WINNER - SOSO วิเคราะห์ MV และวิจารณ์เพลง

  สวัสดีทุกคนครับผม เป็นอีกครั้งที่ผมกลับมาวิเคราะห์ MV และพูดถึงตัวเพลง WINNER  ในอัลบั้มใหม่ Cross กับเพลง Title อย่าง SOSO
ก่อนอื่นขอออกตัวว่า ในแง่ของการวิจารณ์เพลงนี่ ผมอาจจะมีอาการอวยหรืออะไรก็ตามออกมาได้เนื่องจากชอบ WINNER มากจริงๆ
แต่จะพยายามพูดให้กลางที่สุด

https://www.youtube.com/watch?v=oDKMLDH8kqc

         เอาล่ะครับ เริ่มกันที่เพลงกันก่อน SOSO นั้นถูกแต่งขึ้นมาโดยเมมเบอร์ของวงเป็นหลักเช่นเคยแต่เพลงนี้ MINO ไม่ได้มีส่วนในพาร์ทดนตรี
แต่ทั้ง YOON , MINO และ HOONY ยังคงเขียนเนื้อกันเองเช่นเคย ตามด้วยพาร์ทดนตรีที่มี Producer คู่บุญอย่าง AiRPLAY มาช่วยทำให้เช่นเคย
ในส่วนของดนตรีนั้นต้องบอกว่า ลบกลิ่นอายเพลงใสๆของ Winner ที่ผ่านมาออกไปได้หมดจด พาให้นึกถึง Winner ยุค Team A  แล้วเสริมด้วย
สไตล์การแต่งเพลงในช่วงหลังของ Yoon ที่มีกลิ่นอายเมโลดี้แบบเพลง Bilboard เมื่อนำมาใช้ร่วมกันก็ถือว่าออกมาลงตัวมาก เพลงน่าสนใจตั้งแต่เริ่ม  
ด้วยจังหวะที่ค่อนข้างเร็วและเร้าอารมณ์ทำให้ผมพานึกว่าหรือ Winner จะทำเพลง Dance เต็มตัวตามสไตล์ KPOP สักที เพราะด้วยความที่
ตาม Winner มาตั้งแต่แรก แฟนๆก็จะรู้กันดีกว่าพวกเขา ทำเพลงฉีกจากกระแสหลักประมานนึงมาตลอด ค่อนข้างมีแนวทางชัดเจน
มักจะทำเพลงเหมือนศิลปินไม่ได้เน้นความเป็นไอดอลเท่าไร ปรากฎว่า ผมคิดผิด!

