สวัสดีค่ะ เอาข้อมูลมาฝากสำหรับคนที่อยู่ในอเมริกาแล้วเป็น Permanent Resident หรือว่าเป็น Citizen นะคะ
เมื่อหลายปีก่อนมีข้อบังคับว่าทุกคนจะต้องมีประกันสุขภาพ ไม่งั้นก็จะโดนปรับตอนเสียภาษี มาปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่มีค่าปรับแล้ว นุ่นเองก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่อยากซื้อประกันแล้วก็ไม่อยากไปหาหมอ เพราะไม่อยากจ่ายตัง แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าปีนี้เค้ายกเลิกค่าปรับนุ่นก็เลยยังมีประกันอยู่
ถ้าใครไม่รู้จะไปเริ่มตรงไหนดี ให้ไปที่ HealthCare.gov เดือนหน้าจะเริ่มเปิดรับสมัครของปี 2020 ถ้าเราครบเงื่อนไขเราก็จะได้ประกันสุขภาพมาฟรีๆ
ระบบของที่นี่จะให้คนทุกคนไปซื้อประกัน ส่วนใครรายได้น้อย รัฐก็จะอุดหนุนโดยให้เป็น Tax Credit
(ในทางทฤษฎี) เมื่อทุกคนซื้อประกัน เบี้ยประกันก็จะถูกลง เวลาไปรักษาพยาบาลโรงพยาบาลก็จะเรียกเก็บบริษัทประกันอีกที
แต่
ความคุ้มครองก็ขึ้นอยู่กับประกันเราด้วย รายละเอียดในการเลือกประกัน นุ่นเคยเขียนไว้ที่นี่
https://medium.com/this-is-noon/healthcare-gov-pick-a-plan-69d894bbc210
นุ่นเลือก Insurance แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ก็จะได้แพลนแบบง่อยๆหน่อย มาดูกันว่าได้อะไรบ้าง
...
ตอนกลับไทยไปนุ่นไปใช้สิทธิ์ตรวจร่างกายประกันสังคมที่ศิริราชแต่รอคิวตรวจภายในไม่ไหว พอกลับมาที่อเมริกาก็เลยมาตรวจอีกรอบ ปกติพวก Preventive Care นี่จะฟรีอยู่แล้ว ก็เลยได้พบแพทย์ ตรวจเลือด ตรวจภายใน หมอบอกให้ ตรวจ Mammogram ด้วย
อันนี้ช็อค อายุถึงเกณฑ์แล้วหรอ
โอเคตรวจก็ตรวจ
ตรวจเสร็จ คลินิกโทรมาให้มาตรวจซ้ำ
ช็อค รอบสอง
รอไปตรวจเมืองไทยดีมั้ย หรือจะเป็นมะเร็งเต้านม
ถ้ารอตอนไปเมืองไทย กว่าจะได้ตรวจมะเร็งน่าจะลุกลามละ
ตัดใจ ตรวจก็ตรวจ คราวนี้โดนตรวจละเอียด ทั้ง X Ray และ Ultrasound
แล้วหมอก็บอกว่าปกติค่ะ แค่มี Dense Tissue
เฮ่อออ โล่งอก
...
วันดีคืนดี มีช็อกรอบสาม
มีบิลมาเก็บตังค์ที่บ้าน ก็ไม่เยอะนะแค่ $80 แต่ไม่ต้องตกใจ
เรามีเงินที่ประกันให้เรามา
เพราะประกันอยากให้เรารักษาสุขภาพ ก็จะให้เงินรางวัลหากเราทำตามเงื่อนไขของบริษัท เช่นไปตรวจสุขภาพก็จะได้ตังค์ด้วย เราก็เอาตังค์ตรงนี้มาจ่ายค่าหมอได้ อันนี้คือที่มาว่าทำไมไปหาหมอไม่ต้องเสียตังค์
นุ่นเองอย่างที่บอกว่าไม่ค่อยป่วย ความเสี่ยงน้อย ก็จะไม่ค่อยได้ใส่ใจกับประกันสุขภาพ
อยู่มาวันดีคืนดี กำลังจะกินข้าวกลางวัน เอาไขไปอุ่นในไมโครเวฟ แล้วไข่ระเบิดใส่หน้า หน้าแหก แง >_<”
มันก็ถึงคราวจำเป็นต้องไปหาหมอละ สรุปว่าไป ER จ่ายค่าหมอ $10 และแน่นอนเอาตังค์จาก Insurance จ่ายได้
นอกจากนั้นยังได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีอีกด้วย
สุดท้าย อยากให้ทุกคนมีประกันสุขภาพ ยิ่งรายได้น้อย ยิ่งต้องใช้สิทธิ์ อันนี้เอาค่าใช้จ่ายมาให้ดู ถ้าไม่มีประกันคงต้องจ่ายแพงกว่านี้
แต่
ถ้าใครตอนนี้ไม่มีประกันสุขภาพแล้วสนใจฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ที่ PlanParenthood มีโครงการฉีดแบบเก้าสายพันธุ์ฟรี ไปสอบถามได้ เพราะราคาปกติเข็มนึงก็หลายร้อยเหรียญ
จบแล้วค่า ใครมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับประกันสุขภาพก็มาแชร์กันได้นะคะ
