วันนี้ผมขอพาทุกท่านไปชมเรื่องราวของการซ่อมหนังสือที่ของหอสมุดแห่งชาติ เพื่อดูว่าการซ่อมหนังสือนั้นมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไร? เพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้ที่สนใจเรื่องกับการซ่อมหนังสือ ตามไปชมกันเลยครับ
หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการซ่อมหนังสือของหอสมุดแห่งชาตินั้น จะดำเนินงานโดยกลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือ โดยจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ การซ่อมแซมหนังสือทั่วไปที่ให้บริการอยู่ในห้องต่างๆ ในหอสมุดแห่งชาติ และอีกส่วนคือการซ่อมแซมหนังสือหายาก คัมภีร์ใบลานและสมุดไทย
งานซ่อมหนังสือทั่วไป
-การซ่อมหนังสือทั่วไปก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือหนังสือปกแข็งและหนังสือปกอ่อน สำหรับหนังสือปกอ่อนจะมีการเย็บเล่มด้วยลวด (คล้ายๆ แม๊กเย็บกระดาษทั่วไป) ส่วนใหญ่ถ้าทางหอสมุดแห่งชาติได้รับหนังสือเข้ามาใหม่ เมื่อทำข้อมูลทางบรรณารักษ์และทำข้อมูล metadata แล้ว จะนำหนังสือเข้าสู่ชั้นเพื่อให้บริการได้เลย แต่สำหรับหนังสือวารสารจะต้องนำมาเย็บขอบด้วยวิธีการเย็บเจาะก่อนนำไปให้บริการ เพราะว่าหนังสือวารสารส่วนใหญ่จะเป็นไสสันทากาว เวลานำไปให้ใช้บริการแล้วมักจะขาดได้ง่าย
-สำหรับหนังสือทั่วที่ชำรุดนั้น ทางเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ที่ประจำอยู่ตามห้องบริการต่างๆ จะเป็นผู้นำส่งมาให้กลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือทำการซ่อม โดยสวนใหญ่เวลาที่ผู้ใช้บริการเจอว่าหนังสือชำรุดนั้นผู้ใช้บริการจะเป็นผู้มาแจ้งกับเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ และในอีกกรณีที่เข้าหน้าที่บรรณารักษ์ตรวจสอบหนังสือแล้วเจอว่าหนังสือนั้นชำรุด เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์จะรวบรวมเพื่อนำส่งซ่อม โดยเฉลี่ยแล้วเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์จะเจอหนังสือชำรุดเกือบทุกวัน ซึ่งทางกลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือนั้นมีเป้าหมายในการซ่อมแซมหนังสือปกแข็งให้ได้เดือนละ 300 เล่ม และหนังสือปกอ่อนเดือนละ 400 เล่ม
-สำหรับหนังสือสมัยใหม่ที่มักจะไสสันทากาวนั้น ส่วนใหญ่ปกหนังสือจะชำรุดก่อน แล้วนำให้หน้ากระดาษหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ ได้ ส่วนใหญ่วิธีการไสสันทากาวต้นทุนการผลิตจะถูกกว่าการเย็บกี่ที่สัน โดยหนังสือที่เย็บกี่ที่สันจะคงทนอยู่ได้นานมากกว่า
-สำหรับวิธีการซ่อมแซมหนังสือปกอ่อนในสมัยก่อนนั้น มักจะหุ้มสันปกด้วยกระดาษการ์ดสี 350 แกรมทับไปเลย ซึ่งอาจจะดูไม่สวยงามและไม่เห็นว่าปกเดิมเป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบันนี้สามารถซ่อมแซมโดยรักษาปกหนังสือเดิมเอาไว้ด้วย โดยการซ่อมเฉพาะจุดที่ชำรุด อย่างเช่นถ้าสันปกเสียก็สามารถซ่อมเฉพาะสันปกได้ ทำให้ตัวหนังสืออยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด แต่ถ้าปกหนังสือชำรุดหรือสูญหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้จริงๆ จึงจะให้กระดาษการ์ดสี 350 แกรมมาใช้แทนปกเดิมแล้วนำมาเขียนชื่อเรื่องใหม่
