เมื่อเดือนที่ต.ค.ที่ผ่านมามีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมคุณสามีที่สวีเดนโดยสายการบิน Qatar
ขากลับขึ้นเครื่องจากสวีเดนมาที่กาต้าร์ราบรื่นดีไม่มีปัญหา แต่เที่ยวบินที่เกิดปัญหาคือจากกาตาร์มากรุงเทพฯ
ตามกำหนดการเดิมจะต้องเดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 7.05 ของวันที่ 22 ต.ค. แต่พอออกบินมาได้ราว 3 ชม. ก็มีประกาศบนเครื่องบินตามหาหมอหรือพยาบาลบนเครื่อง ประกาศซ้ำอยู่ราวๆ 3 ครั้ง!!! ตามด้วยลูกเรือเริ่มเดินถามมาเรื่อยๆ ทีละท่าน (เนื่องจากเป็นเที่ยวบินดึกผู้โดยสารหลับ) บรรยากาศบนเครื่องบินเริ่มดูตื่นเต้น ลูกเรือเริ่มวิ่งไปวิ่งมาซักพัก สุดท้ายมีเสียงประกาศจากกัปตันว่ามีผู้ป่วยบนเครื่องต้องนำเครื่องลงฉุกเฉิน!!! และเราก็ลงจอดที่สนามบินไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย ตอนประมาณตี 2 หลังจากนั้นเราก็ได้แต่รอและภาวนาให้ผู้โดยสสารท่านนั้นปลอดภัย ระหว่างรอเราก็เปิด Sim2fly เพื่อจะบอกคนที่มารับไม่ให้เป็นห่วง ปรากฎว่าหาเครือข่ายไม่เจอ T_T พยายามยังไงก็หาไม่เจอ เลยหา wifi แทนก็ไม่มี
ผ่านไปราวๆ 3 ชม. เราก็ยังคงอยู่ที่เดิม เราก็เริ่มไม่สบายใจเพราะกลัวคนที่มารับจะกังวล
ผ่านไป 5 ชม. เราก็ยังคงอยู่ที่เดิม
ประมาณ 8 โมงเช้าได้ยินกัปตันประกาศว่า กำลังรอสัญญาณให้ขึ้นบินของหอบังคับการบิน
ประมาณ 9 โมงเช้ากัปตันประกาศหมดเวลาการทำงาน
ประมาณ 9.30 กัปตันประกาศว่ากำลังรอตม. ดำเนินการเรื่องการเข้าเมือง
ประมาณ 10.00 กว่าได้ทยอยลงจากเครื่อง T_T
ประมาณ 11 โมงได้ผ่านตม. วิธีการผ่านตม.คือยึดพาสปอร์ตเราไปเลยและจดเลขที่นั่งบนเครื่อง
พอผ่านตม.เราก็ตามฝูงชนไป พนักงานภาคพื้นของกาต้าร์มีแค่ 1 คนเท่านั้น แต่ผู้โดยสารมีทั้งหมด 264 คน แน่นอนว่าทุกคนเหนื่อยและแย่งกันเข้าไปถาม เราเองเข้าไม่ถึงเลย เมื่อคนมาเยอะเจ้าหน้าหนึ่งเดียวท่านนี้ก็พาออกไปรอรถ ราวๆ ครึ่งชม. ก็มีรถบัสเก่าๆ คันแรกมาจอด แน่นอนค่ะ ทุกคนแย่งกันขึ้นรถ ไม่มีการเอื้อเฟื้อเด็ก คนท้อง แต่อย่างใด แย่งชิงเท่านั้น เราก็คิดว่ารอคันต่อไปดีกว่าเพราะไม่น่าจะสู้ไหว รถก็ทยอยมาทีละคันห่างกันราวๆ 10-15 นาที จนฝูงคนจาง เราและครอบครัวที่มีเด็กเล็กก็ได้ขึ้นรถค่ะ
รถขับไปเรื่อยๆ ผ่านเสียงแตรที่ดังตลอดทาง ผ่านไป 1 ชม. เราก็มาถึงโรงแรมค่ะ ซึ่งเป็นเวลาราวๆ บ่ายสอง แน่นอนว่าเรื่องยังไม่จบค่ะ เพราะคนแย่งกัน check in!!! กว่าจะได้ห้อง หิวมาก เหนื่อยมาก และทันทีที่ต่อ wifi ก็รีบติดต่อคนที่มารับที่แน่นอนว่าตกใจมาก...เนื่องจากที่สุวรรณภูมิแจ้งแค่เที่ยวบินล่าช้า ไม่ได้แจ้งว่าเกิดไรขึ้น และนอกเหนือไปจากนั้นคือแจ้งเจ้านายว่าขอลางานเพิ่ม เพราะจริงๆ ตั้งใจว่าลงเครื่องแล้วจะไปทำงานต่อ
