คืนวันลอยกระทง

#คืนวันลอยกระทง

เนื่องด้วยตัวอำเภอที่เราอยู่เป็นเขตที่ติดกับจังหวัดน่านซึ่งห่างกันเพียงห้าสิบกิโลเมตรเท่านั้น วันนี้จึงเป็นวันที่เพื่อนของผมตัดสินใจว่าจะเอารถยนต์ไปซ่อมที่จังหวัดบ้านเกิดของเธอเนื่องจากหลายวันก่อนหน้าเธอเอามันไปเฉี่ยวชนจนสีถลอก 

เช้าของวันลอยกระทงเราทั้งสามจึงออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อหวังว่าจะกลับมาให้ทันงานลอยกระทงในอำเภอเล็ก ๆ กลางหุบเขาที่พวกเราอาศัยอยู่ การเดินทางครั้งนี้มีผมและเพื่อนอีกสองคน ผู้หญิงหนึ่งคนซึ่งเป็นเจ้าของรถ(นามสมมุติว่ากิ๊ก) และเพื่อนผู้ชายอีกหนึ่งคน(นามสมมุตว่าธีร์)

หนทางห้าสิบกิโลเมตรตัดผ่านภูเขาลูกใหญ่และสูงชั้นสองสามลูกและภาคเหนือก็ขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเราจึงลดกระจกลงเพื่อกินลมชมวิวไปตลอดทาง โชคร้ายที่นั่นไม่ช่วยให้อาการเมารถของผมดีขึ้นแม้แต่น้อย แต่หลังจากที่จอดอ้วกข้างทางหนึ่งครั้ง อาการเมารถถของผมก็ทุเลาลงบ้าง

เราถึงน่านในช่วงสายของวัน กิ๊กตัดสินใจเอารถไปเข้าอู่โดยมีธีร์ไปเป็นเพื่อนและทิ้งผมเอาไว้ให้นอนพักที่ร้านขายผ้าพื้นเมืองซึ่งเป็นร้านที่ป้าของเธอเป็นเจ้าของกิจการ ไม่นานผมจึงเผลอหลับไปด้วยอาการเพลียจากการเมารถ

ถึงแม้ช่วงนี้จะอยู่ในหน้าหนาว แต่ช่วงเที่ยงวันในจังหวัดน่านกลับไม่ได้เย็นสะบายอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อนของผมทั้งสองคนกลับมาพร้อมกับข่าวร้ายที่ว่า "รถยนต์ต้องรอคิวทำสียาวถึงเจ็ดวันจึงจะรับกลับได้ และรถโดยสารก็หมดแล้ว" ดังนั้นวันนี้เราทั้งสามจึงต้องกลับกันเองด้วยมอเตอร์ไซของป้าที่จอดทิ้งไว้เพียงหนึ่งคัน

หลังจากแวะกินข้าวที่ร้านส้มตำรสเด็ดของเมืองน่าน อาการเพลียของผมก็ดีขึ้นมาไม่น้อย เราทั้งสามจึงตัดสินใจขี่รถมอเตอร์ไซเที่ยวในตัวจังหวัดน่านก่อนกลับด้วยเวลาที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง

เราแวะไปที่วัดชื่อดังประจำจังหวัดน่าน วัดแห่งนี้เป็นวัดขนาดใหญ่ และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันลอยกระทง ผู้คนที่เข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่จึงเนืองแน่นมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา

เวลาสี่โมงเย็นหลังจากที่เราออกมาจากวัดแล้ว กิ๊กต้องแวะไปหาแม่ที่บ้านในเขตชานเมืองด้วยธุระสำคัญบางอย่าง กว่าที่พวกเราจะเดินทางออกจากตัวจังหวัดน่านจริง ๆ เวลาจึงล่วงเลยไปจนถึงหกโมงเย็นแล้ว และนั่นก็คือจุดกำเนิดเรื่องราวที่ทำให้ผม กิ๊ก และธีร์ ไม่สามารถลืมคืนวันลอยกระทงของปีนี้ได้เลยจริง ๆ

หลังจากขับออกมาจากตัวเมืองน่านราวสิบกิโลเมตร แสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่สองข้างทางจึงมืดสนิทลง รถมอเตอร์ไซคันเก่าของป้าเป็นสิ่งเดียวที่พวกเราพึ่งพาได้ในตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะงานในวันรุ่งขึ้นรัดตัว เราทั้งสามคงไม่ตัดสินใจขับมันออกมาทั้งอย่างนี้แน่นอน

