เบื้องต้นปฏิบัติมันฟุ้งซ่าน....เราพยายามรวมให้มันได้ /หลักการปฏิบัติต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ปฏิบัติสุ่มสี่สุ่มห้า




เข้าพรรษามาได้เดือนหนึ่งแล้ว แสดงว่าเราอยู่พรรษากันจริงๆ จังๆ พรรษา ๓ เดือนนั่น ล่วงไปแล้วเดือนหนึ่งยังอีกสองเดือน ในขณะที่เราอยู่พร้อมเพรียงกัน จึงเริ่มทำความเพียรให้เพียงพอ การศึกษาก็ศึกษาอยู่นั่นแหละ ไม่ขัดข้องอะไรหรอกไปเข้าใจว่าการศึกษาเล่าเรียนกับการปฏิบัติเป็นคนละแนวกัน มันขัดข้องศึกษาเล่าเรียนแล้วปฏิบัติไม่ได้ เวลาทำจริงๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ศึกษาเล่าเรียนคือการปฏิบัตินั่นแหละ อย่างว่าเราฟังเทศน์ก็เป็นการศึกษาเล่าเรียนไปในตัว เราจะเอาอะไรไปปฏิบัติ ถ้าไม่ได้ศึกษา เรื่องต่างๆ ที่มันแวดล้อมเวียนวนไปมาอยู่นั้น ก็คือว่าต้องการให้เราศึกษาให้รู้เรื่องเท่านั้นเอง เมื่อไม่รู้เรื่องก็ไม่ทราบจะแก้ตรงไหนกัน แต่การศึกษากับการปฏิบัตินั้น ให้มันรวมลงให้ได้


เบื้องต้นปฏิบัติมันฟุ้งซ่าน จิตส่งไปในที่ต่างๆ เราพยายามรวมให้มันได้ พิจารณาให้เป็นเหตุผลเป็นเรื่องราวของมัน จิตจะไปในแง่ใดมุมใดก็ตาม ตั้งสติควบคุมดูแลมันอยู่ตลอดเวลา นานหนักเข้า เอาไปเอามามันก็ส่งไปเรื่องของเก่าไม่มีอะไรเป็นของใหม่ เมื่อเห็นเป็นของเก่ามันก็เบื่อ มันคลายออกไป ก็รวมลงเป็นอันหนึ่ง อันนั้นแหละเรียกว่า รวมเบื้องต้น


การปฏิบัติที่รวมเบื้องต้น นั้นเรียกว่าปฏิบัติรวมได้ คราวนี้การปฏิบัติเรื่องเหล่านั้นหลายเรื่องหลายอย่าง ชำระสะสาง ปล่อยวาง เว้นมันได้ เอาแต่สิ่งที่เราประสงค์ เรารู้จักในสิ่งนั้น เราต้องการสิ่งใด เราประสงค์สิ่งใด สิ่งที่ไม่เป็นศีลไม่เป็นธรรมเราก็รู้เรื่อง พิจารณาไปพิจารณามาลง อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา หมดทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็รวมลงไปอีกทีหนึ่ง อันนั้นมันเป็น รวมครั้งที่สอง


รวมครั้งที่หนึ่งมันไม่ชัด รวมครั้งที่สองมันชัด คือมันเห็นเหตุเห็นผลเพียงพอรวมครั้งต้นนั้นเพียงแต่ละเพียงแต่ทิ้งปล่อยวางเฉยๆ รวมครั้งที่สองนั้น เห็นเหตุเห็นผลเรื่องราวของมัน ดี ชั่ว หยาบ ละเอียด สิ่งที่มันเป็นประโยชน์ตนประโยชน์คนอื่น รวมลงไปได้ อันนั้นเป็นรวมครั้งที่สอง รวมครั้งที่สุด คือ ปัญญามันเห็นแจ้งรู้จริง มันเบิกบาน ครั้นหากว่ามันรวมลงไปแล้ว จิตใจแจ่มแจ้งชัดเจนทุกสิ่งทุกประการไม่ใช่เป็นอนุโลม มันชัดเจนจริงๆ แจ้งชัดจริง อันนี้เป็นการ รวมครั้งที่สาม