         ท่อนฮุคที่กลายเป็นท่อนดรอปลง แล้วเดินท่อนฮุคด้วยเมโลดี้แบบ melancholy ช้าๆ แล้ววนโน้ตและคำร้องง่ายๆแค่ So So แต่ช่างติดหู
และสื่ออารมณ์และความหมายได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมันเป็นความติสท์แตก กล้าและบ้ามากๆ ที่จะทำเพลงแบบนี้ออกมาแข่งกับวงอื่นๆ
เนื่องจากฟังยากกว่าเพลงทั่วไปเยอะ แถมสถานะวงขณะนี้ถึงจะเป็นระดับหัวแถวอยู่ แต่ก็เป็นวงตอนปลายๆของหัวแถวในวงการ ดูจากยอดวิวต่างๆแล้ว
ตัววงและค่ายยังยืนยันในตัวตนและแนวทางของวงอย่างชัดเจนกล้าดันเพลงที่ดี แต่ "ดังพลุแตก" ได้ยากออกมา ถือว่ายอมหัวจิตหัวใจของผู้ชนะ
กลุ่มนี้จริงๆ อีกส่วนนึงที่ผมชอบมากๆในเพลงก็คือการ แร็พของ Mino ที่แปลกใหม่และโฟลว์ดีมากๆ มีการเปลี่ยนจังหวะการแร็พในท่อนสั้นๆแถมยัง
สื่ออารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม Mino สำหรับผมนี่สกิลการแร็พถ้าในหมู่ไอดอลคงไม่แพ้ใครยืนหนึ่งไปแล้วก็ว่าได้ หากก้าวเข้าวงการฮิพฮอพเต็มตัว
ก็คงได้รับการยอมรับแน่นอน ซึ่งผมกล้ายืนยันเลยว่าสกิลการแร็พของ Mino นั้นสูงมากจริงๆ ลองไปหาฟังเพลงที่เขาแร็พได้เลยจะมีการใช้ Flow ซ้ำกัน
น้อยมากๆๆๆ ผมแทบจะนึกไม่ออกเลย เปลี่ยนโฟลว์แทบทุกเพลง แถมแปลกใหม่เสมอ และในส่วนสุดท้ายที่ชอบมากๆของเพลงนี้คือ เนื้อเพลงที่ดู "ประชดประชัน" ทั้งเพลง ซึ่งอันนี้แล้วแต่คนจะตีความ แต่สำหรับผม ผมรู้สึกว่าด้วยความหมายตามเนื้อเพลง MV และเมโลดี้แล้ว มันคือการประชดประชันไปถึง ผู้หญิงที่เลิกรากันไป ว่า งั้นๆอ่ะ ไม่ได้เสียใจอะไรหรอกโว้ยยยย แต่ภาพรวมทุกอย่างมันเศร๊าเศร้านะพ่อคุณ 55555555

 ต่อไปจะขอพูดถึง MV กันบ้าง คือคนที่ตามวงการ KPOP ประมานนึงจะรู้อยู่แล้วว่า MV ต่างๆมักจะมีสัญญะแฝงอยู่ตลอด โดยค่ายที่จัดหนักหน่อยส่วนมาก
ก็จะเป็น YG ที่เน้นเรื่องสัญญะและความหมายแฝง ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ Winner จัดเต็มกับงานอาร์ทและสัญญะต่างๆใน MV SOSO ตัวนี้
มาเริ่มกันที่ฉากเปิดเรื่องก่อนเลยครับ

เปิดตัวมาด้วยรถซิ่งๆกันอีกตามเคย MV ใดไม่มีรถ MV นั้นไม่ใช่ KPOP แต่คราวนี้ Winner ขอมาแปลก มาด้วยรถพังเละเทะประตงประตู
หลังคงหลังคาหายหม๊ด ซึ่งความหมายของรถในเชิงสัญญะนั้นหมายถึง ความโฉบเฉี่ยวหรูหรา อำนาจและพลังงาน และอีกนัยนึง
ยังหมายถึงการเดินทางและการตัดสินใจแบบทันที ทำก่อน คิดทีหลังเมื่อคุณอยู่หลังพวงมาลัยส่วนมากมักจะต้องเป็นแบบนี้
ซึ่งมันก็สะท้อนความหมดสภาพจากความรักครั้งที่ผ่านมาของ Winner ตามเพลงนี้ได้อย่างดี ไม่เหลือความหรูหรา ความโฉบเฉี่ยวพลังอำนาจใด
รถคือเละเทะไปหมด วิ่งได้ก็บุญแล้ว ซึ่งก็คงเป็นผลจากการทำอะไรไม่คิดนั่นแหละตามความหมาย ทำให้พวกเขาเจอสภาพนี้
เมื่อมารวมกับชุดสีขาวล้วนที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ ก็อาจตีความได้สองอย่างคือ พวกเขาบริสุทธิ์ผุดผ่องแล้ว หลังจากผ่านความรักนั้นมา
หรือพวกเขายังเชื่อว่าจากเรื่องราวที่ผ่านมาพวกเขานั้นไม่ได้ผิดแต่อย่างใด


