ก่อนอื่นขอสวัสดีทุกคนนะคะ เราก็เป็นเด็กไทยอีกคนที่ก็ตามหาความฝันเหมือนคนอื่น แล้วก็อยากมีชีวิตที่ดีเหมือนคนอื่น ถึงแม้ว่าฝันนั้นมันจะเป็นของเราหรือของใครก็ตาม แต่ตอนนี้การไล่ล่าตามฝันมันทำให้เราเครียดมากจนกลัวว่าเราจะเป็นโรคเลยก็ว่าได้ค่ะ ต้องขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าครั้งนี้เป็นการเขียนครั้งแรก มันอาจจะไม่ได้เขียนออกมาดีแต่จะพยายามเขียนให้ดีที่สุดนะคะ
ว่าด้วยอายุก่อน ตอนนี้ก็เลข2แล้ว(แต่ทำไมความเครียดเราเหมือนอายุเลข3เลข4เลยก็ไม่รู้ 555) ตั้งแต่เด็กจนโตครอบครัวจะชอบปลูกฝังว่าต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง จริงๆสำหรับเรามองเผินๆมันก็ดีนะคะ แต่ว่าลึกๆแล้วมันจะมักแฝงมาด้วยความกดดันตลอด ว่าแบบ เราต้องเก่งเราต้องที่1ต้องทำได้ แรกๆมันก็โอเคค่ะเพราะว่ายังเด็กอยู่ความรู้ที่ต้องเรียนมันก็ไม่ได้ยากมากมายใช่ไหมล่ะคะ
มันมาเริ่มตอนเราสอบเข้า รร มัธยมเเห่งหนึ่งค่ะ รร นี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ง่ายๆก็คือได้ทุนนั้นแหละค่ะ ทุกคนก็เลยคาดหวังมากขึ้น ว่าเราจะต้องเก่งแน่ๆ ต้องทำได้ดีแน่ๆ โดยเฉพาะคุณแม่ค่ะ คุณแม่เราค่อนข้างเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมากๆค่ะ คาดหวังกับเรามาก แต่แกไม่ค่อยชมนะคะ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะโดนบ่น หาว่าไม่ตั้งใจเรียนก็มีค่ะ อยู่กับแกถ้าคุยเรื่องเรียนนี่เราเครียดจนต้องหนีเลยค่ะ คือทำดีแล้วก็ยังโดนอีก
ตอนสมัยเรียนมัธยมนี่เข้าได้ก็คือได้ทุนแล้วทั้งหมด 3หรือ6ปีก็ว่ากันไป แล้วแต่ใครเข้าตอน ม.ต้น ม.ปลาย ค่ะ เราเข้าตอน ม.4เลยได้มา3ปี พอเรียนใกล้จบ ก็คุณแม่อีกคาดหวังให้เราเป็นหมอ เพราะหมอ เงินดี! ซึ่ง เป็นหมอ มีเงินก็จริงแต่แลกกับความเหนื่อยที่หนักมาก ละก็แลกกับสุขภาพตัวเองด้วย เราเลยไม่อยากเป็นค่ะ ไม่อยากเครียด เครียดมาเยอะแล้ว(สมัยเรียน ม.ปลาย ถูกกดดันให้สอบได้เกรดดีๆตลอด เกรดตกจาก 3.84เหลือ3.82ก็โดนเหน็บๆแล้วค่ะ) แต่ดีนะคะเราไม่ได้เทพขนาดนั้นเลยสอบไม่ติด5555 แกก็เหมือนจะปลงค่ะ แต่ว่าก็ให้ข้อเสนอมาว่าจะให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ! ก็ไม่ไกลมากค่ะ เลยภาคเหนือขึ้นมาอีกหน่อย555 เดาออกใช่ไหมคะ
