สวัสดีค่า กระทู้นี้จะมารีวิวเที่ยวจังหวัดน่านตั้งแต่ ตัวเมืองน่าน-ปัว-บ่อเกลือ 5 วัน 4 คืน เรียกได้ว่า เที่ยวครบจบในทริปเดียวเลยค่าา
กระทู้นี้จะรีวิวตั้งออกเดินทางยังไงที่ไหนอย่างไรไปจนถึงเดินทางกลับเลย เพราะอยากให้ทุกคนได้เห็นภาพเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในทริปของพวกเราค่ะ! โดยการเที่ยวครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่ตัวเมืองน่าน ไปอำเภอบ่อเกลือ และจบที่อำเภอปัว โดยรถโดยสารทั้งสาธารณะและรถโดยสารประจำทาง เรียกได้ว่ารีวิวนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากไปเที่ยวจังหวัดน่านแต่ไม่สะดวกขับรถไป เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการท่องเที่ยวที่สนุกไม่แพ้กันเลยค่ะ
ไปเที่ยวน่านกันเถอะ!
START : ในการเดินทางครั้งนี้ พวกเราเลือกใช้บริการสมบัติทัวร์ทั้งขาไปและขากลับ เดินทางเย็นวันที่ 17 ตุลาคม 2562 เส้นทางกรุงเทพฯ-น่าน รถออกเวลา 19:50น.
เริ่มตั้งแต่เดินทางด้วยรถเมล์สาย138 จากใต้ทางด่วนสุขสวัสดิ์ กม.9 ไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ “หมอชิต 2” โดยรถเมล์สายนี้จะเข้าไปจอดที่ด้านในขนส่งเลย เดินไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงสถานีแล้วค่า
ได้ตั๋วแล้ววววว ทริปแรกของพวกเรา 7 คน! เนื่องจากจองแบบออนไลน์ไว้เลยต้องมารับตั๋วที่สถานีค่ะ
ค่าเสียหาย
ขาไป : กรุงเทพ - ตัวเมืองน่าน = 508 บาท
ขากลับ : อำเภอปัว - กรุงเทพ = 550 บาท
เสร็จแล้วก็มารอขึ้นรถที่ชานชาลาได้เลยค่ะ
บนรถก็จะมีหมอนรองคอ ผ้าห่ม น้ำเปล่า ขนม แจกให้ด้วยค่ะ บนรถมีห้องน้ำในตัว เบาะปรับเอนได้ พอนั่งไปสักพักรถจะปิดไฟให้ผู้โดยสารได้นอนหลับและยังมีแวะจุดพักรถให้ผู้โดยสารได้ทานข้าว เข้าห้องน้ำ ซื้อของฝาก ที่จังหวัดพิษณุโลกประมาณ 40 นาที
ถึงที่บขส. อำเภอเมืองน่าน ประมาณ 05:30น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง อากาศกำลังดีค่ะ ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป แต่ตอนพวกเราไปถึง ฝนตกหน่อยๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางของพวกเรา 'ถึงน่านแล้วจ้าาาาาา เย้!'
เช้าวันที่ 1 : เริ่มต้นการท่องเที่ยว ด้วยการเดินทางไปทานอาหารเช้า โดยที่ขนส่งจะมีรถสองแถวจอดรออยู่ หลังจากเจรจากับคุณลงคนขับเพื่อไปร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆกับวัดภูมินทร์ซึ่งเป็นแลน์มาคอีกแห่งของตัวเมืองน่านที่อยู่ไม่ไกลจากขนส่งมากนัก ค่าสองแถวคนละ 20 บาท
และแล้ว เราก็มาถึงร้านอาหาร “เลิศรส” ร้านต้มเลือดหมูเก่าแก่ที่เค้าบอกว่าดังมากๆในตัวเมืองน่านค่ะ ร้านเป็นตึกแถว ติดถนน ภายในร้านมีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายมากมาย ราคาไม่แพง
พอเติมพลังเสร็จ กองทัพที่เดินด้วยท้องก็เดินเท้าเตาะๆแตะๆไปยังวัดภูมินทร์ที่อยู่ไม่ไกล้ไม่ไกล(?) ถือว่าเป็นการเดินสูดอากาศยามเช้าประเทศน่านไปในตัวทัวร์ 7 คน
ไกล้ๆวัดจะมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปชมภายในพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมเวลา 9.00น. (ในตอนนั้นเวลา 8 โมง) และพวกเรามีเวลาจำกัดค่ะ เพราะต้องรีบต่อรถเพื่อไปอำเภอบ่อเกลือเลยที่ถ่ายรูปที่ซุ้มลีลาวดี ด้านในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ซุ้มน่ารักมากกกกกกกกกก บวกกับบรรยากาศในตอนเช้าๆ แสงกำลังดี ใครผ่านมาทางนี้ก็แวะมาถ่ายรูปกันได้นะคะ ><
เดินต่อไปอีกนิด ก็จะถึงวัดภูมินทร์ เป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 400 ปี แลนด์มาร์คแหล่งสำคัญของจังหวัดน่านที่เรียกได้ว่า....ถ้าไม่มา ก็เหมือนมาไม่ถึงน่านเลยทีเดียว
เป็นวัดที่ดูเก่าแก่แต่ก็ยังคงความสวยงามไว้จริงๆค่ะ และแตกต่างจากที่อื่นก็คือ เป็นพระอุโบสถทรงจตุรมุข ผู้ที่ไปชมความงามของพระอุโบสถนี้ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันไดทิศไทนก็จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้าน
และอีกหนึ่งอย่างที่ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้...
