเลาะกัน เราจะต้องหายงอนเองตลอด 
แต่ก็ อะ ช่างมัน ไร้สาระเรื่องงอนเล็กๆน้อย

ในส่วนข้อบกพร่องเราเคยบอกแฟนเราก่อนจะเลิกกันนะ ว่าปรับตัวหน่อยไหม ทำตัวเป็นผู้นำให้บ้าง 
เวลาเราเหนื่อยเราไม่รู้จะปรึกษาใคร หรือไม่รู้จะพิงไหล่ใครเลย 
เราในตอนนั้นอาจจะแตกต่างกับเขาตรงที่เรามีภาระมากกว่าเขา 
เราเลยไม่ค่อยเข้าใจกันเรื่องนี้ บางทีเราเครียดอะแต่เราก็ระบายกับเขาไม่ได้ 
เราเคยระบายแล้วแต่เขาก็อ้ำๆอึ้งๆมา อาจจะยังไม่ถึงวัยเขามั้งที่จะมาเข้าใจเรื่องเครียดๆนี้ (อายุเท่ากันนี้หว่า555) 
อีกอย่างเขามองว่าเราแกร่งละมั้ง เราล้มก็ลุกได้มาเสมอในสายตาเขา 
แต่เชื่อเหอะว่าแกร่งแค่ไหน ก็อยากมีคนที่พึ่งพาได้บ้าง รับฟังได้บ้าง ช่วยเหลือได้บ้าง (เขียนไปน้ำตาซึมไป5555)
 
**********ช่วงสอง ช่วงที่เลิกกัน

เหตุการณ์ที่ทำให้เลิกกันคือ ช่วงนี้นั้นคือ ปี4 เราต่างคนต่างฝึกงาน 
ซึ่งเราฝึกงานคนละที่กัน เราอยู่หอส่วนเขาอยู่บ้าน 
วันนั้น เป็นวันที่เสาร์ เรากลับบ้านทุกวันเสาร์ตอนเย็น 
ละวันนั้นแฟนเรามาหาจะนอนค้างด้วยว่างั้นแหล่ะ แต่เราต้องกลับบ้านต้องเคลียงาน บลาๆ 
แฟนเราก็ไม่พอใจ ไม่พอใจถึงขั้นไม่พูด ไม่ช่วยเรายกของ (แบกโน๊ตบุ้ค ถุงเสื้อผ้า กระเป่าเครื่องสำอาง พลุงพลังมากตอนนั้น) 
คือพอออกจากห้องก็แยกย้ายกันนั่งแท็กซี่กลับคนละคัน (น้ำตาแตกบนแท็กซี่เลยจ้า) ซึ่งเขาไม่เคยเป็นแบบนั้น 
ในวันนั้น เราจำคำพูดเราคำนึ่งที่เคยพูดกับเขาได้เลยว่า

' วันนี้ที่เธอยังดีกับเราอาจเป็นเพราะเราดูแลเธอในตอนที่เธอยังไม่มีเงิน ไม่มีอะไร สักวันนึ่งเราจะคอยดู ว่าวันที่เธอมีเงิน เธอจะเป็นเหมือนเดิมไหม '

⚡ปล.ฝึกงานแล้วนางได้เงิน ค่ะ

แล้วก็ตามสเต็ป เราทะเลาะกัน ไม่ได้คุย ตอนนั้นเราคิดว่า 
'เห่ยย แค่ไม่ได้นอนด้วยกันเอง ต้องไม่พอใจถึงขั้นดึงตึงใส่เลยหรอ แล้วเหตุผลเราคือเราค้างงานนอกเยอะมาก 
เราเองงานก็เยอะ ถ้าไม่อยากให้เราทำงานเยอะ ทำไมไม่ช่วยงานเราบ้าง'
 
