เนื่องจากผมได้เห็น laptop ตัวนี้เปิดตัวก็สนใจอย่างยิ่งแต่หารีวิวจากผู้ใช้งานจริงไม่ได้เลย จึงขออาสาเป็นคนซื้อมาทดลองเอง โดยในตอนนี้ผมได้ลองใช้มาประมาน 10 วันได้ตอนนี้ใช้แทน com ตั้งโต๊ะเลย จะมารีวิวในมุมของผู้ใช้งานจริงเพื่อเป็นข้อมมูลให้ผู้ที่สนใจได้ประกอบการตัดสินใจเรื่อง spec ต่างผมจะไม่พูดถึงนะครับเพราะไม่แม่นข้อมูลและรีวิวต่างๆได้พูดไปหมดแล้ว ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยในที่นี้ด้วยเป็นนักรีวิวมือสมัคเล่น ขอบคุณครับ
น้ำหนักสะท้อนวัสดุ
น้ำหนักเครื่อง 2.5 kg. สำหรับผมคือหนักมากไม่เคยใช้ Laptop ที่หนักขนาดนี้มาก่อนถ้าถือเครื่องปล่าวก็ว่าหนักแล้วแต่ยังมี Adapter อีกตัวที่หนักเกือบ 1 kg. ควรจะใช้เป้ในการพกพาถ้าต้องเดินทางด้วยขนส่งมวลชนเป็นเวลานานจะเมื่อยมาก
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมามันมีเหตุและผลของมัน สิ่งที่ทำให้มันต้องหนักเพราะวัสดุที่เค้าให้มามันคือ แผ่นอลูมิเนียมหนาๆซึ่งเคยดูรีวิวมา เค้าว่าเป็นอลูมิเนียมเกรดกองทัพ ผมใช้ Msi Stealth Pro เป็นรุ่นที่มีทั้งความแรงและความบาง ซึ่งจะสังเกตได้ชัดเจนเลยว่ามันหนากว่ากันละแข็งแรงกว่ากันมาก ๆ เครื่องดูแน่นมาก เป็นอลูมิเนียมทั้งตัว เพราะเค้าทำให้มันแข็งแรงมันจึงต้องหนักมาก
ไฟใต้เครื่องจะติดเวลาเครื่องเปิดอยู่
งานประกอบแน่นหนามาก แน่นปึก

ภาพเปลียบเทียบความหนา หนากว่า msi stealth pro (รุ่นบาง) แบบสังเกตุได้แต่ถ้าเป็นรุ่นปกติน่าจะหนาพอกัน

ความหนาของเพลทด้านข้างจะเห็นได้ชัดเลย Msi จะเป็นอลูมิเนียมบางๆเพื่อลดน้ำหนัก ส่วนของ zenbook pro duo จะหนามากๆแบบรู้สึกได้
หน้าจอ
จอหลักเป็น UHD OLED 4K ให้ความละเอียด และสีสันที่สวยงามมาก มีการ calibrate หน้าจอมาให้แล้วเพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ซื้อไปทำงานที่ต้องมีความแม่นยำเรื่องสีถือว่ามาถูกทางมาก ๆ จอเป็นจอทัชสกรีนใช้นิ้วจิ้มได้เลยทำงานได้สะดวกมาก ๆ
หน้าจอ UHD OLED 4K
เปลียบเทียบจอ full hd ของ msi
ขยายให้ดูไกล้ๆถึงจะเห็นความแตกต่าง 4k จะยังละเอียดอยู่

หน้าจอ full hd ถ้าใช้กล้องถ่ายไกล้จะเห็นเป็นจุดๆ แต่ในความเป็นจริงจอภาพ 15 นิ้วที่เราใช้กัน Full hd ก็ละเอียดเพียงพอแล้วถ้าไม่ไปนั่งจับผิดมันเราจะแยกไม่ออกเลย
จอรอง Screenpad plus