พอคุณแม่ยื่นข้อเสนอมา ตอนนั้นเราก็สนใจค่ะ เพราะชอบภาษาบ้านเขาอยู่แล้วเลยตัดสินใจว่า อ่ะ มาก็ได้(เป็นไงคะ เราไม่เคยได้เลือกเองเลย ต้องรอแม่ยื่นข้อเสนอมาให้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเลือกทางเดินเองนะคะ แต่ขัดไม่ได้เลยค่ะ แกบอกว่า ทางของแกคือดีสุดแล้ว (และก็เหนื่อยสุดด้วยค่ะ555)) แต่เงื่อนไขคือ จะได้ทุนเรียนจนจบปริญญา ก็ต้องทำคะแนนให้ถึงเป้าค่ะ คราวนี้แม่ก็ยิ่งหวังเลยสิ่คะว่าต้องทำได้ แหง่ล่ะ ตอนมาเรียนแรกๆนี่เสียไปเยอะกับค่าเดินเรื่อง ส่วนเราไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเรียน ตปท.แถมยังเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย ก็เลยเดินเรื่องอะไรเองไม่เป็นเลยค่ะ รอเอเจนซี่ทำให้อย่างเดียวเลย
สุดท้ายก็ได้มาเรียนจนได้ค่ะ ปีเเรกมันก็สนุกนะคะ ชิวมาก จนได้ทุนปีสองมาเรียบร้อย พอขึ้นปีสองเท่านั้นแหละ เรียกได้ว่านรกของแท้เลยค่ะ555 เนื่องจากว่าต้องใช้ภาษาเขาในการเรียน(ไม่ใช่อังกฤษนะคะ ไม่มีหลักสูตรอินเตอร์555) เหมือนต้องรีเซ็ตทุกอย่างใหม่หมด เราเครียดทุกวันเลยค่ะว่าจะเรียนยังไง ฟังไม่ออกเลยเวลาอาจารย์พูด พยายามกลับมาอ่านเอง ทบทวน จนสอบกลางภาค เราก็ยังพอได้ในขณะที่เพื่อนถอดใจไปเป็นแถบเลย 5555 พอหลังกลางภาคมา ยิ่งเเล้วใหญ่ ยากกว่าเดิม ครูสอนไวกว่าเดิม เหมือนมันจะไม่ทันปลายภาค ยิ่งเครียดหนักมากๆค่ะ เราแอบร้องไห้ตลอด จนมีครั้งนึงนั่งเรียนอยู่ทนไม่ไหว หยิบมือถือมาส่งข้อความหาพ่อกับแม่ว่าถ้าเกิดเราไม่ไหวจริงๆ ได้จ่ายค่าเทอมปีหน้า พ่อกับแม่ยังจะส่งเราอยู่ไหม พวกท่านก็ว่าส่ง แต่พอไปคุยอีกทีก็มีเกี่ยงๆว่าให้พ่อแกส่งไปสิ่ เราเครียดเลยค่ะ ปัญหาการเงินทางบ้านก็ค่อยข้างหนัก มีแต่คุณแม่ ที่พอส่งได้ แต่แกอารมณ์ไม่ค่อยคงที่ค่ะ เลยพลอยทำให้เราเครียดไปหมด กลัวพ่อแม่ไม่ส่ง กลัวแกผิดหวัง กลัวเรียนไม่จบ จนไม่มีกำลังใจทำอะไร ถึงขนาดคิดว่า ถ้าเราตายๆไปจะได้ไม่เครียดก็ดี เมื่อก่อนคิดว่าตัวเองคิดมาก ที่เขาว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่เดี๋ยวนี้คิดบ่อยค่ะ เริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว
ที่มาเขียนกระทู้วันนี้ส่วนนึงคืออยากระบาย อีกส่วนคือ อยากขอความช่วยเหลือจากผู้เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้อ่ะค่ะ ผ่านกันไปยังไงคะ โดยที่ไม่ใช่ประชดชีวิตหรือทำร้ายตัวเองค่ะ เพราะลึกๆเราก็อยากมีการงานที่ดี เลี้ยงพ่อเลี้ยงเเม่ได้ เพราะแกเลี้ยงเราก็เหนื่อยมากแล้ว แต่คือตอนนี้มันไม่ได้เลยค่ะ ทั้งกายทั้งใจ จะลุกจากที่นอนไปเเต่งตัวไปเรียน ก็หน่วงไปหมดเลย ดาวน์ด้วยค่ะ ทำอะไรช้า ทำการบ้านคิดได้แปปๆก็ไม่มีสมาธิ อะไรที่เป็นเรื่องด่วนให้ทำตอนนี้ไม่ได้เลยค่ะ ลนไปหมด ขับรถก็เหม่อจนพารถไปล้มมาหมาดๆเลยค่ะ คือใจมันจะคิดเรื่องเรียนไม่ทัน ไม่มีทุน แม่จะว่า จะไม่ส่ง วนไปวนมาทั้งวัน ไปเที่ยวไหนไม่มีความสุขเลยค่ะ จะกินอะไรก็ต้องค่อยคิดว่าอย่าใช้ตังเยอะ จะได้เก็บไปช่วยแม่ถ้าต้องจ่ายเงินค่าเทอม(แพงเหมือนกันค่ะเกือบแสน ต่อปี) รู้สึกทรมาณมากเลย ณ จุดๆนี้ จะกลับไทยก็ไม่ได้ค่ะ เราไม่อยากอยู่ใกล้ครอบครัว ครอบครัวเราปัญหาเยอะค่ะ เรื่องเงินหนักเลย ไม่ใช่ไม่มีนะคะ แต่แม่เราค่อนข้างเซฟเงินหนักเลยค่ะ แกอยากทำธุรกิจ เราก็ต้องใช้เงินเรียนด้วย ตอนอยู่กับแกถึงขนาด กินข้าวแค่มื้อเดียวที่เป็นกับข้าวถุงก็มีค่ะ กินข้าวข้างนอก หลัก 300-400 บ่นเเล้วค่ะ ฮืออออ คือเรายากจนขนาดนั้นเลยหรอ เราก็งงเหมือนกัน
ปล.ถ้ากระทู้นี้ทำให้ใครรู้สึกไม่ดี ไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เราแค่ต้องการพื้นที่ให้เราได้หายใจได้ปลดทุกข์บ้างเท่านั้นเอง
ปล.2 นอกจากแนะแนวทาง ใครมีประสบการณ์คล้ายกันก็มาเเลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ช่วยกันให้กำลังใจกันค่ะ
ปล.3ฝากถึงผู้อ่านที่ท่านมีบุตรหลานแล้วกำลังคาดหวังในตัวบุตรหลานมากๆนะคะ ให้ท่านเอาใจใส่บุตรหลานสักนิดค่ะ บางคนอาจจะโดนกดดันจนเครียด กู่ไม่กลับก็อาจจะมีนะคะ
การมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเป็นช่วงชีวิตที่ใครๆต่างก็บอกว่า สบายสุดเเล้ว(เพราะยังเรียน) แต่ถ้าหากต้องอยู่ท่ามกลางแรงกดดันที่นานวันยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆสักวันทนความทรมาณไม่ไหวมันก็จะระเบิดและดับสลายไปในที่สุดค่ะ อยากให้เรื่องนี้ฝากเป็นอุทาหรณ์แกทุกๆท่านที่ได้เข้ามาอ่านด้วย. ขอบคุณค่ะ
เราควรจะทำยังไงดีกับชีวิตที่เหลืออีก3ปีใน ตปท.ดีคะ?
ว่าด้วยอายุก่อน ตอนนี้ก็เลข2แล้ว(แต่ทำไมความเครียดเราเหมือนอายุเลข3เลข4เลยก็ไม่รู้ 555) ตั้งแต่เด็กจนโตครอบครัวจะชอบปลูกฝังว่าต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง จริงๆสำหรับเรามองเผินๆมันก็ดีนะคะ แต่ว่าลึกๆแล้วมันจะมักแฝงมาด้วยความกดดันตลอด ว่าแบบ เราต้องเก่งเราต้องที่1ต้องทำได้ แรกๆมันก็โอเคค่ะเพราะว่ายังเด็กอยู่ความรู้ที่ต้องเรียนมันก็ไม่ได้ยากมากมายใช่ไหมล่ะคะ
มันมาเริ่มตอนเราสอบเข้า รร มัธยมเเห่งหนึ่งค่ะ รร นี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ง่ายๆก็คือได้ทุนนั้นแหละค่ะ ทุกคนก็เลยคาดหวังมากขึ้น ว่าเราจะต้องเก่งแน่ๆ ต้องทำได้ดีแน่ๆ โดยเฉพาะคุณแม่ค่ะ คุณแม่เราค่อนข้างเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมากๆค่ะ คาดหวังกับเรามาก แต่แกไม่ค่อยชมนะคะ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะโดนบ่น หาว่าไม่ตั้งใจเรียนก็มีค่ะ อยู่กับแกถ้าคุยเรื่องเรียนนี่เราเครียดจนต้องหนีเลยค่ะ คือทำดีแล้วก็ยังโดนอีก