เมื่อได้ห้องเราก็โทรสั่งข้าวกินเลย ในใจคิดว่าแพงไม่เป็นไรกลับไปเคลมประกันเอา หิวตาลายแล้ว แต่ทางโรงแรมแจ้งว่าอีกประมาณ 1 ชม.จะมีอาหารให้ เอ้ารอก้อรอ พอลงมาทานข้าวเหนื่อยมาก แต่เป็นอาหารอินเดียที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลย (ไม่รู้เพราะหิวหรือป่าว)
เบ็ดเสร็จเราต้องอยู่ที่รร.จนถึง 21.00 เพื่อไปขึ้นเครื่องตอนตี 2 แน่นอนว่าการกลับไปขึ้นเครื่องไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ถึงสนามบิน 22.00 กว่าาจะตบตีแย่งชิงงงงงงงงงงพาสปอร์ตมาได้นี่ยากมาก ระบบการจัดการแย่มากๆ มีเจ้าหน้าที่ถือลิสรายชื่อคนเดียวให้เราไปขอเลขแล้วมารับพาสปอร์ตตามเลข กว่าจะได้รับเล่มที่หน้าสนามบินก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน!!! ยังไม่พอต้องเจอระบบรักษาความปลอดภัยคิวยาวอีก เหนื่อยหนักมาก!!!! ซื้อน้ำกินรอไป (โชคดีพก USD เวลาเดินทางตลอด ซื้อง่ายขายคล่อง) ตอนเช็คอินและรับบอร์ดดิ้งพาสสายการบินก็แจกจดหมายรับรองความล่าช้าให้เพื่อใช้เคลมประกัน คิดในใจเอกสารครบ เราเคลมได้แน่นอน
และแล้วเราก็มาถึง Gate ตอนตี 1 รอ ร๊อ รอ ซื้อน้ำ ซื้อของกินรอ จนตีสอง ก็ไม่เรียกขึ้นเครื่อง คนเริ่มกังวล สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่ารอกัปตันและลูกเรือ T_T ในที่สุดราว ๆ ตีสองครึ่ง!!!! กัปตันและลูกเรือก็มาถึง เสียงปรบมือดังลั่นกันอย่างดีใจ (หรือประชดก็ไม่แน่ใจ 55) พอตีสามเราก็ได้ขึ้นเครื่อง และตีสามครึ่งเครื่องก็ออกเดินทางและถึงเมืองไทยเก้าโมงกว่าๆ ของวันที่ 23 ต.ค. และแน่นอนว่าต้องลางานไปอีก 1 วันตามระเบียบ
กลับมาเมืองไทยพอหายเหนื่อยเราก็ติดต่อทาง Cigna ถามระยะเวลาการส่งเอกสารเคลมประกัน และก็เตรียมเอกสารทุกอย่างส่งไปคลม จากนั้นก็รอ ร๊อ รอ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ทาง Cigna ส่งจดหมายมาปฏิเสธเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข!!!!!!!! ใช่ค่ะ สั้นๆ "ไม่เข้าเงื่อนไข" ไม่ชี้แจงอะไรทั้งสิ้น แต่มีเบอร์ให้เราติดต่อ หลังจากอ่านจดหมายเราก็ไปหากรมธรรม์มาอ่าน ในเอกสารแจ้งว่าชดเชยความล่าช้าในการเดินทางทุกๆ 6 ชม. แล้วมันไม่เข้ายังไง หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ วันรุ่งขึ้นเราก็โทรไปถามว่าเงื่อนไขที่เีราไม่เข้าคืออะไร หลังจากแจ้งชื่อ เลขที่บปช. เจ้าหน้าก็หายไปเช็คข้อมูลพร้อมกลับมาบอกว่า ***บทสนทนาโดยสรุป***
เจ้าหน้าที่ : เคลมไม่ได้นะคะเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข
เรา : ไม่เข้าเงื่อนไขยังไงช่วยอธิบายหน่อย
เจ้าหน้าที่ : ไม่เข้าเงื่อนไขเนื่องจากเครื่องบินสามารถบินออกไปได้ค่ะ ถ้าล่าช้าคือเครื่องบินออกไม่ได้เลย