จิตรกรรมฝาผนัง “เสียงกระซิบบันลือโลก” ภาพปู่ม่านย่าม่านกำลังกระซิบสนทนากัน และยังมีคำกลอนที่แต่งขึ้นมาเพื่อภาพนี้ ทำให้มองภาพนี้แล้วรู้สึก
โรแมนติคมากๆ เป็นภาพที่ดูประณีตสวยงามสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ
หลังจากเสร็จภารกิจที่วัดภูมินทร์ พวกเราก็ไกล้จะได้เวลาออกเดินทางต่อ เนื่องจากเพื่อนของจขกท.ได้ขอเบอร์ติดต่อคุณลุงสองแถวไว้ ทำให้พวกเราก็มีรถสองแถวคันเดิมมารับที่วัดภูมินทร์ ไปส่งที่ขนส่งจังหวัดน่านที่เดิมที่พวกเราลงรถในตอนแรก ก็เป็นอันจบภารกิจในตัวเมืองค่ะ
การเดินทางไปอำเภอบ่อเกลือ : จะต้องนั่งรถไปลงที่อำเภอปัวก่อนและต่อรถสองแถวไปอำเภอบ่อเกลือ (เนื่องจากรถสองจากขนส่งน่านไม่มีไปอำเภอบ่อเกลือโดยตรง ทำให้การเดินทางค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อยค่ะ 555)
เมืองน่าน - อำเภอปัว : ค่ารถสองแถว 50 บาท
แล้วต่อรถสองแถวสีน้ำเงินจากอ.ปัว ไป อ.บ่อเกลือ : 80 บาท
ข้อดีของการเดินทางโดยรถสองแถว คือเราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศรอบข้างได้อย่างเต็มที่ ระหว่างทางไปบ่อเกลือจะต้องนั่งรถขึ้นภูเขา ทำให้เราได้มองเห็นวิวด้านนอกที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและไอหมอกจางๆตลอดทาง ระหว่างการเดินทางอากาศเย็นสบายมากค่ะ ประมาณ 19 องศา
ถึงแล้วจ้า 'บ่อเกลือโบราณ'
พอมาถึงแล้วอากาศค่อนข้างร้อนนิดหน่อยค่ะ เพราะช่วงที่เรามายังไม่เข้าหน้าหนาวซะทีเดียว พวกเราเลือกลงรถที่ด้านหน้า แล้วเดินเข้าไปเพื่อชมบรรยากาศธรรมชาติ โดยที่พักที่พวกเราได้จองไว้ล่วงหน้าจะอยู่ด้านในของหมู่บ้านบ่อเกลือ ระยะทางไม่ไกลมากสามารถเดินไปชมบรรยากาศไปได้อย่างสบายๆ
เมื่อเดินเข้ามาภายในหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ดูอบอุ่นมากค่ะ ให้บรรยากาศบ้านๆของชาวพื้นเมืองบ่อเกลือ และที่สำคัญคือด้านในจะมีจุดชมบ่อเกลือโบราณที่เป็นสถานที่สำคัญของที่นี่ ภายในชุมชน มีการโชว์อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำบ่อเกลือ ซึ่งพี่ๆที่บ่อเกลือเล่าว่า ปกติจะเริ่มทำเกลือกันในเดือนพฤศจิกายน แต่เรามากันช่วงเดือนตุลา จึงไม่ได้เห็นบรรยากาศการทำเกลือจริงๆ
เกร็ดความรู้ : ในการทำเกลือ จะให้ผู้ชายเป็นคนตักน้ำเกลือขึ้นมาจากปากบ่อ (ที่ต้องให้ผู้ชายเป็นคนทำ เพราะเป็นประเพณีของที่นี่ และผู้ชายที่ทำ จะต้องผ่านพิธีกรรมก่อน จึงจะสามารถทำได้) เมื่อตักน้ำขึ้นมาแล้ว จะต้มประมาณ 5ชม. เอามาสะเด็ดน้ำ และตากให้แห้ง
(มอบของที่ระลึกให้กับพี่ที่บ่อเกลือ ที่ช่วยให้ความรู้กับพวกเรา)
ผลิตภัณฑ์ที่ได้ คือเกลือบริโภค และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เกลือสปาขัดผิว ยาสีฟัน ฯลฯ ซึ่งที่บ่อเกลือก็มีจำหน่ายเป็นของฝากด้วย
แผนที่ท่องเที่ยวชุมชนบ่อเกลือ
ต่อไปได้เวลาของอาหารกลางวัน แล้วเราก็จะไปถึงที่พักสวยๆหลักร้อย วิวหลักแสนที่ทุกคนรอคอยกันค่า
[CR] รีวิว BACKPACKTRIP น่านนนนนน ปัว บ่อเกลือ นอนสบายวิวสวย ฉบับสองแถวตลอดทริป!
เริ่มตั้งแต่เดินทางด้วยรถเมล์สาย138 จากใต้ทางด่วนสุขสวัสดิ์ กม.9 ไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ “หมอชิต 2” โดยรถเมล์สายนี้จะเข้าไปจอดที่ด้านในขนส่งเลย เดินไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงสถานีแล้วค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้