บีทีเอส–กทม.เจรจาจบ ยอมลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวยอดนิยมตลอดสายจากคูคต–เคหะสมุทรปราการ จำนวน 59 สถานี
เหลือ 65 บาท จาก 158 บาทตลอดสาย
กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ ประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ แลกกับการ
ต่ออายุสัมปทานให้ บีทีเอสออกไปอีก 30 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
ที่ประชุมได้พิจารณาอนุมัติเห็นชอบในหลักการจัดเก็บค่าบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายคูคต-สะพานใหม่-หมอชิต
และช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ ตลอดเส้นทางอยู่ที่ 65 บาทตลอดสาย จากเดิมอัตราค่าโดยสารตลอดสายคูคต-
เคหะสมุทรปราการ อยู่ที่ประมาณ 158 บาท/คน
ทั้งนี้ เมื่อ ครม.เศรษฐกิจอนุมัติในหลักการแล้ว ขั้นตอนต่อไปทางกระทรวงมหาดไทยจะได้เตรียมที่จะนำเสนอ
ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีการเสนอ ครม.ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ หลังจากนั้น
กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะเรียกเอกชน คือ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส
ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาเซ็นสัญญา หลังจากนั้นจะสามารถประกาศราคาให้ประชาชนรับทราบได้
โดยแนวทางดังกล่าวสืบเนื่องมาจากคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.ที่ออก ม.44 กำหนดว่าหาก
มีการต่อสัญญาสัมปทานให้กับเอกชนในการบริหารจัดการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านใจกลางเมือง
ย่านสำคัญ ตั้งแต่หมอชิต อารีย์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พญาไท สยามสแควร์ และถนนสุขุมวิทเกือบทั้งเส้น
โดยต่ออายุออกไปอีก 30 ปี จากเดิมจะหมดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2572 นั้น ประชาชนต้องได้ประโยชน์มากที่สุด
ทั้งในเรื่องของการบริการที่การเดินรถจะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกันทั้งเส้นทาง และค่าโดยสารที่
เหมาะสมเข้าถึงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากผู้โดยสารที่จะใช้บริการตลอดเส้นทางรวม 59 สถานี ความยาว 66 กิโลเมตร
จะได้ประโยชน์จากค่าโดยสารคงที่ 65 บาทตลอดสายแล้ว ผู้โดยสารที่เคยใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในช่วงเดิม
จากหมอชิต-อ่อนนุช, สนามกีฬา-วงเวียนใหญ่ จะได้ประโยชน์จากกรณีค่าโดยสารถูกลงจากเดิมที่เคยจ่ายประมาณ
16-44 บาท/คน/ช่วงด้วย เนื่องจากการคำนวณราคาค่าโดยสารใหม่
โดยผู้โดยสารที่ใช้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าระบบใหม่ที่ 15 บาท ขณะที่ค่าบริการต่อสถานีที่เดิมคิด
3 บาท/สถานี ก็มีการคำนวณใหม่ด้วยเช่นกัน รวมถึงค่าตั๋วแบบรายเดือน และโปรโมชันทางการตลาดต่างๆก็จะปรับใหม่หมด
ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของค่าโดยสารทั้งระบบของรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลงกว่าเดิม
นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้เปิดทดลองส่วนต่อขยายไปถึงสถานีลาดพร้าว (ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว)
แล้ว และภายในสิ้นปี 2562 จะขยายการให้บริการถึงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โดยปัจจุบันบีทีเอสมีขบวนรถไฟฟ้าที่ให้บริการรวม 52 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ และได้มีการซื้อและทยอยรับมอบรถไฟฟ้าใหม่อีก 46 ขบวน
เพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่จะเปิดเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้รับมอบมากว่า 36 ขบวน และจะรับมอบครบสิ้นสุด 46 ขบวน ภายในสิ้นปี 2563 เพื่อรองรับการเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดเส้นทางจาก คูคต-สะพานใหม่-หมอชิต-แบริ่ง-
เคหะสมุทรปราการ ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการทั้งระบบภายในสิ้นปี 2563.
