คราวที่แล้วเราคุยกันเรื่องรายได้คืออะไร โดยพอสังเขปแล้ว คือ รายได้มาจาก 2 ทาง คือ Passive income และ. Active income แต่ไม่ว่ารายได้เราจะมาจากทางไหน ในที่สุดแล้วจุดประสงค์ในการหารายได้ของเราก็เพื่อนำรายได้ของเราไปซื้อหรือสร้างทรัพย์สิน(หรือสิ่งที่เราคิดว่ามันคือทรัพย์สิน) เพื่อให้ทรัพย์สิน หรือสินทรัพย์ของเรากลับมาสร้างรายได้ให้เรา อีกที. มันเหมือนจะวนๆ เริ่มงงละซิ ตกลงคืออะไร ทรัพย์สิน สินทรัพย์ รายได้ เอ๊ะ!!ยังไงกันแน่. สุดท้ายก็คือการหารายได้มาสร้างสินทรัพย์และให้สินทรัพย์มาสร้างรายได้ให้เราอีกที.
ตรงนี้ละครับสำคัญ. สำคัญยังไง สำคัญตรงที่ว่า เมื่อเรานำรายได้ที่ได้มาเพื่อสร้างสินทรัพย์ให้สินทรัพย์กลับมาสร้างรายได้ให้เราอีกที. ประเด็นคือ ถ้าเราเลือกสินทรัพย์ไม่ดี. สินทรัพย์นั้นก็จะสร้างผลตอบแทนให้เราไม่ดีพอไม่คุ้มกับการลงเงินลงแรงไปกับมัน ถ้าผมจะบอกว่า เราต้องจัดพอร์ท ของสินทรัพย์ของเรา ฟังดูแปลกไหมครับ. แต่เรื่องจริงวันนี้ก็คือ เราจะมาจัดพอร์ทสินทรัพย์ของเราจริงๆ
ก่อนที่เราจะจัดสินทรัพย์ของเราให้เหมาะสม อันดับแรกที่เราควรจะรู้คือ แล้วสินทรัพย์มันคืออะไร สินทรัพย์แบบไหน ลักผษณะเด่นของมันเป็นยังไง และเราควรจะมีแบบไหนมาก แบบไหนน้อย ยังไง. เชิญติดตามกันครับ
สินทรัพย์ที่จะสราง passive income ให้กับพวกเรา (เฉพาะที่จะส่งกับเราชัดเจนในที่นี้ ส่วนใครมีมากกว่าที่กล่าวถึงก็ดีใจด้วยครับ)
1. อันดับแรก คือ เงินฝากธนาคาร. ลักษณะของเงินฝากธนาคารก็คือ มันเป็นรายที่ที่ได้ผลตอบแทนต่ำ แต่ได้สม่ำเสมอ มาน้อยๆแต่มาไม่ขาด ซึ่งเราเองก็ควรจะมีไว้เพื่อ หนึ่ง เป็นเส้นทางของรายได้ที่สม่ำเสมอ อาจไว้ใช้สำหรับรายจ่ายประจำหรือกันสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน เพราะเป็นสินทรัพย์ที่สภาพคล่องสูงสุด
2. อันดับต่อมาคือ หุ้น(ในที่นี้ในความหมายของหุ้น คือ หุ้นสามัญ) ลักษณะของหุ้นที่ต่างกับเงินฝาก คือ มีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง และเมื่อมีความเสี่ยง ผลตอบแทนจึงมีมากกว่าเงินฝากตามความเสี่ยงที่สูงขึ้น ลักษณะของหุ้นที่ต่างจากเงินฝากอีกประเด็นคือ รายได้ที่มาจากหุ้นจะค่อนข้างไม่แน่นอน หมายความว่าได้ก็ได้มาก เสียก็เสียมาก แต่อย่างไรก็ดีเราควรจะมีสินทรัพบ์ประเภทหุ้นไว้ ทั้งนี้เพื่อการสร้างรายได้เป็บกดบเป็นกำให้เรานั้นเอง จะมีมากหรือมีน้อย ก็ตามกำลังทรัพย์และการยอมรับความเสี่ยงและความจำเป็นของแต่ละคน
3. ต่อมาคือ พันธบัตรหรือหุ้นกู้ ลักษณะเด่นขิงพันธบัตรหรือหุ้นก็คือ มีผลตอบแทนที่แน่นอน น้อยกว่าหุ้นแต่มากกว่าเงินฝาก เหมาะสำหรับการลงทุนสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงที่มาก้กินไปเหมือนหุ้นแต่ผลตอบแทนก็มากกว่าเงินฝาก จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับการลงทุนซื้อสินทรัพย์ ถามว่า เมื่อมันเหมือนเงินฝาก แล้วทำไมเราไม่ลงในพันธบัตร ไม่ต้องไปลงในเงินฝากที่ผลตอบแทนแทบจะไม่มีผลตอบแทน. คำตอบคือ สภาพคล่อง ครับ ยังไงหากเมื่อมีกรณีจำเป็น เงินฝากเเรายังสามารถถอนเงินไปใช้ได้. แต่ถ้าเราถอนพันธบัตรเท่ากับเราขาดทุนกำไรที่ควรจะมีจนครบกำหนดครับ