หัดให้รวมได้อย่างนี้อยู่เสมอๆ ครั้งแรกก็หัดรวมให้มันได้ ถ้าไม่ได้ก็หัดอยู่อย่างนี้ละ หัดให้มันรวมได้บ่อยๆ ส่วนมันออกไปนั้น มันออกไปเองหรอก เราต้องการให้มันรวมเราต้องหัด จิตออกไปมันวุ่นวาย เราไม่ต้องการ เราต้องการอย่างนี้ ที่มันออกไปนั้นมันเป็นไปเอง ครั้นปล่อยสติมันเลยไปทุกแห่งทุกหนได้ทั้งนั้น อย่างนั้นเราไม่ต้องการ เรามาปฏิบัติก็เพื่อรวม ศาสนาพุทธอันนี้ปฏิบัติเพื่อรวมให้รวมเป็นจุด อย่างที่ว่ามานี้ มันรวมแล้วก็หัดอยู่เสมอๆ หัดพิจารณาให้มันเห็นชัดเจนเห็นแจ้งเข้าไปเรื่อย มันยังไม่รวมถึงจะอนุมานก็ดี เห็นของเหล่านั้นเป็นของไม่เที่ยง เห็นของอันนั้นไม่เป็นของจีรังถาวร ของอันนั้นมันเป็นอยู่อย่างนั้นปล่อยวางได้มันก็รวมลงไปอีก นี่เป็น รวมครั้งที่สอง


รวมครั้งที่สาม มันเห็นแจ้งเลยอันนี้ ชัดทุกสิ่งทุกอย่าง พิจารณาอย่างเก่านั่นล่ะ เคยพิจารณาอย่างไรก็พิจารณาอย่างเก่านั่น มันหากเห็นต่างกัน ไม่มีการพิจารณาอันอื่นหรอก พิจารณาอันเก่านั่นละ ถ้าหากว่ามันแจ้งขึ้นมาแล้ว ของเก่าก็กลายเป็นของใหม่ มันเห็นชัดเห็นจริงแล้วของเก่าก็กลายเป็นของใหม่ ที่มันจะเห็นชัดเห็นจริงนั่น เพราะเหตุที่มันเปลี่ยนสภาพ เปลี่ยนสภาพคือ มันรวมได้เมื่อมันรวมได้บ่อยๆ ทีนี้พิจารณามันค่อยลงถึงธรรมะ


อย่างพระสูตรท่านก็รวมได้เหมือนกัน พระไตรปิฎกคือ กระจาดทั้งสามธรรมทั้งหลายแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ มารวมกันลงในไตรปิฎกทั้งสาม นั่นรวมได้เหมือนกัน พระไตรปิฎกทั้งสามนั้นรวมลงที่ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นก็รวมลงมาเหมือนกัน ศีล สมาธิ ปัญญา รวมลงมาเป็นมรรคอันหนึ่ง นั่นก็รวมเหมือนกัน นี่เป็นหลัก หลักการปฏิบัติต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ปฏิบัติสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ใช่ปฏิบัติไม่มีหลักมีเกณฑ์ มันไม่เป็นไป ถึงเป็นไปก็ไม่จีรังถาวรหากหลักเกณฑ์ไม่ได้ เหตุนั้นจึงว่า ตั้งใจปฏิบัติเสีย มันจะเป็นไปสักเท่าใดก็ตาม ให้มันรู้เรื่องของตนเอง ให้เห็นด้วยใจของตน อันนี้เรียกว่าการปฏิบัติ การปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา มันรวมได้อย่างนี้

เนื้อหาบางส่วนจาก
หัดรวมให้ได้
ธรรมเทสนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
วันที่ n/a พ.ศ. ๒๕๒๖

เม่าฝึกจิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่