พอดีวันนี้มีโอกาสได้อ่านกระทูนึงเรื่องของปัญหาคนโสดยามชรา ที่กังวลว่าอาจจะไม่มีคนดูแลตอนเจ็บป่วย
ในฐานะที่ตัวเราเองก็เป็นคนโสดที่ไม่มีโอกาสแต่งงานมีลูกเหมือนคนอื่นๆ เราก็เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เหมือนกันค่ะ
คือถ้าตายไปเลยง่ายๆ ก็จบไป แต่ถ้าตอนนั้นมันไม่ตาย และยังมีภาระที่ทำให้ยังตายไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไรก็ตาม ก็น่าคิดว่าเราจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นๆด้วยตัวเองอย่างไร
ขอยกตัวอย่างสำหรับตัวเราที่เห็นชัดๆ คือเคยมีช่วงกระดูกหัก ทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนพ่อแม่ก็เคยมีปัญหาการผ่าตัดตา ที่จะทำให้มองไม่เห็นไปช่วงนึง ช่วงนั้นเราต้องลาพักร้อนเพื่อมาดูแล พาหาหมอ หยอดตา
มันก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นคราวเรา คนโสดไม่มีลูก และก็ไม่มีเงินขนาดจ้างคนมาดูแลหรือขอบินไปฆ่าตัวตายที่สวิส เราจะทำยังไง เพื่อนก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว หรืออาจจะแก่เกินกว่าที่จะมาช่วยเหลือเรา ญาติเราก็น้อย ที่ผ่านมาต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง อยู่กันไกล จนกลายเป็นสังคมเดี่ยว จะมาขอความช่วยเหลือกันตอนแก่ ก็ตลกๆ
จนเรามาอ่านจากในไลน์ว่าที่สวิสเซอร์แลนด์เค้ามี"ธนาคารเวลา"
ธนาคารเวลา คือ การเก็บชั่วโมงของอาสาสมัคร ในวัยยังแข็งแรง เราสามารถบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและเก็บไว้เป็นชั่วโมง เพื่อถอนใช้ในอนาคตวันที่เราต้องการความช่วยเหลือบ้างได้
เช่น นักศึกษาปริญญาตรีวันนี้ อาจจะมีวันว่างช่วงปิดเทอม ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ก็อาจจะเสนอตัวเข้าไปดูแลคนแก่ที่ไม่มีคนดูแล (อาจจะมีคนดูแล แต่วันนั้นเค้าไม่ว่าง) หรือ ทำประโยชน์ใดให้สังคม เช่นขุดลอกท่อระบายน้ำ อ่านหนังสือให้คนตาบอด บลาบลา จะมีการบันทึกเวลาที่ทำงานนี้เก็บไว้ที่หน่วยงานรัฐ
เมื่อเวลาผ่านไป นักศึกษาคนนี้เติบโต จนแก่ เมื่อไหร่ที่ต้องการความช่วยเหลือบ้าง ก็สามารถ Redeem ชั่วโมงนี้ออกมาใช้ ให้คนอื่นมาดูแลเราบ้างในวันที่เราต้องการความช้วยเหลือ
เราอ่านแล้วประทับใจมากๆ เป็นวิธีคิดที่ชาญฉลาดเหลือเกิน สอนให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มองเห็นความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์ ในขณะเดียวกันก็ลดความตึงเครียดของคนที่เป็นลูกวัยทำงาน ที่อาจจะไม่ว่างดูแลพ่อแม่ในช่วงเวลาที่ต้องทำงานหาเงินนั้น คนแก่ก็ได้มีเพื่อนคุย ให้ไม่รู้สึกซึมเศร้า หรือได้แบ่งปันประสบการณ์ให้เด็กๆ สำหรับคนที่ไม่ถนัด หรือไม่ชอบดูแลคนแก่ ก็อาจจะช่วยทำประโยชน์อื่นให้กับประเทศได้
อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้มั่งค่ะ ไม่ทันรุ่นของเราก็ไม่เป็นไร แต่น่าจะมีสำหรับอนาคตที่ปัญหาของคนโสดก็จะได้ลดลง หรือลูกกตัญญูทั้งหลายก็จะได้ไม่ต้องกังวลมากว่าพ่อแม่จะไม่มีคนดูแล ต่างคนต่างฝ่ายสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่
รู้แหละว่าปัญหาอื่นๆคงตามมาอีกเยอะ จะโลกสวยอย่างเดียวไม่ได้ แต่ก็น่าสนใจไหมคะ ;D