และแล้วในพาร์ทต่อมาความซึนและประชดประชันของ Winner ก็เริ่มขึ้น เมื่อดูจากเนื้อเพลงนั้นยูนเองร้องทำนองว่า เหอะเห็นเศร้าๆงี้
พี่ชิวๆ อย่ามาทำเหมือนแคร์เลย แต่ภาพใน MV ช่างย้อนแย้งเหลือเกิ๊นพ่อคุณ ยูนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจากชุดสีแดงที่สื่อออกมา
รวมไปถึงลักษณะการถูกห้อยมัดมือมัดแขนไว้แถมลักษณะหลังคายังเป็นลูกกรงซึ่งทั้งหมดสื่อไปถึงการติดกับอะไรบางอย่าง
การที่ยังยึดติดและยังก้าวออกมาไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เท่าไร ยังลอยซึนไปมาทำปากแข็งได้อยู่ในช่วงแรก


มาต่อกันในพาร์ทแร็พสุดเท่ของ Mino ที่เอาตรงๆผมเองก็ยังตีความไม่ได้มากนัก เอาเท่าที่ความรู้พอจะมีไปก่อนถ้าใครเสริมหรือแย้งอะไรได้ก็
รบกวนด้วยค้าบบ ก่อนอื่นเลยเราจะเห็นได้ว่า Mino นั้นดูเกรี้ยวกราดและเดินสวนทางกับผู้คนทั้งหลาย ซึ่งนั่นอาจเป็นภาพสะท้อนภายใน
ของบุคลิกหรือทัศนคติและนิสัยของเขาที่สวนทางกับผู้คนทั่วไปอยู่แล้ว เมื่อมาโดนทิ้งจากคนรักแถมไปเห็นเขามีคนใหม่ตามเนื้อเพลง
ก็คือแทบจะระเบิดออกมาเหมือนกับ Voltorb (โปเกม่อนระเบิดไฟฟ้า แหม่ Represent ตัวตนผ่านการ์ตูนที่ชอบแล้วดูไม่ขืน ชอบมากครับ 555)
และเมื่อต่อในพาร์ทนี้ของมิโนรอบหน้าที่ทุกคนล้มลงหมดแล้ว แล้วเขานั่งอยู่คนเดียว มันก็คือความโดดเดี่ยวของผู้ชนะ ที่เขาฟันฝ่า
กับสังคมและคนรอบข้างมา แต่ช่างโดดเดี่ยวเสียเหลือเกินเมื่อไม่มีเธออยู่ กิ๊วๆ 55555


พาร์ทต่อมาของ Mino ที่ผมชอบมากๆคือสภาวะในจิตใจลึกๆของเขา ผ่านซีนทะเลทราย ในเชิงสัญญะทีวีนั้นหมายถึงภาพสะท้อนของสภาวะ
ณ ปัจจุบันของคนคนนั้น ซึ่งก็อย่างที่เห็นแห้งเหือด โดดเดี่ยวและเศร้าโศกเป็นอย่างมาก รวมไปถึงถ้ามองดีๆ จุดที่ Mino นั่งอยู่จะมีลักษณะ
เป็นรูปหัวใจด้วย ยอมใจที่อาร์ทและทีมงานหาโลชั่นมากหามาได้ไง 55555ซึ่งถ้าสังเกตกันจะเห็นได้ว่าบนโต๊ะข้างๆกันนั้นจะมีหนังสือ
แก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ และจอกที่ล้มอยู่ ซึ่งลักษณะเหมือนจอกศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ ทีนี้มาตีความกันต่อ
จอกที่ล้มลงแปลว่าอาจจะได้รับการดื่มไปแล้ว ซึ่งแปลว่า Mino เลือกที่จะดื่มน้ำจากจอกศักดิ์สิทธิ์มากกว่าน้ำเปล่าที่ประทังชีวิต
ซึ่งตามความเชื่อแล้วนั้นการดื่มน้ำจากจอกศักดิ์สิทธิ์จะทำให้มั่งมี มีความสุขนิรันดร์ คงความเยาว์วัยและเป็นอมตะ
จะเห็นได้ว่า มันเป็นตัวเลือกของความสำเร็จในชีวิตล้วนๆ เขาเลือกที่จะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อความสำเร็จและหมางเมินน้ำเปล่าที่ประทังชีวิต
จริงๆ กลับงมงายในความเชื่อเหลวไหลมากกว่า ซึ่งอาจหมายถึงความสัมพันธ์ฺของเขากับเธอ ที่เขาเลือกจะหมางเมินเธอเพื่อความสำเร็จในชีวิต
เธอที่เป็นเหมือนน้ำเปล่าประทังชีวิตที่แห้งแล้งในจิตใจก็เลยต้องเสียเธอไปเพราะความโลภของตัวเองซึ่งอีกนัยนึง
จอกศักดิ์สิทธิ์เองก็เป็นภาชนะที่ถูกใช้โดยพระเยซูในอาหารมื้อสุดท้ายของพระองค์ก่อนที่จะโดนโทษประหาร Mino ก็เช่นกัน เมื่อเลือกดื่มแล้ว
ก็อาจทำลายตัวเองลงไปเหมือนกัน


