รู้สึกยิ่งโตยิ่งหมด passion ในการขับเคลื่อนต่อ

ขอเหตุผลหน่อยได้มั้ยคะว่าทำไมรู้สึกยิ่งโตเป้าหมายในชีวิตยิ่งลดลงเรื่อยๆจนตอนนี้แทบจะไม่เห็นค่าในตัวเองแล้ว
จากที่เคยมั่นใจทำไมรู้สึกยิ่งเจออะไรๆมากขึ้นแทนที่จะเป็นแรงผลักดัน กำลังใจในการใช้ชีวิตต่อในอนาคตกลับเป็นการรู้สึกหมดแรงซะงั้น

ต้องขอบอกทุกคนนะคะว่าเราอายุแค่15ปี

เรายังเป็นเด็กน้อย เรารู้ เรายังอยู่ในสังคมแคบยังไร้ประสบการณ์ เรารู้ แต่เราสงสัยค่ะว่าถ้าเราหมดไฟตั้งแต่ตอนอายุเท่านี้แล้วถ้าเราต้องไปเจอกับสิ่งที่มันกว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไง เราจะรับมันไหวมั้ย

เราจะลองสรุปคร่าวๆนะคะ มันไม่ได้เละเทะอะไรขนาดนั้นแต่เราอ่อนไหวกับมันมาก

อนุบาล-แฮปปี้เวอร์ ไม่ต้องพูดก็รู้
ประถม-ปัญหาเด็กๆเล็กน้อย ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนั้น
ม.1-ปัญหาเริ่มเยอะ เกิดจากเราเองที่ไม่ใส่ใจเป็นปีที่รู้สึกว่าตัวเองเหลวแหลกมาก จากที่เคยได้4ทุกวิชาติด0ตั้งแต่เปิดเรียนได้ครึ่งเทอมคิดดูว่าสันดาน ยิ้มขนาดไหน

ม.2-ตั้งใจมากขึ้นแต่ยังไม่พอ ได้เรียนรู้การถูกเพื่อนหักหลังครั้งแรกแถมเป็นเพื่อนกลุ่มที่สนิทซะด้วย เกิดจากครูสั่งงานกลุ่ม5คนให้ทำนิทานแล้วเราเป็นคนที่วาดรูปได้สวยสุดในห้อง(โม้เล็กน้อย)เลยจับกลุ่มกับเพื่อนสนิท เราก็รับปากเพื่อนไว้ว่าจะวาดกับระบายสีให้เดี๋ยวเพื่อนจะได้ไปรวมเล่ม แต่เราเสียตรงที่ทำงานช้ามากก~ ยอมรับแหละส่วนนึงขี้เกียจทำด้วยเลยต้องมาปั่นตอนใกล้เดดไลน์ ยิ่งวันส่งใกล้เท่าไหร่เพื่อนก็ยิ่งมาทวงเราบ่อยขึ้นทุกวันๆวันละหลายๆรอบจนเราแบบประสาทเสีย ก็เข้าใจว่าอยากให้งานเสร็จแต่มากดดันเราอย่างเดียวมันก็เกินไปอ่ะเราทำอยู่คนเดียว อยากให้เพื่อนมาช่วยนะแต่ไม่รู้จะให้เพื่อนช่วยอะไรเพราะทุกอย่างมันอยู่ในหัวเราคนเดียวไง ที่ทำช้าเพราะอยากให้งานมันเพอร์เฟคที่สุดจนมันทำให้เราทะเลาะกับเพื่อนสนิท  ทะเลาะกันหนักมากจนตอนนั้นรู้สึกอยากหายไปจากโลกนี้เลย ไม่ได้อยากตายนะแค่ในหัวคืออยู่ในอวกาศ ห่างจากโลกห่างจากความวุ่นวายคืออยากจะหยุดตอนนั้นแล้วอ่ะ ยิ่งมารู้ทีหลังคือเพื่อนในกลุ่ม3คนแอบไปทำกันเงียบๆโดยไม่บอกเรากับเพื่อนสนิทเราเลย โดยคนที่เป็นแกนนำให้เหตุผลมาว่าแม่นางให้ทำแล้วไม่ต้องไปเอาคนที่จะเป็นตัวถ่วงมาร่วมด้วย คือตอนที่ได้ยินอ่ะโมโหมากๆแต่ก็ทำได้แค่ยิ้ม สุดท้ายเราก็ต้องมารวมกับเพื่อนสนิทที่เพิ่งทะเลาะกันมาจนงานเสร็จสมบูรณ์
มันจึงเป็นเหตุการณ์ที่แบบ บอกตรงๆนะรู้สึกว่าเพื่อนคนนั้นทุเรศมากเลยอ่ะที่ทำแบบนี้ แล้วคนอื่นก็ร่วมกันปิดด้วยนะบอกว่าเพื่อนไม่ให้บอกกว่าจะรู้คือครูทวงแล้วนางเอาขึ้นมาทำอ่ะถึงได้รู้ว่า เออ อินี่ไม่แคร์กูเลย 
แต่ตอนนั้นเรายังมีแรงฮึดที่จะทำให้เสร็จอ่ะ มันมีเส้นชัยถึงจะเหนื่อยแต่พอเราเคลียร์งานเสร็จมันก็โล่งก็สบายใจแล้วอ่ะแถมงานก็ออกมาดีมาก(รู้สึกสะใจเล็กน้อยที่เพื่อนที่แยกไปทำงานกันเงียบๆสุดท้ายก็ทำงานช้าไม่ต่างจากเราแถมคุณภาพไม่ดีเท่าด้วย)แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีเราก็หายโกรธ แต่เพื่อนสนิทเรานี่เกลียดนางไปเลย(แน่ละ ก็เพื่อนเราปฏิเสธไม่ให้นางเข้ากลุ่มเลยนะ)