ก็นั้นแหล่ะความคิดในตอนนั้น เขาเองก็ไม่พอใจ ทำให้เราไม่คุยกัน 
ตอนนั้นเราตัดสินใจเลิกเลย แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ทำตัวเหมือนเดิม
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเราไม่ได้เลิกกัน 
(แต่เราย้ำตลอดนะ ว่าเลิกกันแล้วไม่ต้องทำเหมือนเดิมหรอก) - (เราสามารถคุยกับแฟนเก่าที่เลิกกันแล้วแบบเพื่อนได้)

และช่วงที่เราเลิกกัน เราก็คบกับคนใหม่
บอกก่อนว่า เราไม่ได้นอกใจ เราคบใครคบคนเดียว 
แต่เราเวลาเสียใจคือเสียใจแค่ไม่กี่วันเท่านั้นแหล่ะ 
เพราะกว่าเราจะตัดใจ จะเลิกรักใคร เราว่าเราคงเสียใจและตัดสินใจดีแล้ว 
เราเลยเสียใจแค่ไม่นาน แล้วเริ่มต้นใหม่ไว
 
หลังจากฝึกงานจบ เราก็เรียนต่อปี5 ระหว่างที่เราคบกับคนใหม่ 
เขาเองก็ไม่ได้คบกับใคร มีดูๆกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้คบกัน (เขาบอกเราแบบนั้น) 
ส่วนเรากับเขามีคุยๆกันบ้างในเรื่องเรียน (ก็เรียนด้วยกันอะ จะหนีหน้าก็ไม่รู้จะหนีไปไหน) 
แล้วเขาก็บอกเราตลอดว่า เขาจะรอเรา 

ในตอนเรียนปี 5 จะเป็นช่วงทำ THESIS ของเด็กสถาปัตย์ คือเป็นช่วงที่ต้องทำงานหนักหน่วงกับชีวิตมาก 
เราเองก็พอรับรู้มาว่า ตัวเขาไม่ค่อยทำงาน มาพรีเซ็นก็มาสาย ทำงานออกมาก็ไม่ครบไม่ทันงานไม่ดีบ้าง
เราเองก็อยู่ในจุดที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยงานเขาได้เหมือนตอนแรกแล้ว 
จนกระทั้งวันสุดท้ายของการส่ง THESIS จริง เราก็ไปช่วยเขา (ปล.งานเราเสร็จแล้ว) 
จะไม่ช่วยก็สงสารอะ มีทั้งอาจารย์ ทั้งเพื่อนนั้นแหล่ะ ที่คุยกับเราเป็นการส่วนตัวว่าให้พยุงเขาให้เรียนให้จบหน่อย 
เราเองก็รู้สึกผิดตอนนั้น ว่าเราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาล้มแบบนี้ 
(หลังจากช่วยเขา เขาก็จะเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน แต่เราไม่ไป)

หลังจากวันนั้นผ่านไปไม่กี่เดือน เราก็เลิกกับคนที่คบอยู่ (โดนนอกใจจ้า) 
และพอเขารู้ว่าเราเลิก เขาก็กลับเข้ามาในชีวิตเราอีกครั้ง
 