เรา : @#$%*+ อึ้งก่อน แล้วก็ถามต่อว่าแต่เครื่องบินไปหยุดกลางทางเป็นวันเลยนะคะ เสียวันทำงานไป 2 วัน เสียค่าน้ำ ค่าอาหารที่สายการบินไม่ได้ให้ด้วย ลงที่อินเดียลำบากนะคะ และเราทำประกันครอบคลุมจนถึงเมืองไทยด้วย (ทำประกันถึงวันที่ 22) อันนี้ประกันไม่ดูแลเลยหรอคะ
เจ้าหน้าที่ : ค่ะ เคลมไม่ได้นะคะเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข
เรา : อ่านกรมธรรม์ไม่เห็นมีระบุไว้เลยค่ะ ว่าถ้าเครื่องบินออกได้แล้วหยุดกลางทางคือไม่เข้าเงื่อนไข เขียนไว้แค่ชดเชยความล่าช้าในการเดินทางมันควรจะเคลมได้นะคะ
เจ้าหน้าที่ : เคลมไม่ได้นะคะเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข
เรา : ไม่ได้เขียนในเอกสาร แต่ไม่ให้เคลมแบบนี้เอาเปรียบนะคะ ขออนุญาตแชร์ข้อมูลให้ท่านอื่นๆ ระวังไว้นะคะ
เจ้าหน้าที่ : เงียบ
*****ต้องบอกว่าผิดหวังมากๆ กับการดูแลลูกค้าของ Cigna จริงๆ เราขึ้นเครื่องตั้งแต่ 9 โมงเช้าวันที่ 21 ต.ค. แต่ทำประกันถึง 22 ต.ค.เพื่อให้ครอบคลุมการเดินทาง แบบถึงที่หมายอย่างปลอดภภัย แต่สุดท้ายเคลมไม่ได้เพราะเครื่องบินดันบินออกมาได้ เห้อ.....................เป็นการตีความที่เอาเปรียบโดยแท้
ใครจะทำประกันการเดินทางลองพิจารณาดูดีๆ นะคะ แน่นอนว่าทุกคนอยากเที่ยวอย่างสนุกไม่มีใครอยากเคลมประกัน แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วเคลมไม่ได้ เราจะทำประกันไปทำไม??????? หรือเรามาจุดที่ทำเพื่อขอวีซ่าเท่านั้น อย่าหวังอย่างอื่น 55555
อุทาหรณ์!!!! เตือนใจ ซื้อประกันเดินทางกับ Cigna ไม่ได้คุ้มครองอย่างที่คิด!!!!!
ขากลับขึ้นเครื่องจากสวีเดนมาที่กาต้าร์ราบรื่นดีไม่มีปัญหา แต่เที่ยวบินที่เกิดปัญหาคือจากกาตาร์มากรุงเทพฯ
ตามกำหนดการเดิมจะต้องเดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 7.05 ของวันที่ 22 ต.ค. แต่พอออกบินมาได้ราว 3 ชม. ก็มีประกาศบนเครื่องบินตามหาหมอหรือพยาบาลบนเครื่อง ประกาศซ้ำอยู่ราวๆ 3 ครั้ง!!! ตามด้วยลูกเรือเริ่มเดินถามมาเรื่อยๆ ทีละท่าน (เนื่องจากเป็นเที่ยวบินดึกผู้โดยสารหลับ) บรรยากาศบนเครื่องบินเริ่มดูตื่นเต้น ลูกเรือเริ่มวิ่งไปวิ่งมาซักพัก สุดท้ายมีเสียงประกาศจากกัปตันว่ามีผู้ป่วยบนเครื่องต้องนำเครื่องลงฉุกเฉิน!!! และเราก็ลงจอดที่สนามบินไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย ตอนประมาณตี 2 หลังจากนั้นเราก็ได้แต่รอและภาวนาให้ผู้โดยสสารท่านนั้นปลอดภัย ระหว่างรอเราก็เปิด Sim2fly เพื่อจะบอกคนที่มารับไม่ให้เป็นห่วง ปรากฎว่าหาเครือข่ายไม่เจอ T_T พยายามยังไงก็หาไม่เจอ เลยหา wifi แทนก็ไม่มี
ผ่านไปราวๆ 3 ชม. เราก็ยังคงอยู่ที่เดิม เราก็เริ่มไม่สบายใจเพราะกลัวคนที่มารับจะกังวล
ผ่านไป 5 ชม. เราก็ยังคงอยู่ที่เดิม
ประมาณ 8 โมงเช้าได้ยินกัปตันประกาศว่า กำลังรอสัญญาณให้ขึ้นบินของหอบังคับการบิน
ประมาณ 9 โมงเช้ากัปตันประกาศหมดเวลาการทำงาน
