มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจพบเร็ว รักษาหาย ป้องกันได้ด้วยการสังเกตอุจจาระ!
รู้ไหมครับว่า “มะเร็งลำไส้ใหญ่” เป็นโรคที่มักจะเกิดกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป แต่ถ้าหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้
สำหรับคนที่มีคุณพ่อคุณแม่หรือผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน อาจจะประสบปัญหาในการพาท่านไปหาหมอ เพราะท่านมักจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ดังนั้น เราเองนี่แหละที่จะต้องคอยสังเกตสัญญาณผิดปกติต่างๆ แทน
และวันนี้ พี่หมอก็มีสัญญาณบอกเหตุ รวมถึงแนวทางในการป้องกัน “มะเร็งลำไส้ใหญ่” มาบอกกันครับ
ปัจจัยเสี่ยง
· อายุ 45 ปีขึ้นไป หรือต่ำกว่า 45 ปี (ในกรณีที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวเคยเป็นมาก่อน)
· เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือเคยมีเนื้องอกบริเวณผิวหนังลำไส้ใหญ่ รวมถึงมีอาการท้องผูกเรื้อรัง
· ชอบรับประทานเนื้อแดง รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูง ของปิ้งย่าง ของหมักดองและมีรสเค็มจัด
· น้ำหนักตัวเยอะ และขาดการออกกำลังกาย
· สูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
· ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ดื้อต่ออินซูลิน
สัญญาณบอกว่าควรไปพบแพทย์
· คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หมดแรง น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
· เป็นตะคริวที่ท้อง หรือมีแก๊สเกินจนรู้สึกอึดอัด
· มีเลือดปนในอุจจาระ หรือมีเลือดออกทางทวารหนัก
แนวทางการป้องกัน
· รับประทานผัก ผลไม้และธัญพืช เพื่อเพิ่มวิตามิน เกลือแร่และใยอาหาร รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
· ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ สำหรับผู้หญิงไม่ควรเกินวันละ 1 แก้ว และสำหรับผู้ชายไม่ควรเกิน 2 แก้ว
· เลิกบุหรี่หรือลดปริมาณการสูบลง
· ออกกำลังกาย อย่าปล่อยตัวเองให้อ้วนหรือมีน้ำหนักมากเกินไป
· ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป หรือถ้าครอบครัวเคยมีประวัติมาก่อนก็สามารถเข้ารับการตรวจก่อนอายุ 45 ปีได้
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่มีด้วยกันหลายวิธี เช่น การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ การส่อง
กล้องตรวจลำไส้ใหญ่ รวมถึงวิธีล่าสุดก็คือ NBI (Narrow Band Image) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการส่องกล้องดูลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะให้ผลที่ละเอียด แม่นยำยิ่งขึ้น และยังสามารถทำการรักษาโดยการตัดติ่งเนื้อได้ทันทีอีกด้วย
ส่วนอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยในการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็คือ “การสังเกตสีและลักษณะของอุจจาระ” ซึ่งโดยทั่วไปจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป รวมถึงปริมาณน้ำที่ดื่มด้วย
ซึ่งพี่หมอก็มีวิธีสังเกตสีและรูปร่างของอุจจาระมาฝากกันด้วยครับ (อย่าเพิ่งทำหน้าอี๋อย่างนั้นสิครับ เพราะจะบอกให้ว่าการสังเกตอุจจาระของตัวเองทุกวัน จะเป็นการคัดกรองอาการป่วยเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถทำได้แบบง่ายๆ )
สีของอุจจาระ
·
สีน้ำตาลและเหลือง คือ สีอุจจาระของคนมีสุขภาพดี แปลว่าการทำงานของระบบย่อยและทางเดินอาหารเป็นปกติ เพราะถ้ามีความผิดปกติในระบบย่อยหรือการดูดซึมอาหารของลำไส้ หรือมีไขมันส่วนเกิน อุจจาระจะมีสีเหลืองจางๆและกลิ่นเหม็น ถ้าเป็นติดต่อกันหลายวัน พี่หมอแนะนำให้ไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุนะครับ
