✿ แชร์ประสบการณ์การเป็นออแพที่อเมริกา 1 ปี 3 เดือน ✿ ❊สุขหรือทุกข์อยู่ที่มุมมอง❊

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
สวัสดีค่ะ เนื่องจากก่อนไปเมกา เราก็ศึกษาหาข้อมูลจากพันทิพเหมือนกัน เลยตั้งใจไว้ว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปจริงๆ กลับมาจะมาเขียนแชร์ให้เพื่อนๆที่สนใจ เผื่อเป็นประโยชน์กับทุกคนได้บ้าง กระทู้แรกเลย ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ❤.❤ ในกระทู้นี้เราก็จะมาแชร์ตั้งแต่ก่อนไป ระหว่างอยู่ที่นั้น จนกระทั่งกลับมาเลยค่ะ ถ้าพร้อมกันแล้ว ลุยเลย!!


คำบรรยายใต้ภาพ : สถานีรถไฟใกล้บ้าน Bethesda Station (เดิน 15 นาทีจากบ้าน ต่อบัสอีก 5 นาทีถึง ค่าบัส $2)

เราไปเป็นออแพเมื่อเดือน พ.ค. ปี 60 - ส.ค. ปี 61 ตอนนั้นอายุ 25 ย่าง 26 (อายุ 27 จะต้องเหยียบอเมริกา ถ้าเกินกว่านั้นอาจจะไม่สามารถสมัครได้ ต้องไปประเทศอื่นแทน เช่นโซนยุโรป) ขอเริ่มจากเอเจ้นก่อนเลยละกันนะคะ เอเจ้นค่อนข้างหลากหลายทีเดียว เราเลือกไปสอบถามข้อมูลที่ศูนย์ Thai Aupair (มีเจ้าหน้าที่อยู่ต่างจังหวัด) และ Cultural Care หลังจากฟังข้อมูลดูแล้วก็รู้สึกโอเคกับทั้ง 2 เอเจ้น แต่สุดท้ายตัดสินใจเลือก Thai Aupair เพราะ ณ ตอนนั้นค่าใช้จ่ายกับเอเจ้นนี้ถูกกว่าประมาณเกือบหมื่น และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมกรณีต้องการต่อปี 2 (สามารถเป็นออแพได้สูงสุด 2 ปี) ลองเข้าไปสอบถามข้อมูลและราคาของแต่ละเอเจ้นก่อนได้ค่ะ แต่ละปีอาจจะมีโปรโมชั่นหรือราคาที่แตกต่างกันไป

เหตุผลที่เราเลือกไปท่องเที่ยวที่อเมริกาผ่านโครงการออแพ เพราะ เป็นวิธีที่ใช้ค่าใช้จ่ายน้อย เราใช้งบไปประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท รวมทุกอย่างแล้ว เช่น ค่าเอเจ้น(รวมตั๋วเครื่องบิน) ตรวจสุขภาพ วีซ่า เตรียมของส่วนตัวในกระเป๋าเดินทาง ค่าเรียนขับรถ ฯลฯ อีกเหตุผลคือ สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี พร้อมรายได้ออแพ $195.75/สัปดาห์ รายได้นี้ก็สามารถเก็บเงินไปเที่ยวในอเมริกาหรือเก็บเงินกลับไทยได้ จะมากน้อยขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของแต่ละคน โดยโฮส หรือเจ้านายของเรานั้นเอง จะออกค่ากินอยู่ให้เรา และค่าเรียน $500 (รายละเอียดค่าใช้จ่ายระหว่างเป็นออแพเพิ่มเติมให้ด้านล่างน้า) และเหตุผลสุดท้ายคือเรารักเด็ก กรณีที่เพื่อนๆไม่รักเด็กก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปไม่ได้นะคะ มีเพื่อนออแพเราหลายคน หรือส่วนมากเลยก็ว่าได้ ไม่ได้ชอบเลี้ยงเด็กมาก่อน ก็สามารถไปทำงานได้ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ค่ะ ก่อนไปทางเอเจ้นจะมีให้เราไปเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็กตามสถานที่ต่างๆที่ไทยอย่างน้อย 200 ชม. เป็นข้อบังคับ ณ ตอนนั้นเพื่อนๆก็สามารถตัดสินใจอีกครั้งได้ ว่าพอลองไปเลี้ยงดูจริงๆแล้ว เราโอเคไหม