พิมพ์มาย๊าวยาว เพิ่งถึงครึ่งทางเองครับ มาต่อกันที่ฮุนนี่ของเราจุดนี้ก็เป็นอีกจุดที่ผมเองก็ไม่ชัวร์เช่นกัน แต่ถ้าอิงตามภาพที่เห็นและเนื้อเพลงแล้ว
ผมมองว่า นี่คือการประกาศจุดยืนและออกตัวของเขาผ่านตัวประกันทั้งหลาย เราจะเห็นได้ว่ารอบตัวฮุนนั้นจะเต็มไปด้วยตัวประกันเหมือนในข่าว
ที่ผู้ก่อการร้ายนั้นจับตัวคนมายิงถ่ายทอดสด ต้องบอกว่าเป็นซีนที่แอบรุนแรง แต่ก็สะท้อนออกมาได้ดี ฮุนประกาศจุดยืนให้เธอคนนั้นเห็นว่า
เขาไม่ได้อ่อนแอหรอกนะโว้ย นี่ไงผมนี่ระดับผู้ก่อการร้าย ควบคุมคนและชีวิตคนได้ดั่งใจ แต่หน้านี่ช้ำเชียวนะ 5555555
และเมื่อมาดูคัทต่อไปก็จะเห็นฮุนหลบอยู่หลังตัวประกันกำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ ซึ่งก็คือตามคอนเสปเพลงคือความซึนและประชดประชัน
ว่าชิวๆ โซๆ ไม่เป็นไรหรอก และในคัทที่วิ่งหนีต่อมาจะเห็นว่าฮุนนั้นโดนเอาถุงครอบหัวเสียเองด้วยซ้ำ เหมือนลึกๆแล้วเขานั่นแหละ
ที่ตกเป็นตัวประกันเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเกมนี้ เขาถึงพยายามฉีกมันออกในที่สุด



แล้วก็มาถึงท่อนฮุค ที่ร้องว่า โซๆ ชิวๆ งั้นๆอ่ะ แต่ภาพใน MV กลับเฉลยภาวะในจิตใจจริงๆ นั่นก็คือ การร่วงหล่น ดำดิ่งลึกถึงขีดสุดแบบนี้ครับ