·
สีเขียว การรับประทานยาบางชนิดหรือผักใบเขียวเป็นจำนวนมากก็ทำให้อุจจาระมีสีเขียวได้ แต่ถ้ามีอุจจาระเหลวร่วมด้วย ก็อาจจะเป็นโรคท้องร่วงได้นะครับ ต้องสังเกตให้ดีๆ
·
สีดำ อาจจะเกิดจากมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ยิ่งมีถ้ามีสีดำแบบยางมะตอย ควรรีบไปพบแพทย์เลยนะครับ เพราะถ้าเป็นบ่อยๆ อาจจะหมายความว่าเรากำลังเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แต่บางทีก็อาจเกิดจากการรับประทานอาหารหรือยาบางชนิดก็ได้ เช่น ตับ เลือด ข้าวเหนียวดำ ลูกหม่อน ยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก หรือ ยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น
·
สีแดง ส่วนใหญ่จะเกิดจากการรับประทานผักผลไม้บางชนิด เช่น บีทรูท กระเจี๊ยบ มะละกอ แตงโม หรือเครื่องดื่มที่มีสีแดงในปริมาณมาก แต่ถ้ามีสีแดงและมีเลือดปนด้วย ก็อาจเกิดจากการเป็นริดสีดวงทวาร หรืออาจจะเป็นสัญญาณว่ามีเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนล่าง
·
สีเทา ถ้าเกิดจากการมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น หรือการรับประทานธาตุเหล็กเพื่อบำรุงเลือด อุจจาระจะมีสีเทาเข้ม แต่ถ้าอุจจาระมีสีเทาอ่อนคล้ายขี้เถ้า ยิ่งถ้าสีเทาอ่อนจางเกือบขาว แสดงว่าท่อน้ำดีอุดตัน ทำให้อุจจาระขาดน้ำดี เป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของตับหรือตับอ่อนได้ครับ
รูปร่างของอุจจาระ
· สำหรับคนที่มีสุขภาพดี ส่วนใหญ่อุจจาระจะมีลักษณะ “เป็นลำสวย มีผิวเรียบคล้ายกล้วยหอม” หรือเป็น “ทรงรียาวคล้ายไส้กรอก ผิวขรุขระ ค่อนข้างแข็ง” อันนี้ก็ถือว่ายังใช้ได้อยู่
· สำหรับคนที่มีปัญหาด้านการขับถ่ายหรือท้องผูก ส่วนใหญ่อุจจาระจะมีลักษณะเป็น “ก้อนเล็กและแข็ง” หรือ “ก้อนเล็กๆ แต่มีหลายก้อนรวมกัน” เนื่องจากอุจจาระแห้ง ซึ่งสาเหตุก็มาจากการรับประทานอาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอและดื่มน้ำน้อยเกินไป
· แต่ถ้าท้องเสียหรือติดเชื้อในลำไส้ อุจจาระจะมีลักษณะ “เปื่อยยุ่ย กึ่งเหลวกึ่งก้อน” แต่ถ้าถ่ายเหลวเป็นน้ำและมีอาการติดต่อกันมากกว่า 1 วัน อันนี้พี่หมอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เลยนะครับ
· หากสังเกตว่า ขนาดของอุจจาระ “มีขนาดเล็กลงชัดเจน หรือ เป็นเม็ดเล็กๆ” อาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ โดยเกิดจากการที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลง
ดังนั้น หลังถ่ายอุจจาระเสร็จ ลองสังเกตดูรูปร่างหน้าตาและสีสันของอุจจาระของเราบ้าง ก็ถือเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัวเลยนะครับ โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราสามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
คุณผู้อ่านลองสังเกตดูนะครับว่าคุณพ่อคุณแม่ของเรามีอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า หรือมีเกณฑ์อะไรที่บอกว่าท่านอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้บ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้อมูลเพิ่มเติมดูที่ link นี้ ได้ครับ
https://www.samitivejhospitals.com/th/มะเร็งลำไส้ใหญ่ใกล้ตัว
https://www.samitivejhospitals.com/th/อุจจาระบอกโรค
https://www.facebook.com/thematterco/videos/304915673521523/?v=304915673521523
มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจพบเร็ว รักษาหาย ป้องกันได้ด้วยการสังเกตอุจจาระ!