4. กองทุนรวม กองทุนรวมคืออะไร สำหรับคนที่ไม่ทราบคือ การที่เราเอาเงินของเราไปให้คนอื่นที่มีความชำนาญมากกว่าเรานำเงินเราหลายๆคนไปกองรวมกันเป็นปริมาณมากและนำไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ เช่นปันผล. ส่วนต่าง NAV (เอาคร่าวๆนะไม่ขอเจาะลึก) ถามว่าแล้วทำไมเราต้องเอาไปให้เค้าลงทุน คำตอบคือ เพราะเค้ามีความเชี่ยวชาญมากกว่าเรา แล้วมันดียังไง มันมีตรงที่ผลตอบแทนมากกว่าพันธบัตร น้อยกว่า(หรืออาจจะมากกว่า)หุ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุน ในกรณีนี้ รายได้จะหวือหวา (ได้มากเสียมาก) หรือเรื่อยๆ(ได้ผลตอบแทนพอสมควร) ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกอง. แล้วทำไมเราต้องมีกองทุนรวมด้วยละ ก็เพราะว่ามันนำเงินเราไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยปริมาณมาก ข้อดีคือ สามารถลงในสินทรัพย์ตัวที่เราไม่อาจแตะต้องเช่น กองทุนหนึ่งมีเงินสักหนึ่งพันล้านไปลงทุนใน cp all หรือ กลุ่มธนาคาร หรือ อื่นๆ โดยไปลงทุนในนามของ ผู้ลงทุนสถาบัน ซึ่งทำให้เราเองได้เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดีๆ ผลตอบแทนย่อมดีบ้างแย่บ้างทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสี่งที่ยอมรับได้ของแต่ละคน หรือฝีมือของผู้จัดการกองทุนนั้น ว่าจะทำให้เราได้ผลตอบแทนอย่างไร. ซึ่งการที่เรามีกองทุนรวมไว้มันก็ย่อมเป็นอีกทางที่สร้างรายได้ให้เราดีกว่าหลายๆทาง
5. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(หรือเรียกชื่อเก๋ๆว่า สินทรัพย์ทางเลือก) ข้อนี้ขอไม่อธิบายมาก เพราะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง. แต่ก็นั่นแหละไม่พูดถึงก็ไม่ได้ เพราะมีการวิจัยออกมาแล้วว่า การที่เรามีสินทรัพย์ทางเลือก(น้ำมัน,ทอง,อสังหาฯ,เฮดฟัน เป็นต้น) ไว้ในพอร์ทสัก ห้าหรือสิบเปอร์เซ็น จะทำให้เราได้ผลตอบแทนดีกว่าไม่มีสินทรัพย์ทางเลือกในพอร์ท. อันนี้ขอสงวนว่าต้องไปศึกษาเพิ่มเติมกันนะครับ มันเป็นผลการวิจัย อกมาแล้วจริงๆ
6. อันนี้หลายๆคนคงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งก็คือ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ถามว่าทำไมเราต้องมีละเอาง่ายๆเลยครับ เจ็บป่วยขึ้นมาเราเองก็ไม่ต้องเอาเงินที่เราลงทุนไว้ในสิน รัพย์ใดๆข้างต้นมาเพื่อรักษาตัว หรือถึงเสียชีวิต เราเองก็จะมีรายได้อีกก้อนให้คนข้างหลัง ไม่นับรวมถึงการฝากเงินแบบประกันสะสมทรัพย์ ทให้เรามีรายได้สม่ำเสมอจากดอกเบี้ยหรือเงินปันผลอีกทาง และเมื่อครบกำหนดประกันเราเองยังมีเงินก้อนไปลงทุนตัวอื่นๆได้นั่นเอง
ยาวนิดนะครับสำหรับ ep นี้ อย่างที่บอกเราเองก็ต้องจัดพอร์ทรายได้ของเราเพื่อให้ผลตอบแทนออกมาวม่ำเสมอและรองรับกับความเสี่ยงในทุกทิศทาง รายได้บางอย่างอาจหวือหวา แต่ก็อาจขาดทุน. สินทรัพย์พวกนี้เราเอาไว้สรา้งรายได้ให้กับสินทรัพย์ของเรา ส่วนรายได้บางตัวอาจเล็กน้อยแต่ก็มีไว้ประกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะเนินนานเกินไป. พบกับ ep หน้าครับ
