สัตว์โลกที่มีความสามารถพิเศษไม่ธรรมดา

ผลิตสารกันแสงแดดได้



นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Keio University และ Kyoto Pharmaceutical University ของประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการทดลองเพื่อค้นหาความพิเศษของเหงื่อฮิปโป ผลการทดลองพบว่า เหงื่อของฮิปโปนั้นประกอบด้วย สารสีสองชนิด ชนิดแรกเป็นสีแดง ชื่อ hipposudoric acid ส่วนชนิดที่สองเป็นสีส้ม ตั้งชื่อให้ตามชื่อฮิปโปเลยว่า norhipposudoric acid
ซึ่งสารทั้งสองนี้น่าจะมีสารตั้งต้นมาจากพวกกรดอะมิโน เช่น tyrosine และ phenylalanine  และยังค้นพบว่าจากสารทั้งสองนี้ สามารถดูดกลืนรังสี UV ได้ และฮิปโปใช้มันในการป้องกันการกันแสงแดดและรังสียูวี  ส่วนสารสีส้ม มีคุณสมบัติในยับยั้งเชื้อแบคทีเรียต่างๆได้หลายชนิด เช่น Pseudomonas aeruginosa และ Klebsiella pneumoniae

Christopher Viney ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ของ University of California และเพื่อนร่วมงาน Emily Reed, Lisa Klumb และ Maxwell Koobatian ได้ทดลองการหลั่งน้ำมันออกจากฮิปโปในสวนสัตว์ เหงื่อจะถูกย้ายไปยังภาชนะพลาสติกที่ปิดสนิท

พบว่าหลังจากการเก็บรักษาเป็นเวลาหลายเดือน เหงื่อสีแดงของฮิปโปก็ยังไม่ปรากฏสัญญาณของยีสต์แบคทีเรียหรือการปนเปื้อนของเชื้อรา
นั่นคือ เหงื่อของมันมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถป้องกันแบคทีเรีย เชื้อราได้
นักวิจัยนำคุณสมบัตินี้มาผลิตเป็นครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวชั้นเยี่ยม  แถมไม่มีผลข้างเคียงเพราะมาจากธรรมชาติ 
Cr.blockdit.com/



ร้องไห้เพื่อขจัดส่วนเกิน



Roadrunners คือนกประจำรัฐของนิวเม็กซิโก ชนพื้นเมืองอเมริกันพื้นเมืองและชาวเม็กซิกันถือว่าเป็นนกแห่งความโชคดี เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งความกล้าหาญความเร็วและความอดทน ขนของโรดรันเนอร์ถูกนำมาใช้เพื่อขับไล่ความชั่วร้าย  และเชื่อกันว่าร่องรอยของโร้ดรันเนอร์สามารถนำพาคนที่หลงหายไปกลับมาได้  (พบในความเชื่อทางศาสนาคติชนวิทยาและตำนานของชนเผ่า Pima, Hopi, Pueblo, Anasazi และ Mogollon)

นกเหล่านี้ชอบที่อยู่อาศัยที่แห้งแล้งหรือแห้งแล้งเช่นทะเลทรายหุบเขาล้างทุ่งโล่งหรือพื้นที่เกษตรกรรม สามารถวิ่งได้สูงสุด 26 ไมล์ต่อชั่วโมง (42 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เป็นความเร็วในการวิ่งที่เร็วที่สุดกว่านกทุกตัว ในขณะที่วิ่งจะใช้หางยาวในการบังคับเลี้ยวการทรงตัวและการเบรก  เท้าของ Roadrunners มีสองนิ้วชี้ไปข้างหน้าและสองนิ้วชี้ไปข้างหลัง เท้าเหล่านี้ทิ้งรอยรูปตัว X ตามเส้นทางที่มีฝุ่นหรือพื้นดินแห้งซึ่งสามารถเห็นได้ง่าย 

เนื่องจากน้ำหายากในที่อยู่อาศัยของโรดรันเนอร์    นกเหล่านี้ได้รับความชื้นที่มากเกินความต้องการจากเลือดและเนื้อเยื่อของเหยื่อ ต่อมพิเศษที่อยู่ในตาจึงต้องหลั่งเกลือส่วนเกินออกไปเพื่อให้เคมีในร่างกายมีความสมดุล




