แม้จะเป็นศิษย์เก่าที่ฉายแววเก่งมาตั้งแต่สมัยค้าแข้งกับโบรุสเซีย เมินเชนกลัดบัค และอยู่กับต้นสังกัดมาถึง 3 ปีถ้วน แต่มาร์โค รอยส์ ก็ทำทีม “สิงห์หนุ่ม” เจ็บแสบได้เสมอเมื่อต้องกลับไปเจอทีมเก่าขณะอยู่ในสีเสื้อทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รอยส์เข้าร่วมสถานฝึกฟุตบอลเยาวชนของดอร์ทมุนด์ในปี 1996 แต่กลับถูกทีม “เสือเหลือง” เมินไม่ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสร กลัดบัคจึงดึงตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2009 และรอยส์ก็กลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าของทีมอย่างรวดเร็ว เมื่อได้เล่นในทีมชุดใหญ่และยิงประตูสำคัญให้ทีมได้หลายครั้ง โดยเฉพาะประตูที่ช่วยให้ทีมรอดตกชั้นในปี 2011 หลังจากนั้นเขาก็เหมาคนเดียว 18 ประตูในหนึ่งฤดูกาล พาทีมทะยานรั้งอันดับ 4 บนตารางลีกพร้อมคว้าตั๋วไปลุยศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกสำเร็จ
แข้งทีมชาติเยอรมนีรายนี้หวนกลับมายังถิ่นดอร์ทมุนด์อีกครั้งในฤดูกาล 2012/13 และแม้จะเป็นแข้งกระดูกยุงที่ต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ลงสนามช่วยทีมไปมากถึง 253 เกม ยิงได้ 121 ประตูในทุกรายการ รวมถึงประตูล่าสุดที่เขายิงให้ดอร์ทมุนด์เอาชนะกลัดบัคซึ่งกำลังบินสูงอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงไป 1-0 ประตูอย่างเจ็บแสบ
“เราต่างก็รู้ว่าช่วงเริ่มต้นของการออกตัววิ่งนี่แหละที่ยากลำบากจริงๆ และอาจตัดสินผลงานของฤดูกาลนี้ได้” รอยส์กล่าว “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการเก็บชัยชนะในช่วงเริ่มต้นคือสิ่งสำคัญ ผลมันออกได้ทั้งสองหน้า แต่เราดุดันและสร้างสรรค์โอกาสได้ สุดท้ายแล้วเราก็แฮปปี้ที่คว้าชัยมาได้”
ก่อนหน้านี้ดอร์ทมุนด์ไม่ชนะในเกมลีกมาสามนัดแล้วทั้งๆ ที่ออกนำจ่าฝูงอยู่ช่วงหนึ่ง แน่นอนว่าความทรงจำอันเลวร้ายในซีซั่นก่อนที่พวกเขาเกิดอาการฟอร์มช๊อตจนบาเยิร์น มิวนิคโกยแต้มแซงหน้าคว้าแชมป์ลีกไปด้วยแต้มห่างเพียง 2 คะแนนจะต้องกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอยู่บ้าง
มาร์โค รอยส์คือกำลังหลักในการขับเคลื่อนทัพเสือเหลืองขณะตอนนี้ เขาคือนักเตะที่มีเกียรติสูงสุดในสโมสร และเป็นตัวนำโชคของทีมทุกครั้งเมื่อต้องพบกับทีมโบรุสเซียคู่ปรับ โดยเขาพังประตูกลัดบัคมาแล้วถึง 17 ประตู แถมยังทำแอสซิสต์ได้อีก 11 ครั้ง
ประตูชัยของรอยส์ในเกมล่าสุดทำให้เขาถูกยกเป็น “แมนออฟเดอะแมตช์เดย์ที่ 8” พร้อมทำสถิติยิงประตูในบุนเดสลีกาซีซั่นนี้ไปแล้ว 5 ประตู สูงที่สุดในบรรดานักเตะเสือเหลือง และยังวิ่งรวมระยะทางสูงเป็นอันดับสองในทีมรองจากอัชราฟ ฮาคิมีเท่านั้น
“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามาร์โคไปอัดอั้นอะไรมา (หัวเราะ)” ยูเลียน บรันด์ท มิดฟิลด์เพื่อนร่วมทีมดอร์ทมุนด์กล่าวถึงรอยส์ ซึ่งบรันด์ทคืออีกหนึ่งนักเตะที่ทำผลงานยอดเยี่ยมยามต้องพบกับกลัดบัคเช่นกัน โดยในการพบกัน 12 นัด เขาเอาชนะไปได้ 10 นัดและยิงไป 9 ประตู “ก่อนหน้านี้น่าจะมีสักเกมสองเกมที่สร้างความลำบากให้รอยส์มากกว่านี้ แต่เขาโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนและยังตั้งมาตรฐานของตัวเองเอาไว้สูง เขาช่วยเราไว้อีกครั้งด้วยลูกยิงในเกมกับกลัดบัค ทีมของเราเชื่อมั่นในตัวมาร์โคมากๆ!”