ไม่นานหนทางที่เคยราบเรียบจึงสูงชันขึ้น นั่นบ่งบอกว่าเรากำลังขึ้นเขาลูกแรกของภูเขาที่กั้นระหว่างจังหวัดน่านและอำเภอหนึ่งในเขตจังหวัดใกล้เคียงที่เราอาศัยอยู่แล้ว โชคดีที่วันนี้พระจันทร์เต็มดวงและฟ้าก็เปิดพอสมควร สองข้างทางที่ควรจะมืดสนิทจึงพอมองเห็นได้ลาง ๆ นั่นทำให้ความกลัวของเราทั้งสามลดลงไปไม่น้อย

ธีร์ทำหน้าที่เป็นคนขับโดยที่กิ๊กเป็นคนนั่งกลางและผมเป็นคนซ้อนคนสุดท้าย เขตอำเภอที่พวกเราอาศัยอยู่เป็นอำเภอที่เรียกได้ว่าเล็กและเงียบมาก ดังนั้นตลอดทางที่พวกเราขับมานาน ๆ ครั้งจึงจะมีรถขับผ่านมาสักคัน ซึ่งกว่าสามสิบกิโลเมตรบนเขาผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่เกินสิบคัน

ถึงแม้ตอนเที่ยงจะร้อนอบอ้าว แต่พอหลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินกลับเรียกได้ว่าคนละโลกเลยจริง ๆ ยิ่งถนนบนภูเขาสูงเช่นนี้ก็ยิ่งหนาวกว่าปกติ เราทั้งสามหาเรื่องคุยจอแจกันไปตลอดทางเพื่ออำพรางความเงียบ และความกลัวที่เกิดขึ้นอยู่ลึก ๆ อย่างรู้ใจกัน

จนกระทั่งระยะหนึ่งบนยอดเขา เราสามารถมองเห็นตัวเมืองน่านที่อยู่ไกล ๆ โคมลอยที่ถูกปล่อยขึ้นเป็นสายเรียกได้ว่างดงามกว่าด่านล่างมากนัก วิวเช่นนี้อาจถือว่าคุ้มค่าและพบเห็นได้ยาก หากไม่เกิดเหตุสุดวิสัยเช่นนี้ขึ้น พวกเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันอย่างแน่นอน

ผ่านไปอีกระยะหนึ่งเสียงพูดคุยของพวกเรายังคงดังขึ้นและหยุดลงบ้างเป็นระยะ อาจเนื่องด้วยหนทางที่สูงชันและอันตรายมากขึ้นพร้อมกับที่พวกเราไม่ได้ใส่หมวกนิรภัย และความเย็นของอากาศที่ลดต่ำลงจนเราทั้งสามต้องกระชับเสื้อกันหนาวเขาหาตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้

ถึงจุดที่เป็นเขตป่าทึบบนภูเขา ต้นไม้ที่รายล้อมสองข้างทางกลายเป็นปกคลุมสูงถนัดตา ส่งผลให้แสงจันทร์ที่เคยส่องสว่างหลงเหลือเพียงแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซต์คันเก่าที่พวกเราทั้งสามขับมาด้วยความระมัดระวัง

ผมกระชับฝ่ามือเข้ามาที่หน้าอกพร้อมกับกำเครื่องรางที่แขวนอยู่ที่คอจนแน่นถนัด กลิ่นสาบสางไม่รู้ว่ากิ๊กและธีร์จะได้กลิ่นเหมือนผมรึเปล่า มันทำให้ผมหันมองหลังอยู่บ่อย ๆ ด้วยความระแวดระวัง

กลิ่นที่ผมนึกขึ้นได้ว่าเคยสัมผัสที่ไหนทำให้ผมรู้สึกกังวลใจไม่น้อย และหากเป็นเช่นที่ผมคิด นั่นถือว่าอันตรายกว่าผีสางหรือคุณไสยเสียอีก เพราะนั่นเป็นกลิ่นของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ผมเคยไปชมเมื่อนานมาแล้ว