                                                                                      (Cr.ภาพ picpost.mthai.com/)
Roadrunner ที่โด่งดังที่สุดคือ Road Runner ที่สร้างโดย Chuck Jones ในปี 1948 โดย Warner Bros. นกเปิดตัวครั้งแรกกับ  Wile E. Coyote ในปี 1949 และปรากฏในการ์ตูนการ์ตูนโฆษณาและวิดีโอเกมมากมาย 
Cr.th.rollingthunderky1.org/



กิ้งก่าสลัดหาง




กิ้งก่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งน่าสนใจหลายอย่าง เช่นขนาดของกิ้งก่าที่แตกต่างกัน โดยกิ้งก่าที่เล็กที่สุด Brookesia Mikra มีความยาวเพียง 28 มม. ในขณะที่ตัวที่ใหญ่ที่สุดคือกิ้งก่ามอนิเตอร์อินโดนีเซียซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อมังกร Komodsky ที่มีความยาวลำตัวเกิน 3 เมตร

 สัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้ได้รับความนิยมไม่เพียงแต่ในหมู่นักชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่สนใจของนักคนทั่วไปและนักล่าด้วย   กิ้งก่าจึงสลัดหางของมันออกไป ความสามารถนี้เรียกว่า autotomy เป็นวิธีการดูแลรักษาตัวเองเมื่อวิ่งหนีจากนักล่า
เมื่อนักล่าสามารถจับหางของมันได้ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตมัน เพื่อที่จะรักษาชีวิตของกิ้งก่าขนาดกลางบางชนิดสามารถที่จะกำจัดหางของมันออกไปหลังจากนั้นไม่นานหางของมันจะงอกขึ้นอีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเลือดจำนวนมากในช่วง autotomy ส่วนหางของกิ้งก่าจะมีกลุ่มกล้ามเนื้อพิเศษที่ช่วยลดหลอดเลือด
Cr.kiddyclub.ru/th




กงเล็บวูล์ฟเวอรีน 


กบขน (Hairy Frog)  มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า(Trichobatrachus robustus)  มีถิ่นที่อยู่อาศัยในตอนกลางของ ทวีปแอฟริกา
ปัจจุบันถูกคุกคาม และถูกล่าอย่างหนัก โดยชาวแคเมอรูน จะนำพวกมันไปย่างกิน โดยใช้หอกยาวแทง เพื่อป้องกันการถูกพวกมันทำร้ายด้วยกรงเล็บแหลมคมของพวกมัน
จากตัวอย่างที่มีหลงเหลืออยู่ กบขน มีขนาดร่างกายยาวประมาณ 11 เซ็นติเมตร มีหัวใหญ่แผ่ออกทางกว้างมากกว่าทางยาว จมูกค่อนข้างมนกลม
ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย

สิ่งที่สามารถเห็นได้อย่างโดดเด่นของพวกมันก็คือ เส้นขน ที่โดยแท้จริงแล้วสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ ขน แต่เป็นผิวหนังที่ยื่นยาวออกมาของกบเพศผู้ในช่วงผสมพันธุ์ โดย บริเวณผิวหนังที่ยื่นยาวมาคล้ายขนนี้จะมีเส้นเลือดแดงจำนวนมากในบริเวณนั้น และไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่า ผิวหนังที่มีลักษณะคล้ายขนนี้มีไว้เพื่อประโยชน์อะไร แต่ คาดว่ามีเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวให้มากขึ้นเพื่อให้ออกซิเจนซึมผ่านผิวหนังได้ดีขึ้น



แต่สิ่งที่ทำให้มันโด่งดัง และสร้างความสงสัยยิ่งให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่สุดก็คือ กงเล็บของพวกมัน ที่จะเป็นกระดูกฝังอยู่ในผิวหนัง กงเล็บเหล่านี้เชื่อมต่อด้วยกล้ามเนื้อ และจะแทงทะลุผิวออกมาเมื่อพวกมันถูกคุกคาม หรือทำให้ตกใจ เพื่อใช้ปัองกันตัว แต่ ก็มีบางแนวที่คิดว่ากงเล็บนี้มีไว้สำหรับ เพื่อให้พวกมันปีนป่ายได้ดีอย่างมั่นคง
Cr.wowboom.blogspot.com/