ม.3-ปีปัจจุบัน ตอนแรกแฮปปี้ เราลดน้ำหนักเพิ่มความมั่นใจถึงจะอยู่ในเกณฑ์อวบแต่ก็เพิ่มความมั่นใจให้เราได้มากขึ้นเยอะ กล้าที่จะแสดงออกมากขึ้นจนเรากับเพื่อนสนิทได้ถูกรุ่นพี่ชวนไปเป็นหลีดสี ตอนนั้นคือตื่นเต้นมากจะทำได้มั้ยนะจะเป็นตัวถ่วงรึป่าว แต่เพื่อนเรามันอยากเป็นเราก็เลยไปเป็นเพื่อน ตอนแรกมันก็ดีนะซ้อมทุกวันสนุกดี แต่หลังๆที่มันต้องโชว์การเต้นซึ่งเราไม่มีพื้นฐานหรือเคยเต้นมาก่อนเลย ในขณะที่เพื่อนๆไปเต้นโคฟเวอร์กันเราก็ได้แต่มอง เพื่อนๆก็สนุกสนานคุยกันเข้าขากันได้ดีพอว่างจากการซ้อมก็จะชวนกันไปเต้นไปอะไรซึ่งเราทำได้แค่มองอยู่คนเดียว กลับบ้านไปแทนที่จะได้รับกำลังใจคนในบ้านกลับถามว่า'ระวังโดนไล่ออกนะ' 'ทำไมไม่ลดน้ำหนักเดี๋ยวก็ใส่ชุดไม่ได้หรอก'หรือเวลาที่เราพูดถึงเรื่องมีคนออกก็จะพูดว่า 'ทำไมไม่ออกบ้างละ'
เราไม่เข้าใจเลยว่าเราทำอะไรผิดถึงโดนพูดแบบนี้ ที่ลดไป15กก.นี่ไม่ใช่เพื่อนคนในครอบครัวให้ทำหรอ?ที่ได้เป็นหลีดนี่ไม่ใช่เพราะเราพยายามหรอ?ทำไมต้องพูดแบบนั้นอ่ะ เราปวดขามากจนเดินไม่ได้เพื่อนก็เมินแถมยังมาโดนพี่ด่าอีกว่าทำอะไรช้าทั้งที่เราเจ็บขาจนร้องไห้ ยิ่งวันนี้ทำให้เรารู้สึกว่า กูโครตไร้ค่าเลยว่ะ ท่าเต้นที่ควรจะได้ก็มีปัญหาตามไม่ทันทำไม่ได้ในขณะที่เพื่อนสนิทเราได้คำชมว่าเต้นสวยเต้นดี หน้าตาก็น่ารักเป็นคนเฟรนลี่กับทุกคนในขณะที่เรารู้จักเพียงแค่หยิบมือ เป็นตัวถ่วงจนพี่เค้าคิดว่าจะตัดเราออกจากหลีดแดนซ์ดีมั้ย คือใจแป๊วเลยนะพอได้ยินแบบนั้นแบบเราไม่ดีพอหรอ เราเลยขอให้เพื่อนเราซ้อมให้พยายามถามถึงอันที่เราไม่เข้าใจแต่นางก็เมินเราก็คิดว่าเพื่อนตั้งใจซ้อมอยู่ แต่หลายๆครั้งเข้าเราก็ยิ่งรู้สึกแย่ ถามกับตัวเองว่า ทำไมถึงเมินที่ถามวะ ทำไมถึงไม่สอนกูบ้างวะ ตอนนั้นงอนเพื่อนแล้วพยายามทำให้รู้ว่าเรางอนเธอนะสนใจเราหน่อย แต่เปล่าเลย พอเราไม่คุยด้วยก็ยังมีคนให้นางคุยอีกเยอะแยะในขณะที่ทุกคนสนุกสนานมีเราที่นั่งอยู่คนเดียวเหมือนเราไม่มีน้ำหนักกับใครเลย เราถึงรู้ว่าเออ ถ้ากูไม่มีเพื่อนคนนี้ กูมาไม่ถึงขนาดนี้หรอก ก็ยังคงเป็นloserที่ใครๆก็ต่างมองข้าม ทั้งที่เราก็พยายามทำให้คนอื่นเห็นแล้ว เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วแต่ทำไมมันยังไม่พออีก กลับมาเจอครอบครัวยังโดนดุทั้งที่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย พอเรางอนเราเงียบก็ด่าว่าเราไม่มีมารยาทถามก็ไม่ตอบ
เราคิดในใจเลย 'จะให้เอายังไงวะ? นี่ก็ยอมให้ตลอดแล้วนะ จะให้ยอมไม่เถียงไปตลอดชีวิตเลยหรอ?นี่คือเราต้องอดทนถึงเท่าไหร่ ต้องเก็บเอามาหงุดหงิดกับตัวเองขนาดไหนมีใครรู้กับเราบ้างมั้ย? กูไม่ใช่คนไม่มีหัวใจให้รู้สึกไม่มีปากให้พูดหรอวะ?'
จนตอนนี้เราอยากจะหยุดแล้ว อยากจะพอกับทุกอย่างแต่ทำไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้คือฝึกและอดทนเท่านั้น

