สวัสดีครับผมขอพื้นที่นี้ระบายความรู้สึกหน่อยนะครับ และเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นจริงกับชีวิตผมไม่ใช่นิยายแต่อย่างได
ผมเป็นผู้ชายรักชายครับ เมื่อก่อนตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ผมได้ใช้ชีวิตที่แสนจะไร้ทิศทางและปล่อยตัวเองเกินไป ในช่วงนั้นผมรักสนุก นัดเจอกับคนที่เพิ่งรู้จัก และจบด้วยการมีอะไรกัน ช่วงนั้นผมคิดแค่ว่าสนุกอย่างเดียว. แต่ทุกคนั้งผมก็ป้องกันตลอด เอาจริงๆถามว่าป้องกัน100%ไหม ก็คงไม่ มีเพียง 2 หรือ 3ครั้งที่ปล่อยอารมณ์เหนือสิ่งที่ควรทำ แต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เพราะร่างกายผมยังแข็งแรงดีไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมเริ่มมีอาการคือ ผมเป็นงูสวัสขึ้นที่ตามันเกือบลามเข้าไปในดวงตา ผมทรมานมาก ปวดหัว ก่อนทราบว่าเป็นก็ไปหาหมอจนหมอถามว่า. ผมชอบผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วป้องกันไหมผมก็บอกว่าป้องกันทุกครั้ง หมอทักว่าตรวจเลือดสักครั้งหรือปล่าวผมก็ตอบไปว่ายังไม่เคย. หมอสงสัยว่าผมจะติดเชื้อ HIV ผมได้ยินแบบนั้นแล้วก็ใจหายแต่มันก็ผ่านไป อาการดีขึ้น. แต่พอผมเริ่มเจอสภาวะที่ร่างกายผมมันอ่อนแอ. ครั้งที่ 2มันก็กำเริมขึ้นมาอีกแต่ฒก็ยังไม่ได้ไปตรวจเลือดผมคิดว่ามันคงเป็นแค่อาการที่ร่างกายเรามันอ่อนแอและทำให้เชื้อที่มันฝังในตัวผุดขึ้นมาอีก และผมก็หายอีกครั้ง ผมก็ยังใช้ชีวิตปกติ แต่พอผมเรียนจบเริ่มหางานผมก็มาทำงานที่แถวพัทยาแต่ไม่ใช่พวกร้านเหล้าหรือบาร์บวกสิ่งมึนเมานะครับผมหางานที่เป็นหลักจริงๆ และก็คิดว่าถ้างานโรงงานได้ผมก็จะทำแต่เขาต้งมีการตรวจสุขภาพทุกอย่างรวมถึง #HIV ด้วยผมก็คิดว่าเออ ดีจะได้ตวจด้วย. ตัวเองมันใจมากว่าปลอดภัย พอผมเริ่มทำงานผมก็ใช้ชีวิตกับงานมีนัดเจอคนบ้างตามประสาคนโสด และผมก็ได้เจอกับคนๆหนึ่งซึ่งรู้จักกันผ่าน แอพสีฟ้า(B) แล้วก็มีการคุยหยอดเหมือนเขาเข้ามาจีบ ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้เหงาและอยากลองเปิดใจผมก็ได้รับเขาเข้ามาในชีวิตในขณะที่ผมคบเขาผมกับเขาไม่ได้ใช้ชีวิตราบรื่นเลยทะเลาะกันหนักขึ้นเรื่อยๆ และวันหนึ่งผมได้ตัดสินใจแอบไปตรวจเลือดโดยที่ไม่บอกเขาหรือแม้กระทั้งใครเลย ผมเข้าไปในคลินิคแห่งหนึ่งในพัทยาพี่เขาบริการดีมาก และชวนฒคุยเกี่ยวกับเรื่อง HIV ให้ความรู้ระหว่างรอผล แต่แล้วพี่เขาก็ถือกระดาษ 1ใบเดินมาพร้อมกับความเงียบ แล้วพูดกับผมว่า น้องเลือกของน้องเป็นบวกนะคะ (ความรู้สึกผมตอนนั้นมันเหมือนไม่รับรู้อะไรเลยหลังจากได้ยินคำตอบ สิ่งแรกที่ฒคิดขึ้นมาคือแม่ และพ่อ. ในหูไม่ได้ยินเสียงอะไรมีแต่ความเงียบและน้ำตาผมก็เริ่มไหล ผมพูดไม่ออกครับ ) เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาพูดกับผมว่า. ทำใจดีๆนะ ไม่น่ากลัวเลย เรารู้ทันเรารักษาได้ อยากร้องไห้ร้องออกมาเลยไม่ต้องเก็บไว้ ผมถามตัวเองแล้วผมจะทำยังไง. พ่อแม่จะคิดยังไง เขาจะรังเกียจผมไหมเขาจะเสียใจแค่ไหน ความที่ผมเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน เป็นลูกที่พ่อแม่ให้แบกความหวังทั้งเรื่องเรียน. และคนในตระกูลก็ไม่มีใครจบ. ป.ตรี สักคนมีเพียงผมคนเดียว แม่เคยขอผมว่าอย่าให้พลาดนะลูกป้องกันด้วยแต่วันนี้ลูกพลาดไปแล้วและคิดไปว่าคนที่คบกับผมตอนนี้ถ้ารู้เขาจะเลิกกับผมและเกียจผมแน่ๆ อาทิตเเรกผมไม่พูดกับใครเลยครับเฝ้าแต่คิดคนเดียวโทษตัวเองกับผลที่เกิดตอนนี้ จนมาถึงเรื่องคนที่คบกันเริ่มมีปากเสียงกันอีกอะไรหลายอย่างมันรุมเข้ามาที่ตัวผม และสุดท้ายเราก็เลิกกันไปในที่สุด และผมก็คิดมากเกิดความคิดว่าตายดีไหม ถ้าผมพ่อกับแม่คงจะไม่รู้และไม่มีใครรู้ว่าผมมีเชื้อ HIV เขาจะได้ไม่อายใครและผมคิดอยู่นาน. หลังจากที่ทราบผลเลือดมาสักระยะผมก็ตัดสินใจเข้ารับการรักษา วันแรกที่เข้ามาที่. รพ.ผมเห็นคนมากมายที่เป็นเหมือนกันผมอายแต่ก็ทำไงได้ในเมื่อตัดสินใจมาแล้วก็ต้องเกินต่อผมเริ่มทานยาต้านครับ อาการวันแรกที่ทาน แล้วไปทำงานเหมือนคนแฮ้งเหล้าเอ๋อๆอ๊องๆ หลังจากทานยาผมต้องงดเหล้าลงดูแลตัวเองให้มากผมวิ่ง เข้าฟิตเนสเพื่อทำให้ตัวเองดีขึ้นผมพลักตัวเองออกมาจากจุดที่ดิ่งลงที่สุดของชีวิต จนผมเริ่มมีภาระ หลังจากได้รถยนให้ตัวเอง ต้องขอบคุณคนเก่าคนนั้นที่พูดกับผมแบบผมเป็นคนที่ไร้ค่าวันนี้ผมก็ทำให้เขาเห็นแล้วว่าผมมีชีวิตที่ดีกว่าตอนอยู่กับเขา และวันหนึ่งก็มีคนๆเข้ามาในชีวิต เป็นคนธรรมดาๆเด็กกว่าผม2ปี เขาเป็นคนที่น่ารักและทำให้ใจผมเริ่มพองอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรเพราะรู้ตัวว่าผมเป็นอะไรอยู่ พอคุยกันไปสักพักระหว่างที่คุยกันมีบางครั้งที่ผมไปหาหมอแต่ต้องแอบโกหกไปต่างๆนานา จากที่เราไม่เคยทะเลาะกันก็เริ่มมี และตอนนี้ก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ มีครั้งหนึ่งที่ผมไม่ไหวกับความรู้สึกผมตัดสินใจบอกแม่ บอกคนนี้ว่าผมมีเชื้อนะเขาก็ตกใจแม่ก็ตกใจความคิดแง่ลบที่เคยคิดว่าผมน่ารังเกียจกลายเป็นกำลังใจจากแม่ถึงแม้มันจะเสียใจก็ตามแต่แม่ก็ยังให้กำลังใจและหลังจากที่คนๆที่ผมคบนี้ทราบว่าผมมีเชื้อเขาก็ไปหาข้อมูลมาทำความเข้าใจกับเชื่อว่าการอยู่ร่วมเป็นยังไง ผมที่เคยพลักใสเขาเขากลับไม่ไปแต่เลือกจะอยู่ข้างผม แต่การที่เราเริ่มทะเลาะกันผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาคนปกติควรอยู่กับคนปกติมันเป็นเหมือนคำที่คอยตอกย้ำผมเสมอว่าผมไม่ปกติก การที่ผมไม่ปกติผมยอมรับได้แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาเป็นพูดพูดทำร้ายกัน