โหวตด้วยการเต้น



เมื่อมีการขยายประชากรผึ้ง หากทีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยพวกมันก็จะมาเต้นแข่งกันเรียกว่า waggle dance หรือเต้นรำแบบกองโจร ตัวที่เห็นด้วยก็จะบินไปยังฝั่งที่เห็นด้วยเพื่อตัดสินใจแบบประชาธิปไตย
การ Vote จะเป็นส่วนนึงของการคัดเลือกพันธุ์ทางธรรมชาติตามทฤษฎีของ Charles Darwins  คือ การเลือกวิธีตัดสินใจเป็นการคัดพันธุ์โดยอาศัยพื้นฐานของความอยู่รอดในสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัย  หากพันธุ์ใดมีวิธีการคิดที่ฉลาดและเป็นทางที่สามารถทำให้เกิดโอกาสการอยู่รอดได้ในสิ่งแวดล้อมมากกว่า พันธุ์นั้นก็จะอยู่รอดบนโลกใบนี้

ผึ้งใช้วิธีการตัดสินใจตามหลักการของ การ Vote เพื่อหาว่าผึ้งส่วนมากเห็นว่าวิธีไหนปลอดภัยต่อการอยู่รอดมากที่สุด ก็เอาวิธีนั้น  ที่สำคัญคือ ผึ้งที่ Vote ชนะ กับผึ้งที่ Vote แพ้ ก็อยู่ร่วมกัน เผชิญภัยธรรมชาติ จากนก จากเหยี่ยว จากหมี หรือจากภัยอื่นๆด้วยกันหลังจากที่การตัดสินใจจบสิ้นลงแล้ว
Cr.trachoo.com



เคล็ดลับอายุยืน



เพิร์ลฟิช (Pearlfish) หรือ ปลาเพิร์ล ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1977 ที่ทะเลแถบออสเตรเลีย ภายหลังพบว่าพวกมันอาศัยอยู่ในทะเลทั่วโลก เป็นปลาที่มีลักษณะเหมือนแท่งดินสอ เรียวยาว ไม่มีการระบุขนาดอย่างชัดเจน แต่คาดว่ามันสามารถยาวได้ถึง 30 ซม. 

มันเป็นปลาที่บอบบางอยู่ในชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ทำให้ต้องหาที่หลบภัยจากนักล่า ฉะนั้นการเข้าไปซ่อนตัวอยู่กับสิ่งที่ค่อยมีใครอยากกินนั้น จึงเป็นทางเลือกที่ทำให้พวกมันอายุยืนขึ้น ที่หลบภัยที่ดีที่สุดเท่าที่พวกมันจะหาได้ก็คือ “รูก้น” ของ ปลิงทะเล (Sea Cucumber) ด้วยการอาศัยจังหวะที่ปลิงทะเลกำลังดูดน้ำเข้าทางก้นเพื่อหายใจค่อยๆ สอดตัวเข้าไปในรูทวารของปลิง

สาเหตุก็เพราะ ปลิงทะเล  เป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยมีศัตรูเข้ามายุ่มย่ามมากเท่าไหร่นัก เพราะมันจะทำการปล่อยพิษที่มีชื่อว่า โฮโลทูลิน ออกมาทางผิวหนังเพื่อป้องกันตัว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีผู้พบซากปลาเพิร์ลกว่า 15 ตัว อัดกันอยู่ภายในรูก้นของปลิงทะเลเพียงตัวเดียว

ปลิงทะเล จะกินอาหารโดยการตักทรายเข้าปาก จากนั้นจะทำการย่อยเอาเฉพาะโปรโตซัวเป็นอาหาร ซึ่งส่วนที่เหลือจะถูกกำจัดออกมาเป็น “ขี้” โดยที่ขี้เหล่านั้นจะกลายเป็นอาหารให้สัตว์อื่น ๆ รวมทั้งยังเป็นปุ๋ยชั้นดีให้พืชใต้น้ำอีกด้วย 
Cr.flagfrog.com/



แมวเป็นของไหล? 



Marc Antoine Fardin จากฝรั่งเศส ได้รับ Ig Nobel Prize ประจำปี 2017สาขาฟิสิกส์  สำหรับการใช้หลักพลศาสตร์ของไหล (Fluid Dynamics) มาตอบคำถามว่า ‘แมวสามารถเป็นได้ทั้งของแข็งและของเหลวพร้อมกันได้หรือไม่’
     
มาร์คกล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจในการตอบคำถามนี้จากมีมบนอินเทอร์เน็ตที่บอกต่อกันว่า ‘แมวเป็นของเหลว’ เพราะมันสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ไปตามกล่อง ขวด ลังกระดาษ หรือแม้แต่อ่างล่างหน้าในห้องน้ำ เขาจึงใช้วิทยาศาสตร์การไหล (Rheology) มาอธิบายถึงความไหลของแมว