-สำหรับหนังสือปกแข็ง ส่วนใหญ่จะต้องติดใบรองปกเพิ่มทั้งปกด้านหน้าและปกด้านหลัง โดยมีวัสดุหุ้มปกเป็นผ้าแรกซีน (อ่านออกเสียงว่า “แล็คซีน”) ผ้าแรกซีนคือผ้ายางที่คล้ายกับเทปผ้าม้วนกลมสีต่างๆ ที่ขายตามร้านหนังสือ แต่ศัพท์ทางการซ่อมหนังสือจะเรียกว่าผ้าแรกซีน จะแบ่งเป็นผ้าแรกซีนและกระดาษแรกซีน กระดาษแรกซีนส่วนใหญ่จะใช้สำหรับหุ้มสันหนังสือ
-ส่วนวิธีการซ่อมหนังสือในลักษณะการชำรุดแบบต่างๆ ก็จะมีวิธีการซ่อมที่แตกต่างกันออกไป เช่นถ้าหนังสือเปียกน้ำ ถ้าหนังสือนั้นเป็นกระดาษอาร์ตมันต้องรีบซ่อมโดยเร็ว เพราะกระดาษอาร์ตมันที่เห็นเป็นกระดาษผิวมันๆ เมื่อโดนน้ำมันจะมีกาวเหนียวๆ ออกมาถ้าปล่อยไว้นานๆ จนแห้งแล้วมันจะติดกันเป็นก้อน สำหรับการซ่อมหนังสือที่เปียกน้ำนั้น ขั้นตอนแรกเลยคือถ้าหนังสือเปียกน้ำมาต้องซับน้ำออกให้แห้งสนิทก่อน ด้วยการใช้กระดาษทิชชูซับน้ำออก แล้วนำหนังสือไปพึ่งลมไว้ให้แห้ง ห้ามนำหนังสือไปพึ่งแดดเด็ดขาด เพราะแดดมันจะกัดเลียหนังสือให้กระดาษมันหดมากขึ้น ทำให้มันยืดหดตัวเร็วเกินไปกระดาษจะกลายเป็นคลื่นได้
-หนังสือทั่วไปส่วนใหญ่ที่เกิดชำรุดเนื่องจากกาวที่เย็บสันหนังสือไว้หลุด จะซ่อมด้วยวิธีการเย็บเจาะเพื่อเสริมด้านใน แล้วก็เอาปกหนังสือเดิมหุ้มกลับเข้าไป ซึ่งจะทำให้มองไม่เห็นส่วนที่เย็บเจาะด้านในไว้
-ถ้าหนังสือเปียกน้ำแบบหนักมาก อาจจะต้องเลาะหนังสือออกมาเป็นแผ่นๆ เพื่อซับน้ำออกที่ละแผ่น ทำให้กระดาษแต่ละแผ่นแห้งสนิท นำกระดาษไปรีดให้เรียบแล้วนำไปเย็บเข้าเล่มใหม่ ซึ่งจะเป็นการทำให้หนังสือกลับมาใกล้เคียงสู่สภาพเดิมมากที่สุด
-สำหรับหอสมุดแห่งชาติมีวิธีการเย็บสันหนังสืออยู่ 5 แบบ คือ 1.การเย็บแบบพันลำ 2.การเย็บแบบเลื่อยสันฝังด้าย 3.การเย็บเจาะ 4.การเย็บกี่ และ 5.การเย็บวารสาร
(บน) สำหรับตัวเทปกาวกระดาษสานั้นทางกลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือคิดค้นขึ้นมาเอง โดยหัวหน้างานเก่าๆ ของหน่วยงานฯ มีลักษณะเป็นกระดาษเคลือบกาวชนิดพิเศษที่เป็นเมทัลเซลลูโลสติดทับไว้ด้วยแผ่นพลาสติก เวลาใช้งานก็จะลอกแผ่นพลาสติกออก แล้วใช้ตัวลำสีชุบน้ำมาดๆ เช็ดทำให้ตัวกาวละลายติดกับเนื้อกระดาษเดิม
คลิป สาธิตการซ่อมหนังสือด้วยเทปกาวกระดาษสาแทนการซ่อมด้วยเทปใสทั่วไป