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1697751
/// ฉลุยรถไฟฟ้าตลอดสาย 65 บาท “บีทีเอส” แลกยืดสัมปทาน 30 ปี ///
กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอ ครม.อนุมัติ ประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ แลกกับการต่ออายุสัมปทานให้ บีทีเอสออกไปอีก 30 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
ที่ประชุมได้พิจารณาอนุมัติเห็นชอบในหลักการจัดเก็บค่าบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายคูคต-สะพานใหม่-หมอชิต
และช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ ตลอดเส้นทางอยู่ที่ 65 บาทตลอดสาย จากเดิมอัตราค่าโดยสารตลอดสายคูคต-
เคหะสมุทรปราการ อยู่ที่ประมาณ 158 บาท/คน
ทั้งนี้ เมื่อ ครม.เศรษฐกิจอนุมัติในหลักการแล้ว ขั้นตอนต่อไปทางกระทรวงมหาดไทยจะได้เตรียมที่จะนำเสนอ
ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีการเสนอ ครม.ภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ หลังจากนั้น
กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะเรียกเอกชน คือ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส
ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาเซ็นสัญญา หลังจากนั้นจะสามารถประกาศราคาให้ประชาชนรับทราบได้
โดยแนวทางดังกล่าวสืบเนื่องมาจากคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.ที่ออก ม.44 กำหนดว่าหาก
มีการต่อสัญญาสัมปทานให้กับเอกชนในการบริหารจัดการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านใจกลางเมือง
ย่านสำคัญ ตั้งแต่หมอชิต อารีย์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พญาไท สยามสแควร์ และถนนสุขุมวิทเกือบทั้งเส้น
โดยต่ออายุออกไปอีก 30 ปี จากเดิมจะหมดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2572 นั้น ประชาชนต้องได้ประโยชน์มากที่สุด
ทั้งในเรื่องของการบริการที่การเดินรถจะต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกันทั้งเส้นทาง และค่าโดยสารที่
เหมาะสมเข้าถึงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากผู้โดยสารที่จะใช้บริการตลอดเส้นทางรวม 59 สถานี ความยาว 66 กิโลเมตร
จะได้ประโยชน์จากค่าโดยสารคงที่ 65 บาทตลอดสายแล้ว ผู้โดยสารที่เคยใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในช่วงเดิม
จากหมอชิต-อ่อนนุช, สนามกีฬา-วงเวียนใหญ่ จะได้ประโยชน์จากกรณีค่าโดยสารถูกลงจากเดิมที่เคยจ่ายประมาณ
16-44 บาท/คน/ช่วงด้วย เนื่องจากการคำนวณราคาค่าโดยสารใหม่
โดยผู้โดยสารที่ใช้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าระบบใหม่ที่ 15 บาท ขณะที่ค่าบริการต่อสถานีที่เดิมคิด
3 บาท/สถานี ก็มีการคำนวณใหม่ด้วยเช่นกัน รวมถึงค่าตั๋วแบบรายเดือน และโปรโมชันทางการตลาดต่างๆก็จะปรับใหม่หมด
ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของค่าโดยสารทั้งระบบของรถไฟฟ้าสายสีเขียวถูกลงกว่าเดิม
นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้เปิดทดลองส่วนต่อขยายไปถึงสถานีลาดพร้าว (ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว)
แล้ว และภายในสิ้นปี 2562 จะขยายการให้บริการถึงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โดยปัจจุบันบีทีเอสมีขบวนรถไฟฟ้าที่ให้บริการรวม 52 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ และได้มีการซื้อและทยอยรับมอบรถไฟฟ้าใหม่อีก 46 ขบวน
เพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่จะเปิดเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้รับมอบมากว่า 36 ขบวน และจะรับมอบครบสิ้นสุด 46 ขบวน ภายในสิ้นปี 2563 เพื่อรองรับการเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดเส้นทางจาก คูคต-สะพานใหม่-หมอชิต-แบริ่ง-
เคหะสมุทรปราการ ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการทั้งระบบภายในสิ้นปี 2563.
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1697751