คำบรรยายใต้ภาพ : Great Fall Park สวนแถวบ้าน ขับรถไป 30 นาที (ค่าน้ำมันโฮสออกให้)

เราติดต่อพี่ๆที่ Thai Aupair ศูนย์กรุงเทพฯ เว็ปไซต์ : http://www.thaiaupair.com/ พี่ๆจะแจ้งรายละเอียดเอกสารต่างๆให้ ณ ตอนนั้นที่เราต้องเตรียมเป็นพิเศษคือเรื่องของสเตจเม้นซึ่งเราไม่มี พ่อแม่เราก็ไม่มี แต่เราไปยืมของญาติมาแทน(ญาติมีประมาน 2 แสนบาทในบัญชี) ลองปรึกษาพี่ๆดูได้ค่ะ ว่าควรมีเงินในบัญชีย้อนหลังประมาณเท่าไหร่ดี อีกเรื่องคือเราไม่มีใบขับขี่ ก็เลยจะต้องไปเรียนขับรถเพราะใบขับขี่ไทยและสากลคือบังคับว่าต้องมีทุกคนก่อนเดินทางไป เราไปเรียนที่ท่าพระสอนขับรถ เพราะพักอยู่แถวนั้น เว็ปไซต์ : http://www.thapradriving.com/ คุณครูสอนโอเคเลย รถที่ใช้สอนใหม่ ครูใจเย็น ไปดูแลวันสอบด้วย สอบผ่านฉลุย ตอนนั้นเราเลือกเรียนแบบหลักสูตร 5 รอบ ราคา 3,400 บาท รอบละ 2ชม. ครึ่ง เกียร์ออโต้ ครูจะขับรถมารับส่งจากที่บ้านเลยค่ะ ส่วนเรื่องตรวจสุขภาพ ถ้าอยู่ กทม. พี่ๆเอเจ้นก็จะแนะนำ รพ. จุฬา เราก็ไปตรวจที่นั้นค่ะ ราคาประมาณไม่เกิน 2000บาท ทางเอเจ้นเค้าจะมีแบบฟอร์มตรวจสุขภาพมาให้ เราสามารถโทรไปสอบถามทางโรงพยาบาลได้เลยว่า ตรวจสุขภาพไปออแพที่อเมริกาต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เค้าตรวจสำหรับออแพแทบทุกวัน เจ้าหน้าที่จะคล่องเลยค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่จบครูหรือพยาบาล สามารถสมัครแบบ Au Pair Extra (Extraordinaire) ซึ่งจะมีรายที่เพิ่มขึ้นเป็น $250/สัปดาห์ และสามารถใช้ชั่วโมงการทำงานมาเป็นโปรไฟล์ตอนสมัครได้ ไม่จำเป็นต้องไปเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็กเพิ่ม อย่างของเราเป็นครูสอนพิเศษแต่ไม่มีวุฒิครู จึงสามารถสมัครได้แต่แบบออแพธรรมดา แต่สามารถให้ทางสถาบันเซ็นให้และนำชั่วโมงสอนมาเพิ่มในโปรไฟล์ได้ รวมกับชั่วโมงเลี้ยงเด็กที่เราช่วยญาติๆเลี้ยงน้องบ้าง และที่เราไปเป็นอาสาสมัครเลี้ยงเด็กตามโครงการต่างๆบ้าง ทำให้ชั่วโมงเลี้ยงเด็ก(หรือชั่วโมงที่ใช้เวลาอยู่กับเด็ก)ของเรา รวมแล้วเป็น 4000 ชั่วโมงเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า ชั่วโมงเลี้ยงเด็กเยอะ แล้วโฮสจะเลือกเรามากกว่าเสมอไป มีหลายๆปัจจัยรวมอยู่ด้วยกันค่ะ