ตอนนี้ทุกวันต้องทะเลาะกัน และมีบางครั้งที่เขาหยิบเรื่องที่ผมมีเชื้อมาทำร้ายจิตใจผม มันเหมือนกับเอาความไว้ใจและความเชื่อใจผมมาเยียบขยี้ หาว่าผมไปเอากะใครบ้างล่ะ “สงสารคนที่ผมไปเอาบ้างละกลัวติดเชื้อจากฒบ้างละ” เมื่อก่อนตอนแรกๆคบกันก็ดีแต่หลังๆมานี่เขา โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองตกงานสร้างหนี้สินติดหวยติดหนี้คนที่ทำงานจนต้องออกจากงานมือผมผมเอาบัตรผมรูดให้ตกลงกันว่าเขาจ่ายผมรูดแต่จ่ายไปแค่ 4เดือนหลังจากนั้นผมจ่าย. สุดท้ายตอนนี้ เอาเข้าร้านฝาก เงินไม่เคยพอใช้ผมเอาเงินไว้ให้ใช้กินข้าวก็เอาไปเล่นการพนั้น. บุหรี่เคยบอกจะเลิกต่อหน้าเลิกลับหลังดูดจนผมไม่อยากหวังอะไรเครียดก็กินเบียร์แต่เงินเติมน้ำมันไปทำงานไม่มี จะไปจากผมหลายครั้งมากแต่สุดท้ายก็กลับมาผมเหนื่อยแต่ทั้งรักทั้งอจากให้เขามีชีวิตที่ดี แต่ทุกวันนี้พอผมบอกกว่าสอนอะไรเขาจะทำเหมือนผมยุ่งอะไรกะเรื่องของเขาจนผมเกือบเป็นโรคซึมเศร้าผมคิดมาก เข้ามาหาผมคุยเเต่เงินๆ เอะอะก็ว่าผมรวยๆ เงินทีไรก็ผม แต่รู้ไหมว่าผมต้องจ่ายอะไรบ้าง ผมพยายามช่วยเขาหางานครับเขาบอกขอโอกาศแก้ตัวหลายครั้งแต่สุดท้ายก็วนมาลูปเดิมๆ
ผมเองที่ใจไม่แข็งพอที่จะตัดเขาหรือเพราะอะไร
ผมอาจจะเล่าเรื่องไม่เข้าใจแต่ผมก็พยายามเขียนให้เข้าใจที่สุดครับ
ชีวิตจริงเลือกยังไงไม่ใช่ละคร
ผมเป็นผู้ชายรักชายครับ เมื่อก่อนตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ผมได้ใช้ชีวิตที่แสนจะไร้ทิศทางและปล่อยตัวเองเกินไป ในช่วงนั้นผมรักสนุก นัดเจอกับคนที่เพิ่งรู้จัก และจบด้วยการมีอะไรกัน ช่วงนั้นผมคิดแค่ว่าสนุกอย่างเดียว. แต่ทุกคนั้งผมก็ป้องกันตลอด เอาจริงๆถามว่าป้องกัน100%ไหม ก็คงไม่ มีเพียง 2 หรือ 3ครั้งที่ปล่อยอารมณ์เหนือสิ่งที่ควรทำ แต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เพราะร่างกายผมยังแข็งแรงดีไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมเริ่มมีอาการคือ ผมเป็นงูสวัสขึ้นที่ตามันเกือบลามเข้าไปในดวงตา ผมทรมานมาก ปวดหัว ก่อนทราบว่าเป็นก็ไปหาหมอจนหมอถามว่า. ผมชอบผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วป้องกันไหมผมก็บอกว่าป้องกันทุกครั้ง หมอทักว่าตรวจเลือดสักครั้งหรือปล่าวผมก็ตอบไปว่ายังไม่เคย. หมอสงสัยว่าผมจะติดเชื้อ HIV ผมได้ยินแบบนั้นแล้วก็ใจหายแต่มันก็ผ่านไป อาการดีขึ้น. แต่พอผมเริ่มเจอสภาวะที่ร่างกายผมมันอ่อนแอ. ครั้งที่ 2มันก็กำเริมขึ้นมาอีกแต่ฒก็ยังไม่ได้ไปตรวจเลือดผมคิดว่ามันคงเป็นแค่อาการที่ร่างกายเรามันอ่อนแอและทำให้เชื้อที่มันฝังในตัวผุดขึ้นมาอีก