เป็นจอ 4k เช่นกันแต่ไม่ใช้ oled สัดส่วนจะเป็นแนวยาว มีการเคลือบด้านไว้เพื่อไม่ให้สะท้อนกับแสงไฟซึ่งออกแบบได้ดีมาก จอล่างก็เป็นจอทรัชสกรีนเช่นกันจอนี้ผมจะใช้เปิดพวก Library เพื่องดึงรูปดึงไฟล์ต่าง เปิดโปรแกรมรองในการอ่านข้อมูลหรือพวกการก๊อปข้อความมาวางเป็นต้นและมันยังเหมาะแก่การเขียนด้วยปากกาเพราะมันเป็นแนวระนาบจะเขียนง่ายเวลาทำงานที่ต้องมีการวาดจะช่วยได้มากไม่ต้องต่อ Wacom เพิ่มเลยสาย Creator ทั้งหลายน่าจะชอบมาก
Numpad
ถ้าสังเกตดี ๆ จะไม่เห็นทัชแพดมันหายไปจากหน้าจอ แต่จริงแล้วเค้ารวมกับ นัมแพดโดยเป็นอีกหนึ่งจอที่สามารถให้แสดงผลเป็นตัวเลขก็ได้หรือเป็นทัชแพดเฉยๆก็ได้มีปุ่มให้เปลี่ยนได้
Port ต่าง ๆ
Port ต่าง ๆ นั้นอาจเป็นจุดอ่อนที่ผมได้ฟังมาจากสำนักรีวิวต่าง ๆ ที่ว่าช่องมันน้อยเหลือเกิน มีช่อง Usb 2 ช่อง ให้มาข้างละ 1 ช่อง HDMI 1/ ช่อง thunderbolt 1/ ช่อง หูฟัง 3.5 1 ช่อง ส่วนที่ควรจะมีคือช่อง sd card ผมคิดว่าเค้าคงต้องเอาพื้นที่ไว้ให้อุปกรณ์อื่นที่สำคัญกว่าแทนจึงจำเป็นต้องตัดออก ในการใช้งานจริง port ต่าง ๆ ที่ให้มานั้นสำหรับผมถือว่าเพียงพอ ผมใช้ช่อง USB แค่ครั้งละ 1 ช่อง นาน ๆ ที่อาจจะ 2 บ้างแต่ก็น้อยมากและมันจะรกรุงรังมาก ๆ ซึ่งในความเป็นจริงคนใช้ Laptop คงจะไม่ค่อยทำแบบนั้นกัน ส่วนช่อง sd card ที่หายไปคนที่ชอบลงรูปแต่งรูปอาจจะขัดใจ ในส่วนของรูปถ่ายนั้น กล้องสมัยใหม่สามารถส่งรูปทาง Wifi ได้แล้ว ก็คงไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าพวกที่ใช้ไฟล์ใหญ่อาจต้องพก Card reader เอาแล้วกัน

ด้านซ้าย มีอยู่ 3 ช่อง
ช่อ งac 1 ช่อง
ช่อง hdmi 1 ช่อง
ช่อง usb 1 ช่อง

ด้านขวามี 3 ช่อง
ช่องหูฟัง 3.5 1 ช่อง
ช่อง thunderbolt 1 ช่อง
ช่อง usb 1 ช่อง
ใครเหมาะกับมัน
มันเหมาะกับใคร สำหรับคนที่จะซื้อมาทำบัญชีหรือซื้อมาทำงาน office มันคงไม่คุ้มค่าเพราะ Laptop ทั่ว ๆ ไปก็เพียงพอแล้ว หรือเอามาดูหนังเพราะจอ 4k ก็คงไม่คุ้มเช่นกันซื้อ tv ดี ๆเลยดีกว่า ถ้าเล่นเกมส์ละก็ไม่คุ้มอีกเช่นกันมันอาจจะแรงเล่นเกมส์ได้สบายๆ แต่ Laptop สำหรับเล่นเกมโดยตรงถูกกว่าและตอบสนองดีกว่า
คนที่เหมาะที่จะใช้คือสาย Creator ทั้งหลาย
Graphic design /ช่างภาพ /งาน 3d /งานออกแบบต่าง /นักวาดภาพประกอบ /Digital Artis/ตัดต่อ Video
เพราะสายงานนี้จะต้องใช้การแสดงผลหลายจออยู่บ่อย ๆ และพอจอมันสามารถใช้ Stylus ได้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาก ๆ เราสามารถเขียนบนหน้าจอได้เลยขณะทำงานต่าง ๆ
ปากกา