เคยทราบเรื่อง "ธนาคารเวลา" ที่ประเทศสวิสไหมคะ ?? ทำความดีวันนี้ เพื่อถอนออกมาใช้ในอนาคต :D
ในฐานะที่ตัวเราเองก็เป็นคนโสดที่ไม่มีโอกาสแต่งงานมีลูกเหมือนคนอื่นๆ เราก็เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เหมือนกันค่ะ
คือถ้าตายไปเลยง่ายๆ ก็จบไป แต่ถ้าตอนนั้นมันไม่ตาย และยังมีภาระที่ทำให้ยังตายไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไรก็ตาม ก็น่าคิดว่าเราจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นๆด้วยตัวเองอย่างไร
ขอยกตัวอย่างสำหรับตัวเราที่เห็นชัดๆ คือเคยมีช่วงกระดูกหัก ทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนพ่อแม่ก็เคยมีปัญหาการผ่าตัดตา ที่จะทำให้มองไม่เห็นไปช่วงนึง ช่วงนั้นเราต้องลาพักร้อนเพื่อมาดูแล พาหาหมอ หยอดตา
มันก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นคราวเรา คนโสดไม่มีลูก และก็ไม่มีเงินขนาดจ้างคนมาดูแลหรือขอบินไปฆ่าตัวตายที่สวิส เราจะทำยังไง เพื่อนก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว หรืออาจจะแก่เกินกว่าที่จะมาช่วยเหลือเรา ญาติเราก็น้อย ที่ผ่านมาต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตของตัวเอง อยู่กันไกล จนกลายเป็นสังคมเดี่ยว จะมาขอความช่วยเหลือกันตอนแก่ ก็ตลกๆ
จนเรามาอ่านจากในไลน์ว่าที่สวิสเซอร์แลนด์เค้ามี"ธนาคารเวลา"
ธนาคารเวลา คือ การเก็บชั่วโมงของอาสาสมัคร ในวัยยังแข็งแรง เราสามารถบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและเก็บไว้เป็นชั่วโมง เพื่อถอนใช้ในอนาคตวันที่เราต้องการความช่วยเหลือบ้างได้
เช่น นักศึกษาปริญญาตรีวันนี้ อาจจะมีวันว่างช่วงปิดเทอม ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ก็อาจจะเสนอตัวเข้าไปดูแลคนแก่ที่ไม่มีคนดูแล (อาจจะมีคนดูแล แต่วันนั้นเค้าไม่ว่าง) หรือ ทำประโยชน์ใดให้สังคม เช่นขุดลอกท่อระบายน้ำ อ่านหนังสือให้คนตาบอด บลาบลา จะมีการบันทึกเวลาที่ทำงานนี้เก็บไว้ที่หน่วยงานรัฐ
เมื่อเวลาผ่านไป นักศึกษาคนนี้เติบโต จนแก่ เมื่อไหร่ที่ต้องการความช่วยเหลือบ้าง ก็สามารถ Redeem ชั่วโมงนี้ออกมาใช้ ให้คนอื่นมาดูแลเราบ้างในวันที่เราต้องการความช้วยเหลือ
เราอ่านแล้วประทับใจมากๆ เป็นวิธีคิดที่ชาญฉลาดเหลือเกิน สอนให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มองเห็นความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์ ในขณะเดียวกันก็ลดความตึงเครียดของคนที่เป็นลูกวัยทำงาน ที่อาจจะไม่ว่างดูแลพ่อแม่ในช่วงเวลาที่ต้องทำงานหาเงินนั้น คนแก่ก็ได้มีเพื่อนคุย ให้ไม่รู้สึกซึมเศร้า หรือได้แบ่งปันประสบการณ์ให้เด็กๆ สำหรับคนที่ไม่ถนัด หรือไม่ชอบดูแลคนแก่ ก็อาจจะช่วยทำประโยชน์อื่นให้กับประเทศได้
อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้มั่งค่ะ ไม่ทันรุ่นของเราก็ไม่เป็นไร แต่น่าจะมีสำหรับอนาคตที่ปัญหาของคนโสดก็จะได้ลดลง หรือลูกกตัญญูทั้งหลายก็จะได้ไม่ต้องกังวลมากว่าพ่อแม่จะไม่มีคนดูแล ต่างคนต่างฝ่ายสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่
รู้แหละว่าปัญหาอื่นๆคงตามมาอีกเยอะ จะโลกสวยอย่างเดียวไม่ได้ แต่ก็น่าสนใจไหมคะ ;D