อีก 2 สิ่ง ที่จะต้องเตรียมนอกจากเอกสารทั่วไปแล้ว คือ Essay (เรียงความ) และ VDO แนะนำตัวเองกับโฮส วีดีโอนี้ทางเอเจ้นไม่ได้บังคับ บังคับแค่เรียงความ แต่ส่วนตัวแล้วเราแนะนำเลยว่า ควรจะมีวีดีโอ เพราะโดยทั่วไปแล้วโฮสจะชอบมากกว่าถ้าเห็นวีดีโอแนะนำตัวของเรา ซึ่งจะทำให้โฮสรู้จักเรามากขึ้นในการประกอบการตัดสินใจ สิ่งที่เราใส่ลงไป จะเป็นการแนะนำตัวเอง ว่าเราเป็นคนยังไงประมาณไหน งานอดิเรกเวลาว่างชอบทำอะไร(เด็กที่นู้นมีกิจกรรมและงานอดิเรกเยอะมากจริงๆ) มีประสบการณ์เลี้ยงเด็กมายังไงบ้าง แนะนำครอบครัวญาติผู้ใหญ่เรา เพราะบางทีโฮสอาจจะมีปู่ย่าตายายมาเยี่ยมบ้างในวันหยุด เค้าก็อาจจะดูว่าเรารังเกียจคนแก่ไหม เหตุผลที่อยากเป็นออแพ เป็นต้น ด้านล่างจะเป็นวีดีโอแนะนำตัว และเรียงความของเราค่ะ เผื่อเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆได้ แต่แนะนำว่าให้เพื่อนๆทำวีดีโอและเขียนเรียงความตามสไตล์และภาษาของตนเอง เนื่องจากสมมติเพื่อนๆก๊อปมาจากกูเกิ้ลหรือก๊อปข้อความ/ประโยคมาจากที่อื่นที่ยากเกินไปที่เราไม่ค่อยเข้าใจ เวลาสัมภาษณ์โฮสอาจจะถามและเราไม่สามารถตอบได้ตามในวีดีโอหรือตามที่เขียนในเรียงความค่ะ

► ลิงค์วีดีโอแนะนำตัวของเรา เราก็ถ่ายจากมือถือ ตัดต่อเองในคอมแบบง่ายๆค่ะ : https://youtu.be/5Mu5RMtrMvs

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

► เรียงความที่เราเขียนให้โฮสค่ะ :



หลังจากเตรียมเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็จะถึงขั้นตอนออนไลน์ เพื่อหาบ้านและสัมภาษณ์กับโฮส ก็จะมีเรื่องของภาษาที่แอบเป็นหนึ่งในอุปสรรคให้กับหลายคน เวลาเราสมัครโครงการกับเอเจ้น ทางเอเจ้นจะมีเวลาให้เราเตรียมเอกสาร เก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก เตรียมตัว หาบ้านโฮส 1 ปี ในช่วง 1 ปีนี้ เราก็สามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเราไปด้วยได้ ไม่จำเป็นจะต้องพูดได้เก่งเลย โฮสเข้าใจว่าเราไปเพื่อฝึกภาษา แค่สามารถสื่อสารพื้นฐานได้ก็พอ ทางเอเจ้นจะมีสอนภาษาอังกฤษให้ฟรี และจะมีติวประโยคต่างๆที่จำเป็นต้องใช้เบื้องต้น ในส่วนตัวของเรานอกจากเรียนภาษาแล้ว ก็ฝึกโดยเน้นดูหนังและฟังเพลงภาษาอังกฤษทุกวันค่ะ

พอออนไลน์แล้ว เราสัมภาษณ์ไปทั้งหมดประมาณ 4 บ้าน ในช่วงเวลา 2 เดือน แน่นอนว่าทุกคนตื่นเต้น เป็นเรื่องปกติ ทั้งเราและโฮสก็ตื่นเต้นทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เป็นไร 555 คำถามยอดฮิตจากโฮสแทบทุกบ้านจะเป็น ให้เล่าให้ฟังเรื่องประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาหน่อย เล่าเรื่องส่วนตัวเล็กน้อย(ก็ไม่พ้นเรื่องงานอดิเรก/วันหยุดชอบทำอะไรไปไหน) โฮสจะดูเรื่องความเข้ากันได้ของ Lifestyle และ เรื่องของ Homesick เป็นอาการที่อยู่ไกลบ้านแล้วคิดถึงบ้านมาก โฮสจะค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะบางคน ไม่เคยห่างบ้าน ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ โฮสก็จะกังวลว่าเราจะทนอยู่ไกลบ้านได้ไหม