ปากกาที่ให้มานั้นถือว่าใช้งานได้แต่อาจจะไม่ดีมาก โดยเฉพาะงานเพ้นท์ที่จะต้องมีน้ำหนักมือหลายระดับจะเห็นผลชัดเจนเพราะแรงกดมันไม่ละเอียดมาก แต่สามารถซื้อเพิ่มได้ สรุปใช้งานได้แต่ไม่สุด
การใช้งานกับโปรแกรม
ที่ผมได้ใช้งานมาจะพูดถึง Program สาย Graphic เป็นหลักเพราะโปรแกรม office คงไม่มีอะไรจะให้พูดเท่าไหร่
Photoshop
การทำงานในแบบหลายหน้าจอถือว่าสะดวกมาก ๆ เช่นการเอาหน้าต่าง layer และเครื่องมือที่ใช้บ่อยมาไว้ข้างล่าง เปิดหน้าต่างที่ใช้เก็บรูปไว้ สามารถเอานิ้วลากจากโฟลเดอร์ไปปล่อยใน ps ได้เลย การสลับ layer หรือการเลือก tool ต่าง ๆ ก็ใช้นิ้วจิ้มเอาเลย ไม่เคยรู้สึกคล่องตัวแบบนี้มาก่อน ยังมีอีกปากกาก็สามารถรีทัชภาพได้สะดวกและง่ายกว่าเม้าส์มาก ๆ ยิ่งถ้าเป็นงานเพ้นท์ด้วยแล้วไปกันใหญ่ เราเอาพวกเลเยอร์และสี รวมถึงภาพตัวอย่างไว้ด้านล่าง เราสามารถเพ้นท์ลงไปบนจอได้เหมือนพวก Wacom ได้เลยและใช้นิ้วซูมขยายได้เหมือนพวก ipad pro เลย แต่เราสามารถ Custom Ui ให้เหมาะสมกับความถนัดของเราได้
Illustrator
ด้านบน(จอหลัก) จะเปิดโปรแกรมปกติ ด้านล่างจะเป็น Reference ต่าง ๆ และโฟลเดอร์เก็บงานเพื่องายต่อการดึงภาพหรือ vector เข้าไปในโปรแกรม หรือเปิด Photoshop เพื่อทำงานร่วมกับ illustrator
ส่วนปากกาจะช่วงให้งานวาดเส้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นถ้าเราจะวาดรูปฟรีฟอร์ม อย่างลายไทยมันจะไม่ค่อยพริ้วเท่าไหรแต่ถ้าใช้ปากกาก็สบาย ๆ มาก ๆ
เวลาเขียนก็มาใช้จอล่าง
3D max
ด้านบนจะเป็นโปรแกรมหลัก ด้านล่างจะเป็น PS Ai และReference ต่าง ๆ หรืออาจจะใช้เป็นหน้าต่าง Material ได้เช่นกัน
Premier pro
ด้านบนเป็น video ด้านล่างเป็น Timeline คนทำ video น่าจะกรี๊ดกับสิ่งนี้ สำหรับงานตัดต่อ vdo ที่จะต้องง่วนกับการลาก timeline ไปมามันจะสะดวกมาก มันจำอยู่ในจอล่างทั้งหมด สามารถใช้นิ้วลามไปมาได้อย่างสะดวกมาก ๆ
เล่นเกมส์
ด้วยความที่เครื่องมันแรงและได้ใส่การ์ดจอ Rtx 260 มาให้ซึ่งแรงมากนะเล่นเกมในปัจจุบันได้สบาย ๆ ผมเป็นคนชอบเล่นเกมส์ด้วยถือว่าสำคัญกับผมนะ เล่นได้ทุกเกมส์บางเกมส์ปรับสุดได้หมด แต่ที่แนะนำเลยคือ ตั้งขนาด resolution ไว้แค่ Full HD พอ แค่นี้ก็สวยมากแล้วเอาจริงจอเล็กแค่นี้ Full HD กับ 4K ผมแยกไม่ออกนะ แต่ที่แน่ๆ ถ้า Full Hd เฟรมเลทเพียบๆ ลื่นหัวแตก
เกม Threekingdom Total war ที่ผมชอบ เปิดสุดเกือบหมด
ลื่นหัวแตก 67.9 fps
ความร้อน