สาธิตการซ่อมหนังสือด้วยเทปกาวกระดาษสาแทนการซ่อมด้วยเทปใสทั่วไป สำหรับหนังสือที่หน้ากระดาษขาดนั้น คนทั่วไปมักจะใช้สก็อตเทปใสในการซ่อมติดทับรอยบนกระดาษที่ขาด ซึ่งเป็นวิธีการทำที่ผิดเพราะตัวเทปใสนั้นจะมีเนื้อกาวติดแน่นอยู่กับเนื้อกระดาษ ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้กระดาษนั้นแข็งกรอบจนชำรุดฉีกขาดได้ ทางหอสมุดแห่งชาติจึงดัดแปลงวิธีการซ่อมโดยใช้เทปกาวกระดาษสา เพื่อให้ชิ้นงานที่ติดซ่อมนั้นกลมกลืนกับตัวเนื้อกระดาษ โดยใช้กระดาษสาสีเดียวกับตัวเนื้อกระดาษเดิม ข้อสำคัญอีกประการคือกระดาษสาที่ติดเพิ่มเข้าไปนั้นสามารถลอกคืนกลับออกมาได้โดยไม่ทำให้กระดาษเดิมเสียหาย
(บน) สำหรับกระดาษสาที่ทางหอสมุดแห่งชาติใช้นั้นมีทั้ง 2 สี คือสีเหลืองขุ่นสำหรับใช้ซ่อมหนังสือเก่า และสีขาวสำหรับใช้ซ่อมหนังสือใหม่ โดยตัวกระดาษสานั้นสั่งซื้อมาจากจังหวัดสุโขทัย ส่วนตัวเทปกาวนั้นทางหอสมุดแห่งชาติต้องมาทำขึ้นเอง เป็นการทำขึ้นเพื่อใช้ในหน่วยงานและจะมีการออกไปสอนในโครงการจัดกิจกรรมซ่อมหนังสือต่างๆ โดยการไปสอนพื้นฐานการซ่อมหนังสือด้วยเทปกาวกระดาษสาแทนการซ่อมด้วยเทปกาวใสแบบเดิม
สาธิตการเข้าเล่มหนังสือ ด้วยการติดตัวหนังสือเดิมเข้ากับปกหนังสือที่ทำขึ้นใหม่
คุณเกศสรินทร์ ประมวลพัฒน์ นายช่างพิมพ์อาวุโส กลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือ สำนักหอสมุดแห่งชาติ อธิบายวิธีการเข้าเล่มหนังสือ ด้วยการติดตัวหนังสือเดิมเข้ากับปกหนังสือที่ทำขึ้นใหม่ โดยการทากาวติดปกหน้าเข้ากับปกรองด้านใน และทากาวติดปกหลังเข้ากับปกรองด้านใน หลังจากนั้นจะทำการดึงหนังสือให้ตึงโดยให้ตัวหนังสือเดิมเข้าไปติดกันสันของปกหนังสือ ใช้ผ้ารองแล้วใช้ไม่เนียนมาถูตรงร่องให้เกิดร่องบานพับ ก่อนจะนำหนังสือไปอัดด้วยเครื่องอัดให้กาวติดแน่นหนาขึ้น
การเรียงพิมพ์ชื่อหนังสือด้วยตัวพิมพ์ทอง
การเรียงพิมพ์ชื่อหนังสือบนหน้าปกที่ทำด้วยแผ่นแรกซีน โดยเป็นการเรียงพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ตะกั่วแบบโบราณ พิมพ์เป็นตัวหนังสือสีทองด้วยแผ่นฟอยล์สีทอง ผ่านเครื่องอบความร้อนด้วยหัวร้อน เป็นงานส่วนหนึ่งของการซ่อมแซมหนังสือ โดยกลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือ สำนักหอสมุดแห่งชาติ
(ล่าง) สำหรับการเขียนชื่อเรื่องที่ปกหนังสือนั้น ปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบคือ ถ้าเป็นแบบสมัยใหม่จะใช้วิธีการพิมพ์ชื่อเรื่องด้วยสติกเกอร์แล้วแปะลงบนหน้าปกหนังสือ และแบบดั้งเดิมจะเป็นการพิมพ์ทองด้วยแม่พิมพ์ตัวอักษรตะกั่ว ใช้สำหรับหนังสือที่สำคัญหรือหนังสือหายากต่างๆ
(ล่าง) บล็อกสังกะสี (ตราโลโก้หอสมุดฯ) ใช้ในกรณีที่พิมพ์ซ้ำเยอะๆ
(ล่าง) เครื่องตัดกระดาษแข็งทำปกและทำสันหนังสือ ใช้เจียรตัดกระดาษได้หมดทุกประเภท
การซ่อมหนังสือโดยกลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือ ของหอสมุดแห่งชาติ
หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการซ่อมหนังสือของหอสมุดแห่งชาตินั้น จะดำเนินงานโดยกลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือ โดยจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ การซ่อมแซมหนังสือทั่วไปที่ให้บริการอยู่ในห้องต่างๆ ในหอสมุดแห่งชาติ และอีกส่วนคือการซ่อมแซมหนังสือหายาก คัมภีร์ใบลานและสมุดไทย