ประมาณ 9.30 กัปตันประกาศว่ากำลังรอตม. ดำเนินการเรื่องการเข้าเมือง
ประมาณ 10.00 กว่าได้ทยอยลงจากเครื่อง T_T
ประมาณ 11 โมงได้ผ่านตม. วิธีการผ่านตม.คือยึดพาสปอร์ตเราไปเลยและจดเลขที่นั่งบนเครื่อง
พอผ่านตม.เราก็ตามฝูงชนไป พนักงานภาคพื้นของกาต้าร์มีแค่ 1 คนเท่านั้น แต่ผู้โดยสารมีทั้งหมด 264 คน แน่นอนว่าทุกคนเหนื่อยและแย่งกันเข้าไปถาม เราเองเข้าไม่ถึงเลย เมื่อคนมาเยอะเจ้าหน้าหนึ่งเดียวท่านนี้ก็พาออกไปรอรถ ราวๆ ครึ่งชม. ก็มีรถบัสเก่าๆ คันแรกมาจอด แน่นอนค่ะ ทุกคนแย่งกันขึ้นรถ ไม่มีการเอื้อเฟื้อเด็ก คนท้อง แต่อย่างใด แย่งชิงเท่านั้น เราก็คิดว่ารอคันต่อไปดีกว่าเพราะไม่น่าจะสู้ไหว รถก็ทยอยมาทีละคันห่างกันราวๆ 10-15 นาที จนฝูงคนจาง เราและครอบครัวที่มีเด็กเล็กก็ได้ขึ้นรถค่ะ
รถขับไปเรื่อยๆ ผ่านเสียงแตรที่ดังตลอดทาง ผ่านไป 1 ชม. เราก็มาถึงโรงแรมค่ะ ซึ่งเป็นเวลาราวๆ บ่ายสอง แน่นอนว่าเรื่องยังไม่จบค่ะ เพราะคนแย่งกัน check in!!! กว่าจะได้ห้อง หิวมาก เหนื่อยมาก และทันทีที่ต่อ wifi ก็รีบติดต่อคนที่มารับที่แน่นอนว่าตกใจมาก...เนื่องจากที่สุวรรณภูมิแจ้งแค่เที่ยวบินล่าช้า ไม่ได้แจ้งว่าเกิดไรขึ้น และนอกเหนือไปจากนั้นคือแจ้งเจ้านายว่าขอลางานเพิ่ม เพราะจริงๆ ตั้งใจว่าลงเครื่องแล้วจะไปทำงานต่อ
เมื่อได้ห้องเราก็โทรสั่งข้าวกินเลย ในใจคิดว่าแพงไม่เป็นไรกลับไปเคลมประกันเอา หิวตาลายแล้ว แต่ทางโรงแรมแจ้งว่าอีกประมาณ 1 ชม.จะมีอาหารให้ เอ้ารอก้อรอ พอลงมาทานข้าวเหนื่อยมาก แต่เป็นอาหารอินเดียที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลย (ไม่รู้เพราะหิวหรือป่าว)
เบ็ดเสร็จเราต้องอยู่ที่รร.จนถึง 21.00 เพื่อไปขึ้นเครื่องตอนตี 2 แน่นอนว่าการกลับไปขึ้นเครื่องไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ถึงสนามบิน 22.00 กว่าาจะตบตีแย่งชิงงงงงงงงงงพาสปอร์ตมาได้นี่ยากมาก ระบบการจัดการแย่มากๆ มีเจ้าหน้าที่ถือลิสรายชื่อคนเดียวให้เราไปขอเลขแล้วมารับพาสปอร์ตตามเลข กว่าจะได้รับเล่มที่หน้าสนามบินก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน!!! ยังไม่พอต้องเจอระบบรักษาความปลอดภัยคิวยาวอีก เหนื่อยหนักมาก!!!! ซื้อน้ำกินรอไป (โชคดีพก USD เวลาเดินทางตลอด ซื้อง่ายขายคล่อง) ตอนเช็คอินและรับบอร์ดดิ้งพาสสายการบินก็แจกจดหมายรับรองความล่าช้าให้เพื่อใช้เคลมประกัน คิดในใจเอกสารครบ เราเคลมได้แน่นอน
และแล้วเราก็มาถึง Gate ตอนตี 1 รอ ร๊อ รอ ซื้อน้ำ ซื้อของกินรอ จนตีสอง ก็ไม่เรียกขึ้นเครื่อง คนเริ่มกังวล สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่ารอกัปตันและลูกเรือ T_T ในที่สุดราว ๆ ตีสองครึ่ง!!!! กัปตันและลูกเรือก็มาถึง เสียงปรบมือดังลั่นกันอย่างดีใจ (หรือประชดก็ไม่แน่ใจ 55) พอตีสามเราก็ได้ขึ้นเครื่อง และตีสามครึ่งเครื่องก็ออกเดินทางและถึงเมืองไทยเก้าโมงกว่าๆ ของวันที่ 23 ต.ค. และแน่นอนว่าต้องลางานไปอีก 1 วันตามระเบียบ