คำถามจากฝั่งออแพที่ควรถามโฮสหรือชวนโฮสพูดคุยตอนสัมภาษณ์ เรื่องแรกๆควรเน้นเป็นเรื่องงาน เรื่องเด็ก/ลูกของโฮส เพราะแน่นอนโฮสก็อยากจะให้เราดูแลลูกเค้าให้ดีที่สุด เราก็ควรจะแสดงความใส่ใจในส่วนนี้ หลังจากทักทายแนะนำตัวแล้ว ควรถามเรื่องทั่วไปของเด็กก่อน เช่น อายุ, กิจกรรมใน 1 วัน, เด็กมีแพ้อาหารไหม, การ์ตูนหรือสิ่งที่เด็กชื่นชอบเป็นต้น หลังจากนั้นคำถามด้านล่างนี้ส่วนตัวแล้วเป็นคำถามที่สำคัญสำหรับเรา แต่เราอาจจะไม่ถามโฮสตรงๆ จะเน้นเป็นเหมือนพูดคุยกันมากกว่า เราจะแบ่งเป็นข้อๆที่เราถามโฮส ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของบ้านเรา และเหตุผลที่เราเลือกบ้านหลังนี้นะคะ

1. ตารางงาน

ตามกฎแล้ว ออแพจะต้องทำงานไม่เกิน 45 ชม./สัปดาห์ ไม่เกิน 10 ชม./วัน และจะต้องได้หยุด เสาร์-อาทิตย์ ติดกัน 1 ครั้งใน 1 เดือน ควรจะคุยกับโฮสให้เคลียร์ในเรื่องนี้ ถ้าสมมติโฮสให้ตารางงานมา ยกตัวอย่างเช่น ทำจันทร์ - ศุกร์ 8:00-17:00 น. แล้วชวนโฮสคุยเล่นว่า โฮสไปทำงานทุกวันกลับบ้านกี่โมง ถ้าโฮสแจ้งว่าโฮสกลับถึงบ้านประมาณ 6โมงเย็นหรือ 1 ทุ่ม เราก็ต้องเอ๊ะใจแล้วว่า แล้ว 1-2 ชม.นั้นใครดูแล/เฝ้าเด็ก ออแพบางคนอาจจะยอมเลี้ยงให้โฮสฟรีด้วยความเต็มใจ หรือบางคนอาจจะยอมเพราะไม่กล้าพูด หรือบางคนอาจจะตกลงกับโฮสเลยว่าถ้าจะให้ทำเพิ่มก็จะต้องจ่าย Extra ชม.ละเท่าไหร่ก็ว่ากันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจและความสบายใจของออแพแต่ละคนค่ะ