บอกตามตรงเลยคืออิจฉาเพื่อนสนิทตัวเอง ทำไมเธอเก่งรอบด้านงี้อ่ะ ทั้งที่เป็นคนเอาแต่ใจแท้ๆ แต่ทำไมถึงมีแต่คนมารุมล้อมทำไมถึงมีแต่คนแคร์เธอมากกว่าเรา เธอรู้มั้ยว่ามีคนนึงที่เราเคยเป็นที่ปรึกษาให้มันเคยฟังมันร้องไห้ฟังมันระบายเป็นชั่วโมงๆแต่เวลามีปัญหามันกลับให้ความสำคัญกับเธอมากกว่าเรา ทั้งที่เธอไม่เคยทำอะไรให้มันแท้แต่มันกลับแคร์เธอมากกว่าเรา เธอบอกเวลาที่เธอมีปัญหาเธอมองไปไม่เห็นใครอยู่ข้างเธอ แต่เธอรู้มั้ยว่าถ้าเป็นเรื่องของเธอเราก็ไม่มีใครอยู่ข้างกายเราเหมือนกัน

จากที่เราไม่เคยคิดค่าตัวตาย คิดว่าเธอที่อยากฆ่าตัวตายยิ้มโครตปัญญาอ่อน ไร้สาระ แต่ตอนนี้เรากลับมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเองเลย คิดว่าเฮ้ยทำไมกูไม่ได้เรื่องอย่างนี้วะ กูทำได้แค่นี้จริงหรอโครตไร้ประโยชน์ ไม่อยากมองอนาคตเลยว่ามันจะลำบากซักอีกกี่เท่าเพราะแค่นี้เราก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่