ep.1
https://pantip.com/topic/39342406
ep.2
https://pantip.com/topic/39342438
เรื่องเงิน เรื่องง่าย by คุณปราง ep.3 ทรัพย์สินคืออะไร
ตรงนี้ละครับสำคัญ. สำคัญยังไง สำคัญตรงที่ว่า เมื่อเรานำรายได้ที่ได้มาเพื่อสร้างสินทรัพย์ให้สินทรัพย์กลับมาสร้างรายได้ให้เราอีกที. ประเด็นคือ ถ้าเราเลือกสินทรัพย์ไม่ดี. สินทรัพย์นั้นก็จะสร้างผลตอบแทนให้เราไม่ดีพอไม่คุ้มกับการลงเงินลงแรงไปกับมัน ถ้าผมจะบอกว่า เราต้องจัดพอร์ท ของสินทรัพย์ของเรา ฟังดูแปลกไหมครับ. แต่เรื่องจริงวันนี้ก็คือ เราจะมาจัดพอร์ทสินทรัพย์ของเราจริงๆ
ก่อนที่เราจะจัดสินทรัพย์ของเราให้เหมาะสม อันดับแรกที่เราควรจะรู้คือ แล้วสินทรัพย์มันคืออะไร สินทรัพย์แบบไหน ลักผษณะเด่นของมันเป็นยังไง และเราควรจะมีแบบไหนมาก แบบไหนน้อย ยังไง. เชิญติดตามกันครับ
สินทรัพย์ที่จะสราง passive income ให้กับพวกเรา (เฉพาะที่จะส่งกับเราชัดเจนในที่นี้ ส่วนใครมีมากกว่าที่กล่าวถึงก็ดีใจด้วยครับ)
1. อันดับแรก คือ เงินฝากธนาคาร. ลักษณะของเงินฝากธนาคารก็คือ มันเป็นรายที่ที่ได้ผลตอบแทนต่ำ แต่ได้สม่ำเสมอ มาน้อยๆแต่มาไม่ขาด ซึ่งเราเองก็ควรจะมีไว้เพื่อ หนึ่ง เป็นเส้นทางของรายได้ที่สม่ำเสมอ อาจไว้ใช้สำหรับรายจ่ายประจำหรือกันสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงิน เพราะเป็นสินทรัพย์ที่สภาพคล่องสูงสุด
2. อันดับต่อมาคือ หุ้น(ในที่นี้ในความหมายของหุ้น คือ หุ้นสามัญ) ลักษณะของหุ้นที่ต่างกับเงินฝาก คือ มีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง และเมื่อมีความเสี่ยง ผลตอบแทนจึงมีมากกว่าเงินฝากตามความเสี่ยงที่สูงขึ้น ลักษณะของหุ้นที่ต่างจากเงินฝากอีกประเด็นคือ รายได้ที่มาจากหุ้นจะค่อนข้างไม่แน่นอน หมายความว่าได้ก็ได้มาก เสียก็เสียมาก แต่อย่างไรก็ดีเราควรจะมีสินทรัพบ์ประเภทหุ้นไว้ ทั้งนี้เพื่อการสร้างรายได้เป็บกดบเป็นกำให้เรานั้นเอง จะมีมากหรือมีน้อย ก็ตามกำลังทรัพย์และการยอมรับความเสี่ยงและความจำเป็นของแต่ละคน
3. ต่อมาคือ พันธบัตรหรือหุ้นกู้ ลักษณะเด่นขิงพันธบัตรหรือหุ้นก็คือ มีผลตอบแทนที่แน่นอน น้อยกว่าหุ้นแต่มากกว่าเงินฝาก เหมาะสำหรับการลงทุนสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงที่มาก้กินไปเหมือนหุ้นแต่ผลตอบแทนก็มากกว่าเงินฝาก จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับการลงทุนซื้อสินทรัพย์ ถามว่า เมื่อมันเหมือนเงินฝาก แล้วทำไมเราไม่ลงในพันธบัตร ไม่ต้องไปลงในเงินฝากที่ผลตอบแทนแทบจะไม่มีผลตอบแทน. คำตอบคือ สภาพคล่อง ครับ ยังไงหากเมื่อมีกรณีจำเป็น เงินฝากเเรายังสามารถถอนเงินไปใช้ได้. แต่ถ้าเราถอนพันธบัตรเท่ากับเราขาดทุนกำไรที่ควรจะมีจนครบกำหนดครับ
