[CR] -[9999] ทริปเร่งด่วน หนีพายุไป Kyushu : Fukuoka, Nagasaki, Beppu, Yufuin, Kumamoto

สวัสดีครับ ได้กลับมาเขียนรีวิวอีกครั้ง 
รอบนี้เราไปญี่ปุ่นมา แพลนตอนแรกจองตั๋ว Singapore Airline ไว้จะไปโตเกียวช่วง 12-15 ตุลาคม 2562
แต่เนื่องจากช่วงนั้นพายุฮากิบิสเข้าพอดี เลยวางแผนจะไปเปลี่ยนตั๋วใหม่ วุ่นวายพอสมควร เป็นประสบการณ์ชีวิตดี แต่ด้วยความเป็นนักท่องเที่ยว เราจะไม่ลางานเสียทิ้งแน่นอน จะเป็นยังไง ตามมาอ่านกันเลย .. เย้ๆ


ตามแพลนเดิมตั๋ว Singapore Airline ของเราออกจาก กทม ช่วงเย็นวันที่ 11 ตุลาคม เปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ และต่อไปโตเกียว 
ถึงวันที่ 12 ตุลาคมตอนเช้า แล้วกลับช่วงคืน 15 ถึงไทยเช้า 16 แต่เนื่องจากมีข่าวพายุที่ค่อนข้างหนักจะเข้าวันที่ 12-13 ตุลาคมพอดี 
เลยว่าจะไปเปลี่ยนตั๋วกัน กลัวไปติดแหง็กที่สนามบิน กะไปเที่ยวไหนต่อไหนไม่สะดวก 

เช้าวันที่ 11 เราตรงไปที่สำนักงานของสายการบินตรงสาธร ซึ่ง ณ ตอนนั้นสายการบินยังทำการบินตามปกติ 
เพราะเวลาที่เครื่องลงพายุยังไม่เข้า จึงไม่มีการยกเลิกไฟลต์ใดๆ แต่เราจะเลื่อนไฟลต์เปลี่ยน Route ถามๆแล้วมีค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 ต่อคน 
คิดหนักเลย 555 

เจ้าหน้าที่ที่ Singapore Airline แนะนำค่อนข้างดี เสิร์ชไฟลต์ หาราคาตั๋ว และแนะนำอื่นๆได้ดีเลย 
สรุปเราลงตัวที่จะเลื่อนตั๋วออกไปก่อน เปิด Open ไว้ ค่อยมาบุ๊กกิ้งใหม่อีกที ตั๋วที่จองมีอายุ 1 ปี ค่อยว่ากัน 

ส่วนทริปที่จะไปรอบนี้ดูไว้ที่ Fukuoka เลยไปจองสายการบิน Low cost แทน ซึ่งได้ตั๋วของ Thai Lion Air ราคาถูกเลยทีเดียว 
คนละประมาณ 6,xxx รวมโหลดน้ำหนักกระเป๋าก็ประมาณ 7,xxx บาท ถูกกว่าเลื่อน Singapore Airline อีก 
อันนั้นก็เก็บไว้ก่อน อาจใช้ไปดูซากุระ หรือไปยุโรปแทน ซึ่งตั๋วที่ได้บินคืนวันที่ 12 ตุลาคม ถึงเช้าวันที่ 13 
ส่วนขากลับ กลับเช้าวันที่ 16 ถึงเที่ยงวันเดียวกัน รวมมีเวลาประมาณ 3 วัน 3 คืน

คราวนี้แพลนๆที่เคยคิดๆไว้เปลี่ยนใหม่หมด 555 ฟูจิ ดิสนีย์แลนด์ เจอกันรอบหน้าน้าา 
เรามาแพลนคิวชูใหม่ จองโรงแรม หาที่ไป หาตั๋วรถไฟ ทั้งหมดภายใน 1 วัน ลงตัวที่ไปลงสนามบิน Fukuoka 
นั่งรถไฟไปเที่ยว Nagasaki, Beppu,Yufuin และ Kumamoto (จขกท เคยไปคิวชูแล้วรอบนึง แต่ไปแค่บางที่รอบนี้ไปเก็บที่ที่ไม่เคยไปเพิ่ม)
โดยตั๋วรถไฟซื้อ North Kyushu Pass 3 days ราคาประมาณคนละสองพันสี่กว่าบาท ซื้อจาก HIS แล้วเอาไปแลกที่สถานี Hakata 
ส่วนโรงแรมก็จองแถวสถานี Hakata เลย เพราะเราจะออกไปนอกเมืองแทบทุกวัน 
ราคารวมสามคืนประมาณเจ็ดพันสอง ห้องดี โลเคชั่นดี พนักงานดี คุ้มค่ามากมาย