**********ช่วงที่สาม กลับมาคบกันจนปัจจุบัน

ในช่วงที่เลิกกับคนใหม่ ช่วงนั้นเราซ้อมรับปริญญาพอดี 
มันเลยทำให้เรากับเขาได้กลับมาเจอกันอีก เราเริ่มกลับมาคุยกันอีกครั้ง 
เหตุผลเดียวในตอนนั้นที่เรากลับมาคบกับเขาเพียงเพราะ เขายังรอเรา เขายังรักเรา 
ในตอนนั้น เรารู้ตัวเองนะ ว่าเราไม่ได้รักเขา 
แต่อาจเป็นเพราะ เราหมดรักไปแล้ว ตัดใจไปแล้ว มันเลยไม่ทำให้เรารู้สึกรัก 
และเราก็คิดไปเองว่าเราอาจจะกลับมารักเขาอีกครั้งก็ได้ 
.
จากวันที่กลับมาคบกัน จนถึงปัจจุบันนี้ ราวๆ 2 ปีได้
เขายังเหมือนกัน ยังมีข้อดีแบบชายในฝันของสาวๆ
และข้อเสียเดิมที่มีแต่แรกในวัยเรียน ก็ยังเป็นเหมือนกับวัยทำงาน ไม่มีการวางแผนชีวิต 
ในเรื่องของการทำงาน หรือการใช้เงิน เขายังใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ 
เราก็จากตอนแรกที่ซัพพอตเขายังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น 
คอยให้เงินใช้ตอนที่เงินเดือนหมด (เงินหมดตั้งแต่ต้นเดือนอะคิดเอา) 
เป็นทั้งผู้นำให้เขา เราอาจจะไม่ได้ทำมากเหมือนแต่ก่อน 
แต่สำหรับเราในตอนนี้เขาก็ยังไม่มีความเป็นผู้นำให้เราได้ 
มันไม่เกี่ยวแล้วว่าในตอนนั้นเขาเด็กอยู่เขาเลยไม่วางแผน
เพราะตอนนี้เขาก็ทำงานแล้ว และก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม
.
แต่เอาตรงๆ ข้อเสียพวกนั้น เรากลับมองข้ามไปด้วยซ้ำนะ ไม่รู้ว่าเราชิน 
หรือเราไม่ได้สนใจก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือ ตลอดมา เราพยายามที่จะรักเขา 
แต่เราก็ทำไม่ได้ เรามีเรื่องราวมากมายในชีวิตที่สอนเราว่า 
เราต้องรักตัวเองก่อนเสมอ คือเขาไม่ได้ทำร้ายอะไรเรานะ 
แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำไม เราถึงคิดว่าเราควรรักตัวเองมากกว่าที่จะต้องรักเขา 
อาจเป็นเพราะ ทุกวันนี้เรายังต้องเจอเรื่องแย่ๆอยู่คนเดียวเหมือนเดิม 
ต้องแก้ปัญหา หรือเรื่องเครียดต่างๆเหมือนเดิม ยังพึ่งพาเขาไม่ได้ 
พออยากจะร้องไห้ก็ไม่รู้จะร้องจะระบายกับใคร 
สุดท้ายเราก็รู้สึกว่าเราตัวคนเดียว มันเลยสอนให้เรารู้ว่า 
มีแค่ตัวเราอะ ที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้ โดยที่ไม่ต้องหวังเพิ่งใครทั้งนั้น (เราใจร้ายไหมที่คิดแบบนี้ tt^tt)
.
นี้เป็นเรื่องราวทั้งหมดของเรา ทุกวันนี้ เรายังใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป 
เจอกันบ้างในเวลาที่ว่าง (ซึ่งส่วนมากก็ไม่ว่างหรอก5555) 
ยังเดินจับมือและฟังเสียงเขาบอกรัก (เราไม่เคยบอกรักเลยตั้งแต่กลับมาคบกัน / ใจร้ายอีกแล้วววว) 
และไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานไหม กว่าเราจะกลับมารักเขาอีก 
เราจำไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เราถึงหมดรักคนคนนี้ 
หรือบางทีอาจจะยังรักอยู่ก็ได้ แต่แค่รักตัวเองมากกว่า TOT
.
มีใครอยู่ในเหตุการณ์บ้าๆบอๆแบบนี้บ้าง พวกพี่ๆ ทำยังไงกับชีวิต 
ยังคบกับคนที่ไม่ได้รักเพียงเพราะเขารักเราไหม มันมีความสุขจริงๆไหม 
หรือควรจะทำยังไงดีคะ เคยคุยกับแม่แล้ว แม่บอก เขาเป็นคนดี คบๆเถอะลูก (เวร ฮัลโหลแม่ นี้ลูกเอ้งงงง5555555) 
จะปรึกษาเพื่อนก็ไม่ได้ เพื่อนเราก็เพื่อนเขา
.
หรือเรื่องทั้งหมด ก็ปล่อยให้มันใช้ชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆแบบนี้ไป 
เราอาจจะคิดมากเกินวัยไปเองไหม (อายุน้อยก็จริง แต่คิดไกลเกินอายุมาก5555555) 
.
เห้ออออออออออออออ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่