รู้ไหมครับว่า “มะเร็งลำไส้ใหญ่” เป็นโรคที่มักจะเกิดกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป แต่ถ้าหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้
สำหรับคนที่มีคุณพ่อคุณแม่หรือผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน อาจจะประสบปัญหาในการพาท่านไปหาหมอ เพราะท่านมักจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ดังนั้น เราเองนี่แหละที่จะต้องคอยสังเกตสัญญาณผิดปกติต่างๆ แทน
และวันนี้ พี่หมอก็มีสัญญาณบอกเหตุ รวมถึงแนวทางในการป้องกัน “มะเร็งลำไส้ใหญ่” มาบอกกันครับ
ปัจจัยเสี่ยง
· อายุ 45 ปีขึ้นไป หรือต่ำกว่า 45 ปี (ในกรณีที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวเคยเป็นมาก่อน)
· เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือเคยมีเนื้องอกบริเวณผิวหนังลำไส้ใหญ่ รวมถึงมีอาการท้องผูกเรื้อรัง
· ชอบรับประทานเนื้อแดง รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูง ของปิ้งย่าง ของหมักดองและมีรสเค็มจัด
· น้ำหนักตัวเยอะ และขาดการออกกำลังกาย
· สูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
· ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ดื้อต่ออินซูลิน
สัญญาณบอกว่าควรไปพบแพทย์
· คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หมดแรง น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
· เป็นตะคริวที่ท้อง หรือมีแก๊สเกินจนรู้สึกอึดอัด
· มีเลือดปนในอุจจาระ หรือมีเลือดออกทางทวารหนัก
แนวทางการป้องกัน
· รับประทานผัก ผลไม้และธัญพืช เพื่อเพิ่มวิตามิน เกลือแร่และใยอาหาร รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
· ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ สำหรับผู้หญิงไม่ควรเกินวันละ 1 แก้ว และสำหรับผู้ชายไม่ควรเกิน 2 แก้ว
· เลิกบุหรี่หรือลดปริมาณการสูบลง
· ออกกำลังกาย อย่าปล่อยตัวเองให้อ้วนหรือมีน้ำหนักมากเกินไป
· ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป หรือถ้าครอบครัวเคยมีประวัติมาก่อนก็สามารถเข้ารับการตรวจก่อนอายุ 45 ปีได้
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่มีด้วยกันหลายวิธี เช่น การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ การส่อง
กล้องตรวจลำไส้ใหญ่ รวมถึงวิธีล่าสุดก็คือ NBI (Narrow Band Image) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการส่องกล้องดูลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะให้ผลที่ละเอียด แม่นยำยิ่งขึ้น และยังสามารถทำการรักษาโดยการตัดติ่งเนื้อได้ทันทีอีกด้วย
ส่วนอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยในการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็คือ “การสังเกตสีและลักษณะของอุจจาระ” ซึ่งโดยทั่วไปจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป รวมถึงปริมาณน้ำที่ดื่มด้วย
ซึ่งพี่หมอก็มีวิธีสังเกตสีและรูปร่างของอุจจาระมาฝากกันด้วยครับ (อย่าเพิ่งทำหน้าอี๋อย่างนั้นสิครับ เพราะจะบอกให้ว่าการสังเกตอุจจาระของตัวเองทุกวัน จะเป็นการคัดกรองอาการป่วยเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถทำได้แบบง่ายๆ )
สีของอุจจาระ