ผมว่าสำหรับเครื่องแรงแบบนี้ที่ยัดลงไปในที่แคบ ๆ แบบนี้ กลับความร้อนที่ออกมาถือว่าแทบไม่รู้สึก คือปกติผมจะต้องรู้สึกเหมือนมีไดร์เป่าผมตัวเล็กมาเป่าเบาๆแต่อันนี้ไม่รู้สึกเลยระยะลมมันใกล้เครื่องมาก
ลำโพง
ลำโพงที่ให้มานั้นถือว่าดีเลยทีเดียว เป็นของ Harman kardon ถือว่าเสียงชัดใส แต่ความดังจะไม่มากและเสียงทุ้มจะไม่รู้สึก จริง ๆ แล้วลำโพงที่ติดมากับ Laptop ที่เคยพังมาก็ไม่เคยมีเสียงเบสเป็นลูก ๆ นะ สรุปเสียงดีมาก แต่ไม่ดีเท่าการซื้อลำโพง บลูทูธ แยกครับ เพิ่มเติมสามารถเปิดยูธูปฟังเพลงแล้วปิดหน้าจอได้เพลงจะไม่ดับ เอาไว้เวลาไปเที่ยวแล้วอยากเปิดเพลงแต่กลับแบตหมดเร็วถือว่าเท่มาก(ไม่เคยเจอมาก่อน)
แบตเตอรี่
แบตถ้าใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะหมดใน 2.30 ชม
ข้อดีข้อเสีย
ข้อดี
- มี 2 จอและเป็นจอทัชสกรีน
- ใช้ปากกาได้
- ทำงานได้เยี่ยม
- เล่นเกมได้เยี่ยม
- วัสดุยอดเยี่ยม
- ฟังก์ชั่นการแบ่งหน้าจอสามารถใช้งานได้จริง เจ๋งมาก ๆ
- เปิดฟังเพลงโดยพับหน้าจอปิดได้
ข้อเสีย
- น้ำหนักมาก 2.5kg
- Port ต่างๆน้อยไปเช่นไม่มี sd card (สำหรับบางคน)
- หน้าตาเครื่องไม่เท่ดูเรียบร้อยตามปณิธานความเป็น zen
ความคุ้มค่า
ถ้าพูดถึงราคาอาจจะรู้สึกว่าแพง แต่ถ้าแยกราคาของที่เค้าใส่มาแต่ละชิ้น ก็ต้องบอกว่าคุ้มราคา สำหรับผมถือว่าสมราคามากๆ
ข้อสังเกตุ
ตอนผมทำงานกราฟฟิครู้สึกว่าเครื่องมีความหน่วงไม่พลิ้วเหมือน PC ก็ลองสั่งเกตุที่รูปแบตดูมันอยู่ตรงกลางระหว่างประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน ลองเรื่องไปที่ประสิทธิภาพ นั่นหละความลื่นหัวแตกที่แท้จริง
แล้วผมจะทำคริปลง youtube เร็วๆจะระเอียดขึ้นเห็นภาพชัดขึ้นนะครับ
[CR] รีวิว asus zenbook pro duo (จากผู้ใช้งานจริง)
น้ำหนักสะท้อนวัสดุ
น้ำหนักเครื่อง 2.5 kg. สำหรับผมคือหนักมากไม่เคยใช้ Laptop ที่หนักขนาดนี้มาก่อนถ้าถือเครื่องปล่าวก็ว่าหนักแล้วแต่ยังมี Adapter อีกตัวที่หนักเกือบ 1 kg. ควรจะใช้เป้ในการพกพาถ้าต้องเดินทางด้วยขนส่งมวลชนเป็นเวลานานจะเมื่อยมาก
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมามันมีเหตุและผลของมัน สิ่งที่ทำให้มันต้องหนักเพราะวัสดุที่เค้าให้มามันคือ แผ่นอลูมิเนียมหนาๆซึ่งเคยดูรีวิวมา เค้าว่าเป็นอลูมิเนียมเกรดกองทัพ ผมใช้ Msi Stealth Pro เป็นรุ่นที่มีทั้งความแรงและความบาง ซึ่งจะสังเกตได้ชัดเจนเลยว่ามันหนากว่ากันละแข็งแรงกว่ากันมาก ๆ เครื่องดูแน่นมาก เป็นอลูมิเนียมทั้งตัว เพราะเค้าทำให้มันแข็งแรงมันจึงต้องหนักมาก