ไปหาหมอฟรี ที่อเมริกา
เมื่อหลายปีก่อนมีข้อบังคับว่าทุกคนจะต้องมีประกันสุขภาพ ไม่งั้นก็จะโดนปรับตอนเสียภาษี มาปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่มีค่าปรับแล้ว นุ่นเองก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่อยากซื้อประกันแล้วก็ไม่อยากไปหาหมอ เพราะไม่อยากจ่ายตัง แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าปีนี้เค้ายกเลิกค่าปรับนุ่นก็เลยยังมีประกันอยู่
ถ้าใครไม่รู้จะไปเริ่มตรงไหนดี ให้ไปที่ HealthCare.gov เดือนหน้าจะเริ่มเปิดรับสมัครของปี 2020 ถ้าเราครบเงื่อนไขเราก็จะได้ประกันสุขภาพมาฟรีๆ
ระบบของที่นี่จะให้คนทุกคนไปซื้อประกัน ส่วนใครรายได้น้อย รัฐก็จะอุดหนุนโดยให้เป็น Tax Credit
(ในทางทฤษฎี) เมื่อทุกคนซื้อประกัน เบี้ยประกันก็จะถูกลง เวลาไปรักษาพยาบาลโรงพยาบาลก็จะเรียกเก็บบริษัทประกันอีกที
แต่
ความคุ้มครองก็ขึ้นอยู่กับประกันเราด้วย รายละเอียดในการเลือกประกัน นุ่นเคยเขียนไว้ที่นี่
https://medium.com/this-is-noon/healthcare-gov-pick-a-plan-69d894bbc210
นุ่นเลือก Insurance แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ก็จะได้แพลนแบบง่อยๆหน่อย มาดูกันว่าได้อะไรบ้าง
...
ตอนกลับไทยไปนุ่นไปใช้สิทธิ์ตรวจร่างกายประกันสังคมที่ศิริราชแต่รอคิวตรวจภายในไม่ไหว พอกลับมาที่อเมริกาก็เลยมาตรวจอีกรอบ ปกติพวก Preventive Care นี่จะฟรีอยู่แล้ว ก็เลยได้พบแพทย์ ตรวจเลือด ตรวจภายใน หมอบอกให้ ตรวจ Mammogram ด้วย
อันนี้ช็อค อายุถึงเกณฑ์แล้วหรอ
โอเคตรวจก็ตรวจ
ตรวจเสร็จ คลินิกโทรมาให้มาตรวจซ้ำ
ช็อค รอบสอง
รอไปตรวจเมืองไทยดีมั้ย หรือจะเป็นมะเร็งเต้านม
ถ้ารอตอนไปเมืองไทย กว่าจะได้ตรวจมะเร็งน่าจะลุกลามละ
ตัดใจ ตรวจก็ตรวจ คราวนี้โดนตรวจละเอียด ทั้ง X Ray และ Ultrasound
แล้วหมอก็บอกว่าปกติค่ะ แค่มี Dense Tissue
เฮ่อออ โล่งอก
...
วันดีคืนดี มีช็อกรอบสาม
มีบิลมาเก็บตังค์ที่บ้าน ก็ไม่เยอะนะแค่ $80 แต่ไม่ต้องตกใจ
เรามีเงินที่ประกันให้เรามา
เพราะประกันอยากให้เรารักษาสุขภาพ ก็จะให้เงินรางวัลหากเราทำตามเงื่อนไขของบริษัท เช่นไปตรวจสุขภาพก็จะได้ตังค์ด้วย เราก็เอาตังค์ตรงนี้มาจ่ายค่าหมอได้ อันนี้คือที่มาว่าทำไมไปหาหมอไม่ต้องเสียตังค์
นุ่นเองอย่างที่บอกว่าไม่ค่อยป่วย ความเสี่ยงน้อย ก็จะไม่ค่อยได้ใส่ใจกับประกันสุขภาพ
อยู่มาวันดีคืนดี กำลังจะกินข้าวกลางวัน เอาไขไปอุ่นในไมโครเวฟ แล้วไข่ระเบิดใส่หน้า หน้าแหก แง >_<”
มันก็ถึงคราวจำเป็นต้องไปหาหมอละ สรุปว่าไป ER จ่ายค่าหมอ $10 และแน่นอนเอาตังค์จาก Insurance จ่ายได้
นอกจากนั้นยังได้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีอีกด้วย
สุดท้าย อยากให้ทุกคนมีประกันสุขภาพ ยิ่งรายได้น้อย ยิ่งต้องใช้สิทธิ์ อันนี้เอาค่าใช้จ่ายมาให้ดู ถ้าไม่มีประกันคงต้องจ่ายแพงกว่านี้
แต่
ถ้าใครตอนนี้ไม่มีประกันสุขภาพแล้วสนใจฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ที่ PlanParenthood มีโครงการฉีดแบบเก้าสายพันธุ์ฟรี ไปสอบถามได้ เพราะราคาปกติเข็มนึงก็หลายร้อยเหรียญ
จบแล้วค่า ใครมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับประกันสุขภาพก็มาแชร์กันได้นะคะ