และผมก็หายอีกครั้ง ผมก็ยังใช้ชีวิตปกติ แต่พอผมเรียนจบเริ่มหางานผมก็มาทำงานที่แถวพัทยาแต่ไม่ใช่พวกร้านเหล้าหรือบาร์บวกสิ่งมึนเมานะครับผมหางานที่เป็นหลักจริงๆ และก็คิดว่าถ้างานโรงงานได้ผมก็จะทำแต่เขาต้งมีการตรวจสุขภาพทุกอย่างรวมถึง #HIV ด้วยผมก็คิดว่าเออ ดีจะได้ตวจด้วย. ตัวเองมันใจมากว่าปลอดภัย พอผมเริ่มทำงานผมก็ใช้ชีวิตกับงานมีนัดเจอคนบ้างตามประสาคนโสด และผมก็ได้เจอกับคนๆหนึ่งซึ่งรู้จักกันผ่าน แอพสีฟ้า(B) แล้วก็มีการคุยหยอดเหมือนเขาเข้ามาจีบ ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้เหงาและอยากลองเปิดใจผมก็ได้รับเขาเข้ามาในชีวิตในขณะที่ผมคบเขาผมกับเขาไม่ได้ใช้ชีวิตราบรื่นเลยทะเลาะกันหนักขึ้นเรื่อยๆ และวันหนึ่งผมได้ตัดสินใจแอบไปตรวจเลือดโดยที่ไม่บอกเขาหรือแม้กระทั้งใครเลย ผมเข้าไปในคลินิคแห่งหนึ่งในพัทยาพี่เขาบริการดีมาก และชวนฒคุยเกี่ยวกับเรื่อง HIV ให้ความรู้ระหว่างรอผล แต่แล้วพี่เขาก็ถือกระดาษ 1ใบเดินมาพร้อมกับความเงียบ แล้วพูดกับผมว่า น้องเลือกของน้องเป็นบวกนะคะ (ความรู้สึกผมตอนนั้นมันเหมือนไม่รับรู้อะไรเลยหลังจากได้ยินคำตอบ สิ่งแรกที่ฒคิดขึ้นมาคือแม่ และพ่อ. ในหูไม่ได้ยินเสียงอะไรมีแต่ความเงียบและน้ำตาผมก็เริ่มไหล ผมพูดไม่ออกครับ ) เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาพูดกับผมว่า. ทำใจดีๆนะ ไม่น่ากลัวเลย เรารู้ทันเรารักษาได้ อยากร้องไห้ร้องออกมาเลยไม่ต้องเก็บไว้ ผมถามตัวเองแล้วผมจะทำยังไง. พ่อแม่จะคิดยังไง เขาจะรังเกียจผมไหมเขาจะเสียใจแค่ไหน ความที่ผมเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน เป็นลูกที่พ่อแม่ให้แบกความหวังทั้งเรื่องเรียน. และคนในตระกูลก็ไม่มีใครจบ. ป.ตรี สักคนมีเพียงผมคนเดียว แม่เคยขอผมว่าอย่าให้พลาดนะลูกป้องกันด้วยแต่วันนี้ลูกพลาดไปแล้วและคิดไปว่าคนที่คบกับผมตอนนี้ถ้ารู้เขาจะเลิกกับผมและเกียจผมแน่ๆ อาทิตเเรกผมไม่พูดกับใครเลยครับเฝ้าแต่คิดคนเดียวโทษตัวเองกับผลที่เกิดตอนนี้ จนมาถึงเรื่องคนที่คบกันเริ่มมีปากเสียงกันอีกอะไรหลายอย่างมันรุมเข้ามาที่ตัวผม และสุดท้ายเราก็เลิกกันไปในที่สุด และผมก็คิดมากเกิดความคิดว่าตายดีไหม ถ้าผมพ่อกับแม่คงจะไม่รู้และไม่มีใครรู้ว่าผมมีเชื้อ HIV เขาจะได้ไม่อายใครและผมคิดอยู่นาน. หลังจากที่ทราบผลเลือดมาสักระยะผมก็ตัดสินใจเข้ารับการรักษา วันแรกที่เข้ามาที่. รพ.