ภาพเปลียบเทียบความหนา หนากว่า msi stealth pro (รุ่นบาง) แบบสังเกตุได้แต่ถ้าเป็นรุ่นปกติน่าจะหนาพอกัน
ความหนาของเพลทด้านข้างจะเห็นได้ชัดเลย Msi จะเป็นอลูมิเนียมบางๆเพื่อลดน้ำหนัก ส่วนของ zenbook pro duo จะหนามากๆแบบรู้สึกได้
หน้าจอ
จอหลักเป็น UHD OLED 4K ให้ความละเอียด และสีสันที่สวยงามมาก มีการ calibrate หน้าจอมาให้แล้วเพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ซื้อไปทำงานที่ต้องมีความแม่นยำเรื่องสีถือว่ามาถูกทางมาก ๆ จอเป็นจอทัชสกรีนใช้นิ้วจิ้มได้เลยทำงานได้สะดวกมาก ๆ
หน้าจอ full hd ถ้าใช้กล้องถ่ายไกล้จะเห็นเป็นจุดๆ แต่ในความเป็นจริงจอภาพ 15 นิ้วที่เราใช้กัน Full hd ก็ละเอียดเพียงพอแล้วถ้าไม่ไปนั่งจับผิดมันเราจะแยกไม่ออกเลย
จอรอง Screenpad plus
เป็นจอ 4k เช่นกันแต่ไม่ใช้ oled สัดส่วนจะเป็นแนวยาว มีการเคลือบด้านไว้เพื่อไม่ให้สะท้อนกับแสงไฟซึ่งออกแบบได้ดีมาก จอล่างก็เป็นจอทรัชสกรีนเช่นกันจอนี้ผมจะใช้เปิดพวก Library เพื่องดึงรูปดึงไฟล์ต่าง เปิดโปรแกรมรองในการอ่านข้อมูลหรือพวกการก๊อปข้อความมาวางเป็นต้นและมันยังเหมาะแก่การเขียนด้วยปากกาเพราะมันเป็นแนวระนาบจะเขียนง่ายเวลาทำงานที่ต้องมีการวาดจะช่วยได้มากไม่ต้องต่อ Wacom เพิ่มเลยสาย Creator ทั้งหลายน่าจะชอบมาก
Numpad
ถ้าสังเกตดี ๆ จะไม่เห็นทัชแพดมันหายไปจากหน้าจอ แต่จริงแล้วเค้ารวมกับ นัมแพดโดยเป็นอีกหนึ่งจอที่สามารถให้แสดงผลเป็นตัวเลขก็ได้หรือเป็นทัชแพดเฉยๆก็ได้มีปุ่มให้เปลี่ยนได้
Port ต่าง ๆ
Port ต่าง ๆ นั้นอาจเป็นจุดอ่อนที่ผมได้ฟังมาจากสำนักรีวิวต่าง ๆ ที่ว่าช่องมันน้อยเหลือเกิน มีช่อง Usb 2 ช่อง ให้มาข้างละ 1 ช่อง HDMI 1/ ช่อง thunderbolt 1/ ช่อง หูฟัง 3.5 1 ช่อง ส่วนที่ควรจะมีคือช่อง sd card ผมคิดว่าเค้าคงต้องเอาพื้นที่ไว้ให้อุปกรณ์อื่นที่สำคัญกว่าแทนจึงจำเป็นต้องตัดออก ในการใช้งานจริง port ต่าง ๆ ที่ให้มานั้นสำหรับผมถือว่าเพียงพอ ผมใช้ช่อง USB แค่ครั้งละ 1 ช่อง นาน ๆ ที่อาจจะ 2 บ้างแต่ก็น้อยมากและมันจะรกรุงรังมาก ๆ ซึ่งในความเป็นจริงคนใช้ Laptop คงจะไม่ค่อยทำแบบนั้นกัน ส่วนช่อง sd card ที่หายไปคนที่ชอบลงรูปแต่งรูปอาจจะขัดใจ ในส่วนของรูปถ่ายนั้น กล้องสมัยใหม่สามารถส่งรูปทาง Wifi ได้แล้ว ก็คงไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าพวกที่ใช้ไฟล์ใหญ่อาจต้องพก Card reader เอาแล้วกัน
ด้านซ้าย มีอยู่ 3 ช่อง
ช่อ งac 1 ช่อง
ช่อง hdmi 1 ช่อง
ช่อง usb 1 ช่อง
ด้านขวามี 3 ช่อง