และแล้วสิ่งที่ผมกังวลใจก็เกิดขึ้นจริง ๆ ตลอดสองข้างทางที่กลิ่นสาบคละคลุ้งอยู่ ผมพยายามไม่ทักหรือถามเพื่อนว่าได้กลิ่นหรือไม่ แต่มันกลับไม่จางลงเลยแม้แต่น้อย หางตาของผมเหลือบเห็นลายพรางประหลาด ๆ สีเหลืองดำของสัตว์สายพันธ์ุหนึ่งสลับกับใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในความมืดเป็นระยะ มันคือเสือสมิงที่ผมเคยเห็นแค่เพียงในละคร

และนั่นทำให้ผมแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ผมนึกถึงและกังวลอยู่ในใจตลอดเวลาปรากฏขึ้นแล้วจริง ๆ ผมหลับตาลงนึกถึงพระธาตุที่พวกเราไปสักการะ พร้อมกับบทแผ่เมตตาอย่างง่ายที่พอจะนึกออกได้ในเวลานี้ 

เจ้าป่าเจ้าเขาคือผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในผืนป่า ดังนั้นท่านจึงเป็นอีกหนึ่งที่พึ่งที่ผมระลึกขึ้นได้และคิดว่าเหมาะสมที่สุด หนทางในช่วงนี้คดเคี้ยวเป็นพิเศษกว่าที่ผ่านมา สิ่งที่ติดตามเรามาปรากฏขึ้นในระยะทางช่วงนี้ ไม่อาจพูดได้อย่างสบายใจเลยว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

ผมอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอ้อนวอนต่อเจ้าป่าเจ้าเขาด้วยจิตใจที่บีบคั้นขีดสุด จู่ ๆ กลิ่นสาบสางจึงถูกกลบด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าชนิดหนึ่ง มันทั้งหอมเย็นและสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก แต่ความเบาใจที่ปรากฏขึ้นมาเล็ก ๆ ทำให้ผมคลายความกังวลลงได้ไม่น้อยทีเดียว

หลังจากนั้นตลอดทางเงาร่างสีเหลืองดำจึงคล้ายว่าปรากฏให้ให้เห็นไกลออกไประยะหนึ่ง กลิ่นสาบสางที่เคยสัมผัสได้เบาบางลงไปมากกว่าครั้งก่อน ใบหน้าของเธอคนนั้นคล้ายปรากฏความโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย แสงไฟที่ปรากฏให้เห็นในหุบเขาด้านล่างบ่งบอกว่าความครึกครื้นในอำเภอเล็ก ๆ เป็นสิ่งที่อบอุ่นยิ่งกว่าบรรยากาศในตอนนี้เสียอีก

สองข้างทางที่มืดมิดหลังจากรถมอเตอร์ไซแล่นลงจากเขาลูกสุดท้ายมาได้จึงถูกแทนที่ด้วยความสว่างไสวจากแสงไฟส่องทางเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองชั่วโมง เธอคนนั้นตอนนี้ได้หายไปแล้ว คำขอบคุณดังขึ้นในใจผมพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ส่งพวกเราลงจากเขาก็กำลังค่อย ๆ จางหายไปแล้วเช่นกัน

ไม่นานรถมอเตอร์ไซของพวกเราจึงแล่นเข้าสู่เขตอำเภอในที่สุด เราไม่ลืมแวะลอยกระทงที่แม่น้ำข้างที่ว่าการอำเภอซึ่งเป็นงานที่ทางอำเภอจัดขึ้นอย่างสุดกำลัง แม้จะเป็นเวลาสองทุ่มแต่ผู้คนก็ยังพลุกพล่านอยู่ไม่น้อย และนั่นสามารถบรรเทาความหวาดกลัวของผมให้หายไปได้มากทีเดียว

ผมไม่ลืมขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองพวกเราในวันนี้ ไม่รู้ว่าหากพวกเราไม่เดินทางไปที่วัดก่อนออกมาจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ แม้ค่ำคืนในวันนี้จะสว่างไสวกว่าทุกวันเพราะเป็นคืนวันเพ็ญขึ้นสิบห้าค่ำ แต่ความมืดดำที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาและผืนป่ากลับน่าหวาดหวั่นยิ่งนักสำหรับผม

สุดท้ายผมขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่อ่านเรื่องนี้จนจบ และผมก็ขอเอ่ยคำว่าสุขสันต์วันลอยกระทงย้อนหลังครับ...

ติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางในเฟสบุค เพจ มุมมืดยามรัตติกาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่