แมวเป็นสัตว์นักล่าและกล่องเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับแอบซ่อนตัวไม่ให้เหยื่อเห็น ดังนั้นแมวก็จะรู้สึกสบายและปลอดภัยในพื้นที่แคบๆ งานวิจัยบางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่ากล่องยังช่วยลดความเครียดของแมวได้
เหตุผลอีกข้อที่แมวชอบขดตัวในที่แคบก็เพื่อรักษาความร้อนในร่างกาย เนื่องจากร่างกายแมวมีอุณหภูมิสูงกว่ามนุษย์ถึง 20 องศา ดังนั้นการเข้าไปอยู่ในกล่องเล็กๆ ถือเป็นวิธีที่หยุดพักเพื่อรักษาพลังงานในร่างกายให้ถูกใช้น้อยที่สุดคล้ายการจำศีลนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามเหล่าแมวซ่าส์ก็ยังคงสร้างความเฮฮาให้เราได้อย่างมากจากพฤติกรรมประหลาดนี้
 
และเพื่อเฉลิมฉลองให้กับความมุ่งมานะของ Fardin ทางกรรมการ Ig Nobel ถึงกับมอบสุดยอดรางวัลเป็นพัธบัตรมูลค่า 10 ล้านล้านซิมบัคเว่ดอลล่า (ประมาณ 30 กว่าบาท)
Cr.dog-vs-cat.com/



“ลูกเตะแมลงสาบ” เอาตัวรอดจากการถูกทำเป็นมัมมี่



แตนมรกต หรือ Emerald cockroach wasp คือฝันร้ายของแมลงสาบทุกตัวบนโลกใบนี้ เพราะมันจะถูกเจ้าแตนชนิดนี้กระทำอย่างทารุณโหดร้ายอยากจะตายก็ตายไม่ได้ จนกว่าแตนจะบรรลุเป้าหมายของมัน  มันจะออกตามล่าแมลงสาบที่โตเต็มวัย และหาทางนำกลับมาไว้ในรังของมัน เพื่อให้ลูกแตนได้มีแหล่งอาหาร แต่ขั้นตอนนั้นค่อนข้างสยดสยองมาก

เมือพบแมลงสาบ แตนจะเข้าไปใช้เหล็กไนต่อย 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 พิษจะทำให้ขาหน้าของแมลงสาบหยุดเคลื่อนไหว จากนั้นจะฝังเหล็กไนเป็นครั้งที่ 2 โดยพิษจะตรงเข้าสู่ส่วนสมองของแมลงสาบ

แมลงสาบจะไม่ตาย ไม่เป็นอัมพาต ร่างกายจะยังแข็งแรงดี แต่สัญชาติญาณในการหลบหนีจะไม่มีอีกต่อไป
เจ้าแตนจะเข้ากัดหนวดของแมลงสาบให้ขาด และชิมของเหลวที่ไหลออมาจากปลายหนวด ขั้นตอนนี้นักวิทยาศาสตร์คิดว่าแตนอาจตรวจหาปริมาณพิษในเลือดของแมลงสาบ  หรืออาจกำลังวัดหาโดพามีนหรือสารสื่อประสาท เพื่อจะได้รู้ว่าได้เวลาเหมาะสมหรือยังที่จะพากลับรัง 

 ที่ทำทั้งหมดนี้เพราะแตนไม่อาจลากน้ำหนักแมลงสาบไปที่รังได้จึงต้องให้เหยื่อเดินไปเอง แตนจะบังคับแมลงสาบโดยการแตะส่วนหัวของมัน พาไปจนถึงรัง แล้ววางไข่ไว้ที่หน้าอก
จากนั้นจะขังแมลงสาบไว้ภายในรัง  ลูกของแตนที่ออกจากไข่กลายเป็นหนอนเข้าไปกินแมลงสาบทั้งเป็น โดยกินจากข้างในร่างกายจนกลวงโบ๋ สุดท้ายก็กลายเป็นแตนโตเต็มวัยทะลุตัวแมลงสาบที่เหลือแต่เปลือกออกมา 

แต่แมลงสาบบางตัวรู้ มันจะใช้ขาหลัง เตะไปยังแตนมรกตอย่างรุนแรง การแตะไม่ทำให้แตนถึงตาย แต่ทำให้ไม่สนใจมัน
Cr.stem.in.th/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่