ช่องหูฟัง 3.5 1 ช่อง
ช่อง thunderbolt 1 ช่อง
ช่อง usb 1 ช่อง
ใครเหมาะกับมัน
มันเหมาะกับใคร สำหรับคนที่จะซื้อมาทำบัญชีหรือซื้อมาทำงาน office มันคงไม่คุ้มค่าเพราะ Laptop ทั่ว ๆ ไปก็เพียงพอแล้ว หรือเอามาดูหนังเพราะจอ 4k ก็คงไม่คุ้มเช่นกันซื้อ tv ดี ๆเลยดีกว่า ถ้าเล่นเกมส์ละก็ไม่คุ้มอีกเช่นกันมันอาจจะแรงเล่นเกมส์ได้สบายๆ แต่ Laptop สำหรับเล่นเกมโดยตรงถูกกว่าและตอบสนองดีกว่า
คนที่เหมาะที่จะใช้คือสาย Creator ทั้งหลาย
Graphic design /ช่างภาพ /งาน 3d /งานออกแบบต่าง /นักวาดภาพประกอบ /Digital Artis/ตัดต่อ Video
เพราะสายงานนี้จะต้องใช้การแสดงผลหลายจออยู่บ่อย ๆ และพอจอมันสามารถใช้ Stylus ได้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาก ๆ เราสามารถเขียนบนหน้าจอได้เลยขณะทำงานต่าง ๆ
ปากกา
ปากกาที่ให้มานั้นถือว่าใช้งานได้แต่อาจจะไม่ดีมาก โดยเฉพาะงานเพ้นท์ที่จะต้องมีน้ำหนักมือหลายระดับจะเห็นผลชัดเจนเพราะแรงกดมันไม่ละเอียดมาก แต่สามารถซื้อเพิ่มได้ สรุปใช้งานได้แต่ไม่สุด
การใช้งานกับโปรแกรม
ที่ผมได้ใช้งานมาจะพูดถึง Program สาย Graphic เป็นหลักเพราะโปรแกรม office คงไม่มีอะไรจะให้พูดเท่าไหร่
Photoshop
การทำงานในแบบหลายหน้าจอถือว่าสะดวกมาก ๆ เช่นการเอาหน้าต่าง layer และเครื่องมือที่ใช้บ่อยมาไว้ข้างล่าง เปิดหน้าต่างที่ใช้เก็บรูปไว้ สามารถเอานิ้วลากจากโฟลเดอร์ไปปล่อยใน ps ได้เลย การสลับ layer หรือการเลือก tool ต่าง ๆ ก็ใช้นิ้วจิ้มเอาเลย ไม่เคยรู้สึกคล่องตัวแบบนี้มาก่อน ยังมีอีกปากกาก็สามารถรีทัชภาพได้สะดวกและง่ายกว่าเม้าส์มาก ๆ ยิ่งถ้าเป็นงานเพ้นท์ด้วยแล้วไปกันใหญ่ เราเอาพวกเลเยอร์และสี รวมถึงภาพตัวอย่างไว้ด้านล่าง เราสามารถเพ้นท์ลงไปบนจอได้เหมือนพวก Wacom ได้เลยและใช้นิ้วซูมขยายได้เหมือนพวก ipad pro เลย แต่เราสามารถ Custom Ui ให้เหมาะสมกับความถนัดของเราได้
Illustrator
ด้านบน(จอหลัก) จะเปิดโปรแกรมปกติ ด้านล่างจะเป็น Reference ต่าง ๆ และโฟลเดอร์เก็บงานเพื่องายต่อการดึงภาพหรือ vector เข้าไปในโปรแกรม หรือเปิด Photoshop เพื่อทำงานร่วมกับ illustrator
ส่วนปากกาจะช่วงให้งานวาดเส้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นถ้าเราจะวาดรูปฟรีฟอร์ม อย่างลายไทยมันจะไม่ค่อยพริ้วเท่าไหรแต่ถ้าใช้ปากกาก็สบาย ๆ มาก ๆ
ด้านบนจะเป็นโปรแกรมหลัก ด้านล่างจะเป็น PS Ai และReference ต่าง ๆ หรืออาจจะใช้เป็นหน้าต่าง Material ได้เช่นกัน