พร้อมแล้ว เก็บกระเป๋าใหม่ ออกเดินทางกันเลย นี่เหนื่อยกันตั้งแต่ยังไม่ออกจากไทยเลย 

มาถึงสนามบินก่อนเวลาบินประมาณสามชั่วโมงครึ่ง เค้าเตอร์เชคอินโล่ง ไม่มีคนรอคิวเลย เจ้าหน้าที่ให้เชคอินได้ก่อนเลย 
ผ่านตรวจกระเป๋า ผ่าน ตม. รวมใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที. Boarding time 23.05 มีเวลาอีก 3 ชม. ไปทำอะไรดี 555

หลังจากช้อปปิ้ง Duty free แล้ว เข้าไปนั่งรอใน Lounge ละกัน ใช้บัตร Priorty Pass เข้า Miracle Lounge 


นั่งเล่น นั่งรอ กินอาหารไปเรื่อยๆ ใกล้เวลาก็ไปรอที่ Gate เครื่องดีเลย์เล็กน้อย กว่าจะออกได้ก็เที่ยงคืนครึ่ง   
 

เครื่องไป Fukuoka ของ Thai Lion Air เป็นเครื่องเล็ก ที่นั่งแบบ 3-3 ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ตามสไตล์ Low cost 
นั่งไปหลับๆ ตื่นๆ บนเครื่องมีขนมกับน้ำเล็กน้อยให้กินได้ บินประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆ เครื่องก็แลนด์สนามบิน Fukuoka

วิวสวยๆ บนเครื่องตอนใกล้ๆแลนด์


รอคิว ตม. ค่อนข้างนานประมาณชั่วโมงนึง คนเยอะพอสมควร ไฟลต์ลงตอนเช้ามีเครื่องจากไทยทั้ง AirasiaX Thailion air และการบินไทย 
แถมยังมีสายการบินจากที่อื่นอีก ออกมาจาก ตม. กระเป๋าก็ออกมาตั้งเรียงไว้หมดแล้ว รับกระเป๋าแล้วเข้าเมืองกันเลย

วิธีการเข้าเมืองมีทางเลือกคือ รถเมล์ หรือรถไฟ .. ถ้าจะไปรถไฟต้องขึ้น Shuttle Bus ไปอาคารในประเทศ เราเลยเลือกขึ้นรถเมล์ไปละกันสบายๆ 

เดินออกมารอที่ป้ายเบอร์ 2 เข้าไปที่สถานี Hakata ซึ่งเป็นสถานีรถไฟศูนย์กลางของ Kyushu เลย วิธีการขึ้นคือ ต่อแถว เข้าประตูด้านหลัง 
ตอนขึ้นให้ดึงบัตรออกมา 1 ใบต่อคน ในบัตรจะมีหมายเลขอยู่ ตอนลงก็ดูที่จอว่าหมายเลขของเราราคาเท่าไหร่ 
หยอดเหรียญเท่าราคาค่าโดยสารลงกล่องข้างคนขับพร้อมบัตรนั้นเลย ไม่ยากๆ 
ถ้าไม่มีเหรียญก็สอดแบงค์แลกเหรียญได้ตรงคนขับเช่นกัน (แบงค์ 1,000 เยนนะ)