ในเกมลีกนัดต่อไปรอยส์เตรียมนำทัพเสือเหลืองลงฟาดแข้งในเกม “เรเวียร์ดาร์บี้” พบกับชาลเค่อ ทีมคู่ปรับจากลุ่มแม่น้ำรัวร์ ตามด้วยโวล์ฟสบวร์ก ทีมที่ยังไร้พ่ายในซีซั่นนี้ และหลังจากนั้นก็จะไปชนกับบาเยิร์นในศึก “แดร์ คลาสสิกเคอร์” ถือเป็นเกมหนักๆ ทั้งนั้นและจะเป็นเครื่องตัดสินว่ากัปตันคนนี้จะพาทีมดอร์ทมุนด์ไปอยู่ตรงจุดไหนในตารางลีก
หลังคว้ารางวัลผู้เล่นเยอรมันยอดเยี่ยมแห่งปี 2019 รอยส์หมายมั่นจะคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ในสีเสือทีมดอร์ทมุนด์ให้ได้ แน่นอนว่ารอยส์ตั้งเป้าไปที่ถาดแชมป์บุนเดสลีกา เพราะเคยคว้าถ้วยเดเอฟเบ โพคาล และถ้วยเยอรมัน ซูเปอร์คัพมาแล้ว 3 สมัย
“ใครว่ามันง่ายที่จะคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ผมขอท้าเลย” รอยส์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น “มันยากมากที่รักษาฟอร์มให้คงเส้นคงวาให้ได้ในบุนเดสลีกา เราเคยเข้าใกล้แชมป์มาแล้ว แต่บาเยิร์นก็ทำได้ดีกว่านิดเดียวในช่วงเวลาที่สำคัญ มันคือขั้นตอนการเรียนรู้ ซึ่งเราก็ได้รับบทเรียนจากความผิดพลาด หวังว่าเราจะทำได้ดีกว่าเดิมในซีซั่นนี้”
credit : www.siamsport.co.th
“มาร์โค รอยส์” แมนออฟเดอะแมตช์เดย์ 8
แข้งทีมชาติเยอรมนีรายนี้หวนกลับมายังถิ่นดอร์ทมุนด์อีกครั้งในฤดูกาล 2012/13 และแม้จะเป็นแข้งกระดูกยุงที่ต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ลงสนามช่วยทีมไปมากถึง 253 เกม ยิงได้ 121 ประตูในทุกรายการ รวมถึงประตูล่าสุดที่เขายิงให้ดอร์ทมุนด์เอาชนะกลัดบัคซึ่งกำลังบินสูงอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงไป 1-0 ประตูอย่างเจ็บแสบ
“เราต่างก็รู้ว่าช่วงเริ่มต้นของการออกตัววิ่งนี่แหละที่ยากลำบากจริงๆ และอาจตัดสินผลงานของฤดูกาลนี้ได้” รอยส์กล่าว “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการเก็บชัยชนะในช่วงเริ่มต้นคือสิ่งสำคัญ ผลมันออกได้ทั้งสองหน้า แต่เราดุดันและสร้างสรรค์โอกาสได้ สุดท้ายแล้วเราก็แฮปปี้ที่คว้าชัยมาได้”
ก่อนหน้านี้ดอร์ทมุนด์ไม่ชนะในเกมลีกมาสามนัดแล้วทั้งๆ ที่ออกนำจ่าฝูงอยู่ช่วงหนึ่ง แน่นอนว่าความทรงจำอันเลวร้ายในซีซั่นก่อนที่พวกเขาเกิดอาการฟอร์มช๊อตจนบาเยิร์น มิวนิคโกยแต้มแซงหน้าคว้าแชมป์ลีกไปด้วยแต้มห่างเพียง 2 คะแนนจะต้องกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอยู่บ้าง