Premier pro
ด้านบนเป็น video ด้านล่างเป็น Timeline คนทำ video น่าจะกรี๊ดกับสิ่งนี้ สำหรับงานตัดต่อ vdo ที่จะต้องง่วนกับการลาก timeline ไปมามันจะสะดวกมาก มันจำอยู่ในจอล่างทั้งหมด สามารถใช้นิ้วลามไปมาได้อย่างสะดวกมาก ๆ
เล่นเกมส์
ด้วยความที่เครื่องมันแรงและได้ใส่การ์ดจอ Rtx 260 มาให้ซึ่งแรงมากนะเล่นเกมในปัจจุบันได้สบาย ๆ ผมเป็นคนชอบเล่นเกมส์ด้วยถือว่าสำคัญกับผมนะ เล่นได้ทุกเกมส์บางเกมส์ปรับสุดได้หมด แต่ที่แนะนำเลยคือ ตั้งขนาด resolution ไว้แค่ Full HD พอ แค่นี้ก็สวยมากแล้วเอาจริงจอเล็กแค่นี้ Full HD กับ 4K ผมแยกไม่ออกนะ แต่ที่แน่ๆ ถ้า Full Hd เฟรมเลทเพียบๆ ลื่นหัวแตก
ผมว่าสำหรับเครื่องแรงแบบนี้ที่ยัดลงไปในที่แคบ ๆ แบบนี้ กลับความร้อนที่ออกมาถือว่าแทบไม่รู้สึก คือปกติผมจะต้องรู้สึกเหมือนมีไดร์เป่าผมตัวเล็กมาเป่าเบาๆแต่อันนี้ไม่รู้สึกเลยระยะลมมันใกล้เครื่องมาก
ลำโพง
ลำโพงที่ให้มานั้นถือว่าดีเลยทีเดียว เป็นของ Harman kardon ถือว่าเสียงชัดใส แต่ความดังจะไม่มากและเสียงทุ้มจะไม่รู้สึก จริง ๆ แล้วลำโพงที่ติดมากับ Laptop ที่เคยพังมาก็ไม่เคยมีเสียงเบสเป็นลูก ๆ นะ สรุปเสียงดีมาก แต่ไม่ดีเท่าการซื้อลำโพง บลูทูธ แยกครับ เพิ่มเติมสามารถเปิดยูธูปฟังเพลงแล้วปิดหน้าจอได้เพลงจะไม่ดับ เอาไว้เวลาไปเที่ยวแล้วอยากเปิดเพลงแต่กลับแบตหมดเร็วถือว่าเท่มาก(ไม่เคยเจอมาก่อน)
แบตเตอรี่
แบตถ้าใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจะหมดใน 2.30 ชม
ข้อดีข้อเสีย
ข้อดี
- มี 2 จอและเป็นจอทัชสกรีน
- ใช้ปากกาได้
- ทำงานได้เยี่ยม
- เล่นเกมได้เยี่ยม
- วัสดุยอดเยี่ยม
- ฟังก์ชั่นการแบ่งหน้าจอสามารถใช้งานได้จริง เจ๋งมาก ๆ
- เปิดฟังเพลงโดยพับหน้าจอปิดได้
ข้อเสีย
- น้ำหนักมาก 2.5kg
- Port ต่างๆน้อยไปเช่นไม่มี sd card (สำหรับบางคน)
- หน้าตาเครื่องไม่เท่ดูเรียบร้อยตามปณิธานความเป็น zen
ความคุ้มค่า
ถ้าพูดถึงราคาอาจจะรู้สึกว่าแพง แต่ถ้าแยกราคาของที่เค้าใส่มาแต่ละชิ้น ก็ต้องบอกว่าคุ้มราคา สำหรับผมถือว่าสมราคามากๆ
ข้อสังเกตุ
ตอนผมทำงานกราฟฟิครู้สึกว่าเครื่องมีความหน่วงไม่พลิ้วเหมือน PC ก็ลองสั่งเกตุที่รูปแบตดูมันอยู่ตรงกลางระหว่างประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน ลองเรื่องไปที่ประสิทธิภาพ นั่นหละความลื่นหัวแตกที่แท้จริง
แล้วผมจะทำคริปลง youtube เร็วๆจะระเอียดขึ้นเห็นภาพชัดขึ้นนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้