กลับมาเมืองไทยพอหายเหนื่อยเราก็ติดต่อทาง Cigna ถามระยะเวลาการส่งเอกสารเคลมประกัน และก็เตรียมเอกสารทุกอย่างส่งไปคลม จากนั้นก็รอ ร๊อ รอ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ทาง Cigna ส่งจดหมายมาปฏิเสธเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข!!!!!!!! ใช่ค่ะ สั้นๆ "ไม่เข้าเงื่อนไข" ไม่ชี้แจงอะไรทั้งสิ้น แต่มีเบอร์ให้เราติดต่อ หลังจากอ่านจดหมายเราก็ไปหากรมธรรม์มาอ่าน ในเอกสารแจ้งว่าชดเชยความล่าช้าในการเดินทางทุกๆ 6 ชม. แล้วมันไม่เข้ายังไง หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ วันรุ่งขึ้นเราก็โทรไปถามว่าเงื่อนไขที่เีราไม่เข้าคืออะไร หลังจากแจ้งชื่อ เลขที่บปช. เจ้าหน้าก็หายไปเช็คข้อมูลพร้อมกลับมาบอกว่า ***บทสนทนาโดยสรุป***
เจ้าหน้าที่ : เคลมไม่ได้นะคะเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข
เรา : ไม่เข้าเงื่อนไขยังไงช่วยอธิบายหน่อย
เจ้าหน้าที่ : ไม่เข้าเงื่อนไขเนื่องจากเครื่องบินสามารถบินออกไปได้ค่ะ ถ้าล่าช้าคือเครื่องบินออกไม่ได้เลย
เรา : @#$%*+ อึ้งก่อน แล้วก็ถามต่อว่าแต่เครื่องบินไปหยุดกลางทางเป็นวันเลยนะคะ เสียวันทำงานไป 2 วัน เสียค่าน้ำ ค่าอาหารที่สายการบินไม่ได้ให้ด้วย ลงที่อินเดียลำบากนะคะ และเราทำประกันครอบคลุมจนถึงเมืองไทยด้วย (ทำประกันถึงวันที่ 22) อันนี้ประกันไม่ดูแลเลยหรอคะ
เจ้าหน้าที่ : ค่ะ เคลมไม่ได้นะคะเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข
เรา : อ่านกรมธรรม์ไม่เห็นมีระบุไว้เลยค่ะ ว่าถ้าเครื่องบินออกได้แล้วหยุดกลางทางคือไม่เข้าเงื่อนไข เขียนไว้แค่ชดเชยความล่าช้าในการเดินทางมันควรจะเคลมได้นะคะ
เจ้าหน้าที่ : เคลมไม่ได้นะคะเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข
เรา : ไม่ได้เขียนในเอกสาร แต่ไม่ให้เคลมแบบนี้เอาเปรียบนะคะ ขออนุญาตแชร์ข้อมูลให้ท่านอื่นๆ ระวังไว้นะคะ
เจ้าหน้าที่ : เงียบ
*****ต้องบอกว่าผิดหวังมากๆ กับการดูแลลูกค้าของ Cigna จริงๆ เราขึ้นเครื่องตั้งแต่ 9 โมงเช้าวันที่ 21 ต.ค. แต่ทำประกันถึง 22 ต.ค.เพื่อให้ครอบคลุมการเดินทาง แบบถึงที่หมายอย่างปลอดภภัย แต่สุดท้ายเคลมไม่ได้เพราะเครื่องบินดันบินออกมาได้ เห้อ.....................เป็นการตีความที่เอาเปรียบโดยแท้
ใครจะทำประกันการเดินทางลองพิจารณาดูดีๆ นะคะ แน่นอนว่าทุกคนอยากเที่ยวอย่างสนุกไม่มีใครอยากเคลมประกัน แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วเคลมไม่ได้ เราจะทำประกันไปทำไม??????? หรือเรามาจุดที่ทำเพื่อขอวีซ่าเท่านั้น อย่าหวังอย่างอื่น 55555