ผมเห็นคนมากมายที่เป็นเหมือนกันผมอายแต่ก็ทำไงได้ในเมื่อตัดสินใจมาแล้วก็ต้องเกินต่อผมเริ่มทานยาต้านครับ อาการวันแรกที่ทาน แล้วไปทำงานเหมือนคนแฮ้งเหล้าเอ๋อๆอ๊องๆ หลังจากทานยาผมต้องงดเหล้าลงดูแลตัวเองให้มากผมวิ่ง เข้าฟิตเนสเพื่อทำให้ตัวเองดีขึ้นผมพลักตัวเองออกมาจากจุดที่ดิ่งลงที่สุดของชีวิต จนผมเริ่มมีภาระ หลังจากได้รถยนให้ตัวเอง ต้องขอบคุณคนเก่าคนนั้นที่พูดกับผมแบบผมเป็นคนที่ไร้ค่าวันนี้ผมก็ทำให้เขาเห็นแล้วว่าผมมีชีวิตที่ดีกว่าตอนอยู่กับเขา และวันหนึ่งก็มีคนๆเข้ามาในชีวิต เป็นคนธรรมดาๆเด็กกว่าผม2ปี เขาเป็นคนที่น่ารักและทำให้ใจผมเริ่มพองอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรเพราะรู้ตัวว่าผมเป็นอะไรอยู่ พอคุยกันไปสักพักระหว่างที่คุยกันมีบางครั้งที่ผมไปหาหมอแต่ต้องแอบโกหกไปต่างๆนานา จากที่เราไม่เคยทะเลาะกันก็เริ่มมี และตอนนี้ก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ มีครั้งหนึ่งที่ผมไม่ไหวกับความรู้สึกผมตัดสินใจบอกแม่ บอกคนนี้ว่าผมมีเชื้อนะเขาก็ตกใจแม่ก็ตกใจความคิดแง่ลบที่เคยคิดว่าผมน่ารังเกียจกลายเป็นกำลังใจจากแม่ถึงแม้มันจะเสียใจก็ตามแต่แม่ก็ยังให้กำลังใจและหลังจากที่คนๆที่ผมคบนี้ทราบว่าผมมีเชื้อเขาก็ไปหาข้อมูลมาทำความเข้าใจกับเชื่อว่าการอยู่ร่วมเป็นยังไง ผมที่เคยพลักใสเขาเขากลับไม่ไปแต่เลือกจะอยู่ข้างผม แต่การที่เราเริ่มทะเลาะกันผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาคนปกติควรอยู่กับคนปกติมันเป็นเหมือนคำที่คอยตอกย้ำผมเสมอว่าผมไม่ปกติก การที่ผมไม่ปกติผมยอมรับได้แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาเป็นพูดพูดทำร้ายกัน
ตอนนี้ทุกวันต้องทะเลาะกัน และมีบางครั้งที่เขาหยิบเรื่องที่ผมมีเชื้อมาทำร้ายจิตใจผม มันเหมือนกับเอาความไว้ใจและความเชื่อใจผมมาเยียบขยี้ หาว่าผมไปเอากะใครบ้างล่ะ “สงสารคนที่ผมไปเอาบ้างละกลัวติดเชื้อจากฒบ้างละ” เมื่อก่อนตอนแรกๆคบกันก็ดีแต่หลังๆมานี่เขา โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองตกงานสร้างหนี้สินติดหวยติดหนี้คนที่ทำงานจนต้องออกจากงานมือผมผมเอาบัตรผมรูดให้ตกลงกันว่าเขาจ่ายผมรูดแต่จ่ายไปแค่ 4เดือนหลังจากนั้นผมจ่าย. สุดท้ายตอนนี้ เอาเข้าร้านฝาก เงินไม่เคยพอใช้ผมเอาเงินไว้ให้ใช้กินข้าวก็เอาไปเล่นการพนั้น. บุหรี่เคยบอกจะเลิกต่อหน้าเลิกลับหลังดูดจนผมไม่อยากหวังอะไรเครียดก็กินเบียร์แต่เงินเติมน้ำมันไปทำงานไม่มี จะไปจากผมหลายครั้งมากแต่สุดท้ายก็กลับมาผมเหนื่อยแต่ทั้งรักทั้งอจากให้เขามีชีวิตที่ดี แต่ทุกวันนี้พอผมบอกกว่าสอนอะไรเขาจะทำเหมือนผมยุ่งอะไรกะเรื่องของเขาจนผมเกือบเป็นโรคซึมเศร้าผมคิดมาก เข้ามาหาผมคุยเเต่เงินๆ เอะอะก็ว่าผมรวยๆ เงินทีไรก็ผม แต่รู้ไหมว่าผมต้องจ่ายอะไรบ้าง ผมพยายามช่วยเขาหางานครับเขาบอกขอโอกาศแก้ตัวหลายครั้งแต่สุดท้ายก็วนมาลูปเดิมๆ
ผมเองที่ใจไม่แข็งพอที่จะตัดเขาหรือเพราะอะไร
ผมอาจจะเล่าเรื่องไม่เข้าใจแต่ผมก็พยายามเขียนให้เข้าใจที่สุดครับ