· สีน้ำตาลและเหลือง คือ สีอุจจาระของคนมีสุขภาพดี แปลว่าการทำงานของระบบย่อยและทางเดินอาหารเป็นปกติ เพราะถ้ามีความผิดปกติในระบบย่อยหรือการดูดซึมอาหารของลำไส้ หรือมีไขมันส่วนเกิน อุจจาระจะมีสีเหลืองจางๆและกลิ่นเหม็น ถ้าเป็นติดต่อกันหลายวัน พี่หมอแนะนำให้ไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุนะครับ
· สีเขียว การรับประทานยาบางชนิดหรือผักใบเขียวเป็นจำนวนมากก็ทำให้อุจจาระมีสีเขียวได้ แต่ถ้ามีอุจจาระเหลวร่วมด้วย ก็อาจจะเป็นโรคท้องร่วงได้นะครับ ต้องสังเกตให้ดีๆ
· สีดำ อาจจะเกิดจากมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ยิ่งมีถ้ามีสีดำแบบยางมะตอย ควรรีบไปพบแพทย์เลยนะครับ เพราะถ้าเป็นบ่อยๆ อาจจะหมายความว่าเรากำลังเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ แต่บางทีก็อาจเกิดจากการรับประทานอาหารหรือยาบางชนิดก็ได้ เช่น ตับ เลือด ข้าวเหนียวดำ ลูกหม่อน ยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก หรือ ยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น
· สีแดง ส่วนใหญ่จะเกิดจากการรับประทานผักผลไม้บางชนิด เช่น บีทรูท กระเจี๊ยบ มะละกอ แตงโม หรือเครื่องดื่มที่มีสีแดงในปริมาณมาก แต่ถ้ามีสีแดงและมีเลือดปนด้วย ก็อาจเกิดจากการเป็นริดสีดวงทวาร หรืออาจจะเป็นสัญญาณว่ามีเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนล่าง
· สีเทา ถ้าเกิดจากการมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น หรือการรับประทานธาตุเหล็กเพื่อบำรุงเลือด อุจจาระจะมีสีเทาเข้ม แต่ถ้าอุจจาระมีสีเทาอ่อนคล้ายขี้เถ้า ยิ่งถ้าสีเทาอ่อนจางเกือบขาว แสดงว่าท่อน้ำดีอุดตัน ทำให้อุจจาระขาดน้ำดี เป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของตับหรือตับอ่อนได้ครับ
รูปร่างของอุจจาระ
· สำหรับคนที่มีสุขภาพดี ส่วนใหญ่อุจจาระจะมีลักษณะ “เป็นลำสวย มีผิวเรียบคล้ายกล้วยหอม” หรือเป็น “ทรงรียาวคล้ายไส้กรอก ผิวขรุขระ ค่อนข้างแข็ง” อันนี้ก็ถือว่ายังใช้ได้อยู่
· สำหรับคนที่มีปัญหาด้านการขับถ่ายหรือท้องผูก ส่วนใหญ่อุจจาระจะมีลักษณะเป็น “ก้อนเล็กและแข็ง” หรือ “ก้อนเล็กๆ แต่มีหลายก้อนรวมกัน” เนื่องจากอุจจาระแห้ง ซึ่งสาเหตุก็มาจากการรับประทานอาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอและดื่มน้ำน้อยเกินไป
· แต่ถ้าท้องเสียหรือติดเชื้อในลำไส้ อุจจาระจะมีลักษณะ “เปื่อยยุ่ย กึ่งเหลวกึ่งก้อน” แต่ถ้าถ่ายเหลวเป็นน้ำและมีอาการติดต่อกันมากกว่า 1 วัน อันนี้พี่หมอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เลยนะครับ
· หากสังเกตว่า ขนาดของอุจจาระ “มีขนาดเล็กลงชัดเจน หรือ เป็นเม็ดเล็กๆ” อาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ โดยเกิดจากการที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลง
ดังนั้น หลังถ่ายอุจจาระเสร็จ ลองสังเกตดูรูปร่างหน้าตาและสีสันของอุจจาระของเราบ้าง ก็ถือเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัวเลยนะครับ โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราสามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
คุณผู้อ่านลองสังเกตดูนะครับว่าคุณพ่อคุณแม่ของเรามีอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า หรือมีเกณฑ์อะไรที่บอกว่าท่านอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้บ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้