ลุกไหว-ไม่ใช่ขาลง?

รู้แต้มทราบคะแนนกันไปแล้วกับการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จ.นครปฐม โดย กกต.ประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการ ของผู้สมัคร ส.ส. 7 ราย โฟกัสเฉพาะที่ 1–3
   
 
รู้แต้มทราบคะแนนกันไปแล้วกับการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จ.นครปฐม โดย กกต.ประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการ ของผู้สมัคร ส.ส. 7 ราย โฟกัสเฉพาะที่ 1–3
 
อันดับ 1 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 37,675 คะแนน อันดับ 2 นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ 28,216 คะแนน และอันดับ 3 นายสุรชัย อนุตธโต พรรคประชาธิปัตย์ 18,425 คะแนน
โฟกัสที่ผู้ชนะ “บิ๊กเตี้ย–เผดิมชัย” งานนี้แพ้ไม่ได้ ใช้โอกาสแก้ตัวจากคิวเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาสำเร็จ คนตระกูล “บ้านใหญ่นครปฐม” ไม่ผิดหวัง คะแนนพุ่งจาก 1 หมื่นกว่ารอบก่อนที่ปิ๋วไปอันดับ 4
ประเมินกันว่า กว่า 2.5 หมื่นคะแนนที่ประชาชนเทให้จนได้เข้าสภาฯอีกครั้ง เพราะหลายปัจจัยเอื้อ ไม่ว่าจะเป็นเดิมพันส่วนตัวและครอบครัวสะสมทรัพย์ ต้องรักษาฐานที่มั่น
อีกทางหนึ่ง เพราะคิวสับหว่างหลีกทาง พรรคพลังประชารัฐเว้นวรรค ไม่ส่งผู้สมัคร ทั้งที่รอบก่อนกวาดไปเกือบ 2 หมื่นแต้ม แต่เพราะยุทธศาสตร์ค่ายหลักรัฐบาล ไม่ตัดแต้มกันเอง เป็นปัจจัยหนุน “แต้มเพิ่ม”

ในภาวะรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียงปริ่มน้ำ ต้องวางกลยุทธ์เนียนๆ เพราะ 1 แต้มก็มีผล
และแน่นอนกับเสียงยินดีจากเจ้าของไอดีไลน์ T–Tiger อย่าง “บิ๊กตู่” ส่งถึงบิ๊กพรรคชาติไทยพัฒนาทันที หลังเกาะติดการนับคะแนน ก็น่าจะสะท้อนความสำคัญ
สรุปว่า คิวเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ ที่ทุกฝ่ายมองว่าเป็นแค่จุดเล็กๆ แต่แน่นอนย่อมสะเทือน
ภาพรวมใหญ่ มีหลาย “เดิมพัน” ที่แต่ละขั้วฝ่ายต้องลุยเต็มแรง รวมทั้งเจ้าของที่นั่ง ส.ส.เดิม อย่างค่ายอนาคตใหม่ ที่ถึงกับประกาศเป็นจุดวัดพลัง รัฐบาล-ฝ่ายค้าน
ชี้ไปถึงขั้นเป็นแรงหนุน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ทั้งสถานะ ส.ส. โยงไปถึงเรื่องชนักคดีของหัวหน้าพรรค
เร้ากระแสอุ้มเจ้าของแบรนด์สีส้ม วัดกับรัฐบาล ชนท็อปบูตกันเลย
อย่างไรก็ตาม ถึงผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่พ่ายแพ้ คะแนนเสียงที่ได้รับวูบหาย ก็เป็นอะไรที่หลายฝ่ายประเมินตรงกัน แม้ไม่ถึงขั้น “อนาคตดับ” แต่ 6 พันกว่าแต้มที่หายไป คงไม่ใช่เหตุเฉพาะ มีการเลือกตั้ง “วันพุธ” เพียงอย่างเดียวอย่างที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่บอก
ถึงจุดที่ค่ายการเมืองแห่งนี้ต้องกลับมาทบทวนท่าที โดยเฉพาะกับบทบาทการทำหน้าที่ในสภาฯ 3–4 เดือนที่ผ่านมาเหมือนกัน
กับปมหวาดเสียว ประเด็นแหลมๆคมๆที่ปล่อยกันออกมาต่อเนื่อง
ฮือฮาและสั่นสะเทือนวงการ แต่ที่แหลมที่คมย้อนกลับเข้าตัวเองเช่นกัน
โฟกัสเฉพาะช่วงก่อนถึงดีเดย์เลือกตั้งซ่อม ไม่ว่าจะเป็นคิวรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ กับปมที่ลั่นออกมาในเรื่องปรับเปลี่ยนมาตรา 1
การโหวตไม่รับ พ.ร.ก.โอนย้ายกำลังพลฯ พร้อมลูกเล่นกระทบกระแทก ทำให้กรณี ส.ส.แหกโผลงมติพรรค ไปจนถึงขั้นโวยระบบการบริหารงานในค่าย ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างที่โวขายกันสวยหรู
ขณะที่ท่าทีฝ่ายต่างๆชักไม่ปลื้มบทบาทค่ายสีส้ม โดยเฉพาะจากคิวเดี่ยวไมโครโฟนของบิ๊กกองทัพที่เหมือนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
แต่พุ่งเป้าถล่มค่ายการเมืองไหนก็อ่านกันได้
ยังไม่รวมกรณีสถานทูตจีนออกมากระตุกเตือนบทบาทข้ามประเทศของหัวหน้าพรรคการเมืองจากประเทศไทย พญามังกรจับจ้องค่ายสีส้มอย่างไม่ต้องสงสัย
เหตุชวนระทึกขวัญ เขย่าต่อมผวา ลูกค่ายชักนิ่งไม่ไหว
นั่นไม่รวมชนักเกือบ 20 คดี ทั้ง “ธนาธร” และแกนนำ รวมไปถึงกรรมการบริหารพรรค ที่จ่อคิวร้อน ทั้งปมถือหุ้นสื่อ ข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ปมปล่อยกู้ให้พรรค ฯลฯ
วันนี้ “ธนาธร” และพรรคพวก เอ่ยปากยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ก็ยังเสียงแข็งกับวลีปลุกปลอบใจ เพราะจัดเลือกตั้งวันพุธ–สู้กับเผด็จการ อำนาจไม่เป็นธรรม เหมือนดาบติดสนิม ไฟลนเดี๋ยวสนิมก็หลุดออก–ใครสู้กับพรรคถือว่าเป็นดาบเนื้อดี–วันนี้ขอสู้ต่อ
ล้มแล้วลุก–ไม่เห็นจะเป็น “ขาลง” ฯลฯ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกปัจจัยเกี่ยวโยง เหตุปราชัยเลือกตั้งซ่อมนครปฐม “ธนาธร”–อนาคตใหม่ ย่อมมีอาการซวนเซ นั่นยังไม่รวมธุรกิจครอบครัวที่เริ่มเข้าสู่สถานการณ์ไม่ปกติ
วันนี้ “ดาบสีส้ม” จะสนิมเขรอะหรือไม่ ล้มแล้วลุกไหวหรือเปล่า และไม่ใช่ “ขาลง” อย่างที่ว่าจริงหรือ
อนาคตกาลอีกไม่นานนัก จะบอกกับ “อนาคตใหม่” เอง.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

https://www.thairath.co.th/news/politic/1689761
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่