เห็นเสานี้แล้วเดินไปรอคิวที่ป้ายเบอร์ 2 ได้เลย

หยิบบัตรคนละใบจากตู้นี้

ตอนลงก็เตรียมเงินให้พอดีหยอดลงกล่อง ค่าโดยสาร 270 เยนต่อคน


ลงรถที่สถานี Hakata อันดับแรกเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมก่อนเลย อยู่ไม่ไกลจากสถานี เดินไม่ถึง 5 นาที 
ฝากกระเป๋าแล้วเดินตัวปลิวมาแลกตั๋วรถไฟ ปรากฎว่าคิวรอแลกตั๋ว JR Pass ยาวมาก รอประมาณ 1.30 ชม. น่าจะได้ .....  
ระหว่างรอ เสิร์ชแพลนของทุกวันที่เหลือ จองรอบรถไฟให้เสร็จเลยทั้งสามวัน 
รวมแลกตั๋วจองที่นั่งมาสองคนรวมประมาณ 14 ใบ 555 ไหนๆก็ต่อคิวละ จองให้เสร็จเลย 

ได้ตั๋วแล้วไปขึ้นรถไฟไปเมืองนางาซากิเลย (Nagasaki) เมืองสำคัญของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสองเมืองที่โดนสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณู
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (อีกหนึ่งเมืองคือ Hiroshima) เรานั่งรถไฟ JR ขบวน Kamome17 เวลา 11.55-13.50 
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ซื้อข้าวกล่องสถานีกินกันบนรถนั่นแหละ นอนๆตื่นๆ ดูวิวซักพัก รถไฟก็จอดที่สถานี Nagasaki

มาที่นี่วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการใช้รถราง ซึ่งสามารถไปได้แทบทุกที่ในเมือง ซื้อแบบ One-day Pass ราคา 500 เยน 
โดยสามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟ Nagasaki ตรง Counter Information แถวๆประตูทางออกจากชานชาลารถไฟเลย

ได้ตั๋วรถราง One-day Pass แล้ว ไปลุยกันเลย

เดินข้ามสะพานมาขึ้นรถรางไปสถานที่แรก มองกลับไปฝั่งสถานีรถไฟ

อากาศดี กำลังสบายๆ มีแดดแต่ไม่ร้อน


สถานที่แรกไปที่สวนสันติภาพ และพิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู ขึ้นรถรางไปลงสถานี Matsuyama-mashi เบอร์ 19 
แล้วเดินออกไปที่สวนสันติภาพ (Peace Park) ไม่ไกลๆ มองไปเห็นบันไดเลื่อนอยู่ ไปทางนั้นแหละ ....


ขึ้นบันไดเลื่อนไปด้านบน ภายในสวนมีน้ำพุอยู่ เดินเข้ามาด้านในก็มีรูปปั้น ประติมากรรมต่างๆ เยอะแยะมากมาย 
แต่ที่ใหญ่โดดเด่นที่สุดก็คงเป็น Peace Statue


มีสายรุ้งที่น้ำพุด้วย สวยมากๆ

Peace Statue .......


หลังจากนั้นเดินออกมาไปยังบริเวณที่เรียกว่า Atomic Bomb Epicenter เรียกว่าเป็นจุดศูนย์กลางของระเบิด 
มีซากโบสถ์ที่เหลืออยู่เสาเดียว และมีชั้นใต้ดินที่แสดงให้ดูถึงความร้อนจากการระเบิดที่ละลายทุกอย่างลงมาฝังอยู่ใต้ดิน

เดินตามทางเข้าไป

ภายในสวนตรงกลางจะมีเสาแท่งนึง แทนตำแหน่งศูนย์กลางของระเบิด



ภาพแสดงรัศมีการทำลายล้างของระเบิด ซึ่งมีทั้งแรงระเบิดและความร้อนสูงมากๆ คนที่อยู่ในรัศมีใกล้ๆจะไหม้เหลือแต่กระดูกทันที
ส่วนที่ไกลๆหน่อยก็มีแผลไหม้ทั้งตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไปเสียชีวิตทีหลัง ..


หลังจากนั้นเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะเจอกับพิพิธภัณฑ์ Nagasaki Atomic Bomb Museum ซื้อตั๋วเข้าชมราคาถูกเพียง 200 เยน 
เข้าไปชมด้านใน ด้านในแสดงถึงวิธีการระเบิด ภาพเหตุการณ์ สิ่งของจริงๆหลังเกิดเหตุการณ์ และสิ่งอื่นๆเยอะแยะมากมาย
ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในวันที่เกิดระเบิดในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 ใครมาที่นี่แนะนำให้มาพิพิธภัณฑ์นี้ด้วย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เศร้ามากจริงๆ .... 
คนญี่ปุ่นบอบช้ำจากสงครามมามากมาย นี่คงเป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้คนญี่ปุ่นมีระเบียบวินัย และช่วยกันสร้างชาติขึ้นมาใหม่จนเจริญเหมือนทุกวันนี้

เดินข้ามสะพาน แล้วขึ้นบันไดไป จะเป็น museum

ไม่มีรูปในพิพิธภัณฑ์เท่าไหร่ ไม่กล้าถ่าย บรรยากาศมันเศร้าๆอ่ะ ใช้เวลาพอสมควร ไปเที่ยวต่อดีกว่า .......

เสร็จแล้วออกไปเที่ยวต่อ นั่งรถรางไปลงที่สถานี Oura Tenchudo-Shita เบอร์ 50 เพื่อไป Glover Garden 
(ต้องไปเปลี่ยนสายที่สถานี Tsuki-Machi เบอร์ 31) เดินออกไปไม่ไกลจะเจอกับ Glover Hill เป็นทางลาด
มีร้านขายของสองข้าง มองไปด้านล่างเป็นแม่น้ำ บรรยากาศดีมาก กินพุดดิ้งชื่อดังเจ้าอร่อยไปด้วย ดีงามมาก 
ใครมาอย่าลืมมากินเจ้านี้นะ .. (ปล.ไอติมSoft Cream ก็ดีงามเช่นกัน)


พุดดิ้งกับ Softcream เจ้านี้ดีงาม คนต่อคิวเยอะพอสมควร


เดินมาด้านบนจะมีโบสถ์อยู่ ไม่ได้เข้าไปชมอะ


มาถึงแล้ว Glover Garden ที่นี่เดิมเป็นบ้านของ Mr.Thomas Glover ที่เป็นพ่อค้าชาวอังกฤษ ที่มาค้าขายที่นี่ 
บ้านอยู่บนภูเขาที่มองลงมาจะเห็นวิวของเมืองนางาซากิเกือบทั้งเมือง ค่าเข้าจะอยู่ที่ 620 เยน 
ตอนที่ไปยังมีบางส่วนที่ปิดปรับปรุงจากแผ่นดินไหวอยู่ ขึ้นไปดูวิวด้านไปกับบ้านด้านบนได้
 

บันไดเลื่อนยาวๆ สัญลักษณ์นึงของที่นี่

บรรยากาศสวนด้านบน ชิวๆดี

วิวเมืองนางาซากิ สวยมากๆ

เรานั่งรถรางกลับไปเพื่อไปดูวิวบนเข้าอีกที่นึง ชื่อ Mt.Inasa โดยจะมีกระเช้า Nagasaki Ropeway ขึ้นไป 
ลงรถรางที่สถานี Takara-Machi เบอร์ 25 แล้วเดินออกมา ตอนแรกคิดว่าไม่ไกลเท่าไหร่ ไปๆมาๆ ก็ประมาณ 1 กิโลเมตร
เหนื่อยดีเลย ค่ากระเช้าพงหน่อย คนละประมาณ 1,200 เยน ส่วนด้านบนอากาศหนาวทีเดียว วิวกลางคืนสวยมาก 

ระหว่างทางเดินไป

วิวด้านบนเขาตอนค่ำ สวยมากๆ

เราอยู่กันไม่นานเพราะจองรถกลับไว้ ประมาณ 19.55 ต้องรีบไปขึ้นรถไฟ 

กลับมาถึง รร ก็สี่ทุ่มกว่า ซื้อขนมเซเว่นหน้า รร กินเพิ่ม แล้วหลับเลย
พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเที่ยวต่อ นอนเอาแรงก่อนนนนน ..

ไว้เด๋วมาเล่าต่อน้าาา ... รออ่านกันด้วย
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่น คิวชู
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่