ตอนสมัยเรียนมัธยมนี่เข้าได้ก็คือได้ทุนแล้วทั้งหมด 3หรือ6ปีก็ว่ากันไป แล้วแต่ใครเข้าตอน ม.ต้น ม.ปลาย ค่ะ เราเข้าตอน ม.4เลยได้มา3ปี พอเรียนใกล้จบ ก็คุณแม่อีกคาดหวังให้เราเป็นหมอ เพราะหมอ เงินดี! ซึ่ง เป็นหมอ มีเงินก็จริงแต่แลกกับความเหนื่อยที่หนักมาก ละก็แลกกับสุขภาพตัวเองด้วย เราเลยไม่อยากเป็นค่ะ ไม่อยากเครียด เครียดมาเยอะแล้ว(สมัยเรียน ม.ปลาย ถูกกดดันให้สอบได้เกรดดีๆตลอด เกรดตกจาก 3.84เหลือ3.82ก็โดนเหน็บๆแล้วค่ะ) แต่ดีนะคะเราไม่ได้เทพขนาดนั้นเลยสอบไม่ติด5555 แกก็เหมือนจะปลงค่ะ แต่ว่าก็ให้ข้อเสนอมาว่าจะให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ! ก็ไม่ไกลมากค่ะ เลยภาคเหนือขึ้นมาอีกหน่อย555 เดาออกใช่ไหมคะ
พอคุณแม่ยื่นข้อเสนอมา ตอนนั้นเราก็สนใจค่ะ เพราะชอบภาษาบ้านเขาอยู่แล้วเลยตัดสินใจว่า อ่ะ มาก็ได้(เป็นไงคะ เราไม่เคยได้เลือกเองเลย ต้องรอแม่ยื่นข้อเสนอมาให้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเลือกทางเดินเองนะคะ แต่ขัดไม่ได้เลยค่ะ แกบอกว่า ทางของแกคือดีสุดแล้ว (และก็เหนื่อยสุดด้วยค่ะ555)) แต่เงื่อนไขคือ จะได้ทุนเรียนจนจบปริญญา ก็ต้องทำคะแนนให้ถึงเป้าค่ะ คราวนี้แม่ก็ยิ่งหวังเลยสิ่คะว่าต้องทำได้ แหง่ล่ะ ตอนมาเรียนแรกๆนี่เสียไปเยอะกับค่าเดินเรื่อง ส่วนเราไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเรียน ตปท.แถมยังเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย ก็เลยเดินเรื่องอะไรเองไม่เป็นเลยค่ะ รอเอเจนซี่ทำให้อย่างเดียวเลย
สุดท้ายก็ได้มาเรียนจนได้ค่ะ ปีเเรกมันก็สนุกนะคะ ชิวมาก จนได้ทุนปีสองมาเรียบร้อย พอขึ้นปีสองเท่านั้นแหละ เรียกได้ว่านรกของแท้เลยค่ะ555 เนื่องจากว่าต้องใช้ภาษาเขาในการเรียน(ไม่ใช่อังกฤษนะคะ ไม่มีหลักสูตรอินเตอร์555) เหมือนต้องรีเซ็ตทุกอย่างใหม่หมด เราเครียดทุกวันเลยค่ะว่าจะเรียนยังไง ฟังไม่ออกเลยเวลาอาจารย์พูด พยายามกลับมาอ่านเอง ทบทวน จนสอบกลางภาค เราก็ยังพอได้ในขณะที่เพื่อนถอดใจไปเป็นแถบเลย 5555 พอหลังกลางภาคมา ยิ่งเเล้วใหญ่ ยากกว่าเดิม ครูสอนไวกว่าเดิม เหมือนมันจะไม่ทันปลายภาค ยิ่งเครียดหนักมากๆค่ะ เราแอบร้องไห้ตลอด จนมีครั้งนึงนั่งเรียนอยู่ทนไม่ไหว หยิบมือถือมาส่งข้อความหาพ่อกับแม่ว่าถ้าเกิดเราไม่ไหวจริงๆ ได้จ่ายค่าเทอมปีหน้า พ่อกับแม่ยังจะส่งเราอยู่ไหม พวกท่านก็ว่าส่ง แต่พอไปคุยอีกทีก็มีเกี่ยงๆว่าให้พ่อแกส่งไปสิ่ เราเครียดเลยค่ะ ปัญหาการเงินทางบ้านก็ค่อยข้างหนัก มีแต่คุณแม่ ที่พอส่งได้ แต่แกอารมณ์ไม่ค่อยคงที่ค่ะ เลยพลอยทำให้เราเครียดไปหมด กลัวพ่อแม่ไม่ส่ง กลัวแกผิดหวัง กลัวเรียนไม่จบ จนไม่มีกำลังใจทำอะไร ถึงขนาดคิดว่า ถ้าเราตายๆไปจะได้ไม่เครียดก็ดี เมื่อก่อนคิดว่าตัวเองคิดมาก ที่เขาว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่เดี๋ยวนี้คิดบ่อยค่ะ เริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว
ที่มาเขียนกระทู้วันนี้ส่วนนึงคืออยากระบาย อีกส่วนคือ อยากขอความช่วยเหลือจากผู้เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้อ่ะค่ะ ผ่านกันไปยังไงคะ โดยที่ไม่ใช่ประชดชีวิตหรือทำร้ายตัวเองค่ะ เพราะลึกๆเราก็อยากมีการงานที่ดี เลี้ยงพ่อเลี้ยงเเม่ได้ เพราะแกเลี้ยงเราก็เหนื่อยมากแล้ว แต่คือตอนนี้มันไม่ได้เลยค่ะ ทั้งกายทั้งใจ จะลุกจากที่นอนไปเเต่งตัวไปเรียน ก็หน่วงไปหมดเลย ดาวน์ด้วยค่ะ ทำอะไรช้า ทำการบ้านคิดได้แปปๆก็ไม่มีสมาธิ อะไรที่เป็นเรื่องด่วนให้ทำตอนนี้ไม่ได้เลยค่ะ ลนไปหมด ขับรถก็เหม่อจนพารถไปล้มมาหมาดๆเลยค่ะ คือใจมันจะคิดเรื่องเรียนไม่ทัน ไม่มีทุน แม่จะว่า จะไม่ส่ง วนไปวนมาทั้งวัน ไปเที่ยวไหนไม่มีความสุขเลยค่ะ จะกินอะไรก็ต้องค่อยคิดว่าอย่าใช้ตังเยอะ จะได้เก็บไปช่วยแม่ถ้าต้องจ่ายเงินค่าเทอม(แพงเหมือนกันค่ะเกือบแสน ต่อปี) รู้สึกทรมาณมากเลย ณ จุดๆนี้ จะกลับไทยก็ไม่ได้ค่ะ เราไม่อยากอยู่ใกล้ครอบครัว ครอบครัวเราปัญหาเยอะค่ะ เรื่องเงินหนักเลย ไม่ใช่ไม่มีนะคะ แต่แม่เราค่อนข้างเซฟเงินหนักเลยค่ะ แกอยากทำธุรกิจ เราก็ต้องใช้เงินเรียนด้วย ตอนอยู่กับแกถึงขนาด กินข้าวแค่มื้อเดียวที่เป็นกับข้าวถุงก็มีค่ะ กินข้าวข้างนอก หลัก 300-400 บ่นเเล้วค่ะ ฮืออออ คือเรายากจนขนาดนั้นเลยหรอ เราก็งงเหมือนกัน
ปล.ถ้ากระทู้นี้ทำให้ใครรู้สึกไม่ดี ไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วยนะคะ เราแค่ต้องการพื้นที่ให้เราได้หายใจได้ปลดทุกข์บ้างเท่านั้นเอง
ปล.2 นอกจากแนะแนวทาง ใครมีประสบการณ์คล้ายกันก็มาเเลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ช่วยกันให้กำลังใจกันค่ะ
ปล.3ฝากถึงผู้อ่านที่ท่านมีบุตรหลานแล้วกำลังคาดหวังในตัวบุตรหลานมากๆนะคะ ให้ท่านเอาใจใส่บุตรหลานสักนิดค่ะ บางคนอาจจะโดนกดดันจนเครียด กู่ไม่กลับก็อาจจะมีนะคะ
การมีชีวิตอยู่ แม้ว่าจะเป็นช่วงชีวิตที่ใครๆต่างก็บอกว่า สบายสุดเเล้ว(เพราะยังเรียน) แต่ถ้าหากต้องอยู่ท่ามกลางแรงกดดันที่นานวันยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆสักวันทนความทรมาณไม่ไหวมันก็จะระเบิดและดับสลายไปในที่สุดค่ะ อยากให้เรื่องนี้ฝากเป็นอุทาหรณ์แกทุกๆท่านที่ได้เข้ามาอ่านด้วย. ขอบคุณค่ะ