มากันที่พาร์ทของพี่จินอูของเราบ้าง ในส่วนของจินอูนั้นก็มีการใช้สัญญะเดิมคือรถ ซึ่งคราวนี้สื่อถึงการทำให้อะไรไม่คิดอย่างชัดเจน รถชนเละเทะ
เลือดกระจายเต็มไปหมด หลายคนอาจจะถามไหนล่ะเลือด สีฟ้าๆนั่นแหละครับคือเลือด เลือดสีฟ้านั้นหมายถึงเลือดของชนชั้นสูง
ซึ่งอาจหมายความว่าในความสัมพันธุ์แบบจินอูเนี่ย เขาคือคนที่เหนือกว่ามาตลอด หรือคิดว่าตัวเองเหนือกว่า ควบคุมทุกอย่างในความสัมพันธุ์ได้
แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ เพราะไอ้เลือดสีฟ้าหรือความหยิ่งผยองนี่แหละ ที่ทำให้เขามาเจอจุดนี้ เลือดกระจายเต็มไปหมด จะเอามือ เอาผ้าเช็ดยังไง
ก็ไม่หมดและยังมีรอยกรีดที่ตาเป็นเลือดสีฟ้าอีกก็หมายถึงเขาได้ตระหนักรู้แล้วถึงสถานภาพตัวเองในตอนนี้ ถ้าสังเกตดีๆจะมีดวงตาเป็นคัทแทรกอยู่
ทั้งเพลง ซึ่งก็สื่อถึงความหัวรั้น ความซึน ความดื้อด้านของผู้ชายในเพลง ที่สุดท้ายมาตระหนักรู้ได้แหละ แต่ก็ยังปากแข็งอยู่
กลับมาที่จินอู เมื่อความสัมพันธุ์จบลงเละเทะด้วยน้ำมือตัวเอง สุดท้ายเขาจึงทำได้แค่นั่งดูภาพความทรงจำต่างๆผ่านวิดีโอหรือที่อัดเสียงเก่าๆ
สื่อถึงความทรงจำที่กลับไปแก้ไม่ได้อีกแล้ว



กลับมาที่ Yoon คราวนี้เขาร่วงหล่นลงสู้พื้นดินแล้ว นั่นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เขาโดนทั้งโซ่ตรวนล่ามและยังมีหนามรอบตัวอีก แปลว่ายิ่งนานวัน
เขายิ่งดิ่งลงและติดกับเรื่องราวที่ผ่านมามากขึ้นไปอีก ถึงแม้เขาจะโกรธแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ และเมื่อมาดูอีกคัทหนึ่ง
ที่เขานอนกับม้า ม้านั้นเป็นสัญญะของอิสระ แต่เป็นอิสระที่ขาดความยั้งคิดและการควบคุม ก็เหมือนกับการขึ้นควบขี่ม้า
ที่ดูเหมือนจะมีอิสระในการออกเดินทางไปไหนรวดเร็วดั่งใจ แต่ในความเป็นจริงนั้นมันก็อันตรายเช่นกัน เมื่อเราไม่ได้เป็นคนควบคุมมันทั้งหมด
ม้าก็คือม้าไม่ได้เป็นส่วนนึงกับเรา เราแค่หยิบยืมอิสรภาพที่เราสร้างขึ้นมาเองจากตัวม้าเพื่อสร้างอิสระให้กับตัวเอง อีกนัยหนึ่งยังหมายถึงการเดินทาง
และความปราถนาได้เช่นกัน นั่นหมายความว่าในความสัมพันธุ์ของยูนนั้นเขาเอาแต่นึกถึงตัวเองและอยากได้อิสระ โดยไม่คำนึงถึงคนที่อยู่ข้างๆ
ทั้งความปราถนาและการออกเดินทาง ถ้าให้พูดง่ายๆก็คงเหมือนพวกผู้ชายชอบทิ้งแฟนไปเที่ยวไปปาร์ตี้ละเลยแฟนนั่นแหละครับ
สุดท้ายม้าล้ม ต้องมานอนหงอย ไม่สามารถทำอะไรหรือไปไหนต่อได้ และเธอคนนั้นก็ไม่อยู่กับเราอีกต่อไปแล้ว เมื่อเอามารวมกับยูนชุดแดง
ก็คงนึกออกนะครับผู้ชายเกเรจนแฟนทิ้งแต่ยังปากเก่งปากแข็งต่อหน้าคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองยังติดอยู่แท้ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่