ตัวอย่างตารางงานของบ้านเรา : เด็กที่เราเลี้ยงทั้งหมด 3 คน อายุ 5,7,9 ช 2 ญ 1 เราไม่ถนัดเลี้ยงเด็กทารก เลยเลือกบ้านเด็กโต เด็กเราทั้ง 3 คน เลยไปโรงเรียนหมดแล้ว ถ้าเพื่อนๆเลือกบ้านเด็กทารก ตารางงานและตัวงานก็จะคนละแบบกันไป บางทีของบ้านเด็กทารกจะมีแบบ Overnight ด้วย คือช่วยดูทั้งคืนตอนน้องหลับ อันนี้ก้อต้องสอบถามโฮสด้วย ว่าจะมีแบบนั้นไหม ถ้ามีแล้วนับชั่วโมงยังไง หรือจ่ายเพิ่มให้ไหม ของบ้านเราจะได้หยุดทุกวันพุธ และเสาร์ อาทิตย์ 1 ครั้งโดยโฮสกับเราจะดูตารางงานและกิจกรรมของเด็กๆและตกลงร่วมกันว่าจะใช้เสาร์อาทิตย์ไหนหยุดของแต่ละเดือน ส่วนวันจันทร์ อังคาร พฤหัส ศุกร์ งานเราจะเริ่มประมาณ 13:30น. (คนเล็กสุดเลิกเรียน อีก 2 คนโตจะตามมาสมทบตอนบ่าย 3) และเลิกงานประมาณ 20:30น. วันเสาร์อาทิตย์ ตารางงานเราก็จะทั้งวันเลยคือ 9:00-17:00น. ถ้านับรวมแล้วจะประมาณ 44 ชม. ต่อสัปดาห์ แต่ความเป็นจริงแล้วโฮสบ้านเราไม่ได้เป๊ะเด๊ะขนาดนั้นค่ะ บางทีก็มีเกินบ้าง 15 นาที/ครึ่งชม. หรือถ้าโฮสหรือน้องป่วยก็จะมีเกินวันละ 10 ชม.ก็มี เราก็เลยจดตารางงานเอาไว้ บางอาทิตย์ก็ทำ 50 ชม.บ้าง 55 ชม.บ้าง แต่บางอาทิตย์โฮสว่างเราก็จะได้ทำแค่ 30 ชม.บ้าง โดยรวมแล้วใน 1 เดือนไม่เกินค่าเฉลี่ย เราก็เลยโอเค ไม่ได้ขอ Extra เพิ่มค่ะ ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์โฮสเราแจ้งไว้แล้วว่าขอ Flexible สุดๆ สำหรับเพื่อนๆที่เน้นเรื่องตรงเวลาก็จะสามารถถามโฮสได้เลยค่ะว่าต้องยืดหยุ่นมากน้อยแค่ไหน โฮสบางบ้านเป๊ะเด๊ะมากไม่ขาดไม่เกินสักนาทีค่ะ

2. งานที่จะต้องทำ

ในส่วนของตัวงาน โดยทั่วไปแล้วก็คือทำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเด็ก : ทำกับข้าว อาบน้ำแต่งตัวให้น้อง เล่นกับน้อง สอนการบ้าน ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ขับรถพาน้องไปส่งที่ต่างๆ งานบ้านในส่วนของน้องเช่น ซักผ้าน้อง เก็บของเล่นน้อง เก็บที่นอนน้อง เป็นต้น

บ้านเราส่วนมากแล้วเราจะได้เลี้ยงเด็กคนเล็ก 1 คนประมาณ 60% และจะมีเลี้ยง 2 คนบ้าง 30% และน้อยมากที่จะเลี้ยงคนเดียวเองเลย 3 คน 10% ค่ะ เนื่องจากโฮสมัมเป็น Stay at home mom และโฮสแดดเป็นเจ้าของธุรกิจ เลยมีเวลาว่างมาช่วยเลี้ยงน้อง บางบ้านที่เราสัมภาษณ์ โฮสแม่ที่ไม่ได้ทำงาน หรือทำงานที่บ้าน จะมานั่งอยู่ด้วยเลยตอนเลี้ยง หรือบางบ้านมีกล้องวงจรปิดแบบรอบบ้าน เรื่องนี้ก็สามารถสอบถามโฮสได้เช่นกันค่ะ เพราะส่วนตัวเราจะรู้สึกอึดอัด และเวลาน้องเห็นพ่อแม่น้องจะซนกว่าอยู่กับเราเอง แต่เพื่อนออแพหลายคนก็อยู่บ้านลักษณะนั้นก็แฮปปี้ดีนะคะ บางคนก็ชินไปเอง อันนี้แล้วแต่ตัวบุคคลค่ะ โฮสบ้านเราจะปล่อยให้เราเลี้ยงเองเลยไม่มากวน และให้สิทธิ์เราเด็ดขาด สามารถกำหนดกฎเกณฑ์คุยกับน้องเองได้เลยว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ และสามารถ Time out น้องได้ถ้าน้องทำผิดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่