มาร์โค รอยส์คือกำลังหลักในการขับเคลื่อนทัพเสือเหลืองขณะตอนนี้ เขาคือนักเตะที่มีเกียรติสูงสุดในสโมสร และเป็นตัวนำโชคของทีมทุกครั้งเมื่อต้องพบกับทีมโบรุสเซียคู่ปรับ โดยเขาพังประตูกลัดบัคมาแล้วถึง 17 ประตู แถมยังทำแอสซิสต์ได้อีก 11 ครั้ง
ประตูชัยของรอยส์ในเกมล่าสุดทำให้เขาถูกยกเป็น “แมนออฟเดอะแมตช์เดย์ที่ 8” พร้อมทำสถิติยิงประตูในบุนเดสลีกาซีซั่นนี้ไปแล้ว 5 ประตู สูงที่สุดในบรรดานักเตะเสือเหลือง และยังวิ่งรวมระยะทางสูงเป็นอันดับสองในทีมรองจากอัชราฟ ฮาคิมีเท่านั้น
“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามาร์โคไปอัดอั้นอะไรมา (หัวเราะ)” ยูเลียน บรันด์ท มิดฟิลด์เพื่อนร่วมทีมดอร์ทมุนด์กล่าวถึงรอยส์ ซึ่งบรันด์ทคืออีกหนึ่งนักเตะที่ทำผลงานยอดเยี่ยมยามต้องพบกับกลัดบัคเช่นกัน โดยในการพบกัน 12 นัด เขาเอาชนะไปได้ 10 นัดและยิงไป 9 ประตู “ก่อนหน้านี้น่าจะมีสักเกมสองเกมที่สร้างความลำบากให้รอยส์มากกว่านี้ แต่เขาโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตั้งแต่ซีซั่นก่อนและยังตั้งมาตรฐานของตัวเองเอาไว้สูง เขาช่วยเราไว้อีกครั้งด้วยลูกยิงในเกมกับกลัดบัค ทีมของเราเชื่อมั่นในตัวมาร์โคมากๆ!”
ในเกมลีกนัดต่อไปรอยส์เตรียมนำทัพเสือเหลืองลงฟาดแข้งในเกม “เรเวียร์ดาร์บี้” พบกับชาลเค่อ ทีมคู่ปรับจากลุ่มแม่น้ำรัวร์ ตามด้วยโวล์ฟสบวร์ก ทีมที่ยังไร้พ่ายในซีซั่นนี้ และหลังจากนั้นก็จะไปชนกับบาเยิร์นในศึก “แดร์ คลาสสิกเคอร์” ถือเป็นเกมหนักๆ ทั้งนั้นและจะเป็นเครื่องตัดสินว่ากัปตันคนนี้จะพาทีมดอร์ทมุนด์ไปอยู่ตรงจุดไหนในตารางลีก
หลังคว้ารางวัลผู้เล่นเยอรมันยอดเยี่ยมแห่งปี 2019 รอยส์หมายมั่นจะคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ในสีเสือทีมดอร์ทมุนด์ให้ได้ แน่นอนว่ารอยส์ตั้งเป้าไปที่ถาดแชมป์บุนเดสลีกา เพราะเคยคว้าถ้วยเดเอฟเบ โพคาล และถ้วยเยอรมัน ซูเปอร์คัพมาแล้ว 3 สมัย
“ใครว่ามันง่ายที่จะคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ผมขอท้าเลย” รอยส์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น “มันยากมากที่รักษาฟอร์มให้คงเส้นคงวาให้ได้ในบุนเดสลีกา เราเคยเข้าใกล้แชมป์มาแล้ว แต่บาเยิร์นก็ทำได้ดีกว่านิดเดียวในช่วงเวลาที่สำคัญ มันคือขั้นตอนการเรียนรู้ ซึ่งเราก็ได้รับบทเรียนจากความผิดพลาด หวังว่าเราจะทำได้ดีกว่าเดิมในซีซั่นนี้”
credit : www.siamsport.co.th