4. กองทุนรวม กองทุนรวมคืออะไร สำหรับคนที่ไม่ทราบคือ การที่เราเอาเงินของเราไปให้คนอื่นที่มีความชำนาญมากกว่าเรานำเงินเราหลายๆคนไปกองรวมกันเป็นปริมาณมากและนำไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ เช่นปันผล. ส่วนต่าง NAV (เอาคร่าวๆนะไม่ขอเจาะลึก) ถามว่าแล้วทำไมเราต้องเอาไปให้เค้าลงทุน คำตอบคือ เพราะเค้ามีความเชี่ยวชาญมากกว่าเรา แล้วมันดียังไง มันมีตรงที่ผลตอบแทนมากกว่าพันธบัตร น้อยกว่า(หรืออาจจะมากกว่า)หุ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุน ในกรณีนี้ รายได้จะหวือหวา (ได้มากเสียมาก) หรือเรื่อยๆ(ได้ผลตอบแทนพอสมควร) ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละกอง. แล้วทำไมเราต้องมีกองทุนรวมด้วยละ ก็เพราะว่ามันนำเงินเราไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยปริมาณมาก ข้อดีคือ สามารถลงในสินทรัพย์ตัวที่เราไม่อาจแตะต้องเช่น กองทุนหนึ่งมีเงินสักหนึ่งพันล้านไปลงทุนใน cp all หรือ กลุ่มธนาคาร หรือ อื่นๆ โดยไปลงทุนในนามของ ผู้ลงทุนสถาบัน ซึ่งทำให้เราเองได้เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดีๆ ผลตอบแทนย่อมดีบ้างแย่บ้างทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสี่งที่ยอมรับได้ของแต่ละคน หรือฝีมือของผู้จัดการกองทุนนั้น ว่าจะทำให้เราได้ผลตอบแทนอย่างไร. ซึ่งการที่เรามีกองทุนรวมไว้มันก็ย่อมเป็นอีกทางที่สร้างรายได้ให้เราดีกว่าหลายๆทาง
5. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(หรือเรียกชื่อเก๋ๆว่า สินทรัพย์ทางเลือก) ข้อนี้ขอไม่อธิบายมาก เพราะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง. แต่ก็นั่นแหละไม่พูดถึงก็ไม่ได้ เพราะมีการวิจัยออกมาแล้วว่า การที่เรามีสินทรัพย์ทางเลือก(น้ำมัน,ทอง,อสังหาฯ,เฮดฟัน เป็นต้น) ไว้ในพอร์ทสัก ห้าหรือสิบเปอร์เซ็น จะทำให้เราได้ผลตอบแทนดีกว่าไม่มีสินทรัพย์ทางเลือกในพอร์ท. อันนี้ขอสงวนว่าต้องไปศึกษาเพิ่มเติมกันนะครับ มันเป็นผลการวิจัย อกมาแล้วจริงๆ
6. อันนี้หลายๆคนคงเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งก็คือ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ถามว่าทำไมเราต้องมีละเอาง่ายๆเลยครับ เจ็บป่วยขึ้นมาเราเองก็ไม่ต้องเอาเงินที่เราลงทุนไว้ในสิน รัพย์ใดๆข้างต้นมาเพื่อรักษาตัว หรือถึงเสียชีวิต เราเองก็จะมีรายได้อีกก้อนให้คนข้างหลัง ไม่นับรวมถึงการฝากเงินแบบประกันสะสมทรัพย์ ทให้เรามีรายได้สม่ำเสมอจากดอกเบี้ยหรือเงินปันผลอีกทาง และเมื่อครบกำหนดประกันเราเองยังมีเงินก้อนไปลงทุนตัวอื่นๆได้นั่นเอง
ยาวนิดนะครับสำหรับ ep นี้ อย่างที่บอกเราเองก็ต้องจัดพอร์ทรายได้ของเราเพื่อให้ผลตอบแทนออกมาวม่ำเสมอและรองรับกับความเสี่ยงในทุกทิศทาง รายได้บางอย่างอาจหวือหวา แต่ก็อาจขาดทุน. สินทรัพย์พวกนี้เราเอาไว้สรา้งรายได้ให้กับสินทรัพย์ของเรา ส่วนรายได้บางตัวอาจเล็กน้อยแต่ก็มีไว้ประกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะเนินนานเกินไป. พบกับ ep หน้าครับ
ep.1 https://pantip.com/topic/39342406
ep.2 https://pantip.com/topic/39342438