-การซ่อมหนังสือทั่วไปก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือหนังสือปกแข็งและหนังสือปกอ่อน สำหรับหนังสือปกอ่อนจะมีการเย็บเล่มด้วยลวด (คล้ายๆ แม๊กเย็บกระดาษทั่วไป) ส่วนใหญ่ถ้าทางหอสมุดแห่งชาติได้รับหนังสือเข้ามาใหม่ เมื่อทำข้อมูลทางบรรณารักษ์และทำข้อมูล metadata แล้ว จะนำหนังสือเข้าสู่ชั้นเพื่อให้บริการได้เลย แต่สำหรับหนังสือวารสารจะต้องนำมาเย็บขอบด้วยวิธีการเย็บเจาะก่อนนำไปให้บริการ เพราะว่าหนังสือวารสารส่วนใหญ่จะเป็นไสสันทากาว เวลานำไปให้ใช้บริการแล้วมักจะขาดได้ง่าย
-สำหรับหนังสือทั่วที่ชำรุดนั้น ทางเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ที่ประจำอยู่ตามห้องบริการต่างๆ จะเป็นผู้นำส่งมาให้กลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือทำการซ่อม โดยสวนใหญ่เวลาที่ผู้ใช้บริการเจอว่าหนังสือชำรุดนั้นผู้ใช้บริการจะเป็นผู้มาแจ้งกับเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ และในอีกกรณีที่เข้าหน้าที่บรรณารักษ์ตรวจสอบหนังสือแล้วเจอว่าหนังสือนั้นชำรุด เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์จะรวบรวมเพื่อนำส่งซ่อม โดยเฉลี่ยแล้วเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์จะเจอหนังสือชำรุดเกือบทุกวัน ซึ่งทางกลุ่มงานสงวนรักษาหนังสือนั้นมีเป้าหมายในการซ่อมแซมหนังสือปกแข็งให้ได้เดือนละ 300 เล่ม และหนังสือปกอ่อนเดือนละ 400 เล่ม
-สำหรับหนังสือสมัยใหม่ที่มักจะไสสันทากาวนั้น ส่วนใหญ่ปกหนังสือจะชำรุดก่อน แล้วนำให้หน้ากระดาษหลุดออกมาเป็นแผ่นๆ ได้ ส่วนใหญ่วิธีการไสสันทากาวต้นทุนการผลิตจะถูกกว่าการเย็บกี่ที่สัน โดยหนังสือที่เย็บกี่ที่สันจะคงทนอยู่ได้นานมากกว่า
-สำหรับวิธีการซ่อมแซมหนังสือปกอ่อนในสมัยก่อนนั้น มักจะหุ้มสันปกด้วยกระดาษการ์ดสี 350 แกรมทับไปเลย ซึ่งอาจจะดูไม่สวยงามและไม่เห็นว่าปกเดิมเป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบันนี้สามารถซ่อมแซมโดยรักษาปกหนังสือเดิมเอาไว้ด้วย โดยการซ่อมเฉพาะจุดที่ชำรุด อย่างเช่นถ้าสันปกเสียก็สามารถซ่อมเฉพาะสันปกได้ ทำให้ตัวหนังสืออยู่ในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด แต่ถ้าปกหนังสือชำรุดหรือสูญหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้จริงๆ จึงจะให้กระดาษการ์ดสี 350 แกรมมาใช้แทนปกเดิมแล้วนำมาเขียนชื่อเรื่องใหม่
-ส่วนวิธีการซ่อมหนังสือในลักษณะการชำรุดแบบต่างๆ ก็จะมีวิธีการซ่อมที่แตกต่างกันออกไป เช่นถ้าหนังสือเปียกน้ำ ถ้าหนังสือนั้นเป็นกระดาษอาร์ตมันต้องรีบซ่อมโดยเร็ว เพราะกระดาษอาร์ตมันที่เห็นเป็นกระดาษผิวมันๆ เมื่อโดนน้ำมันจะมีกาวเหนียวๆ ออกมาถ้าปล่อยไว้นานๆ จนแห้งแล้วมันจะติดกันเป็นก้อน สำหรับการซ่อมหนังสือที่เปียกน้ำนั้น ขั้นตอนแรกเลยคือถ้าหนังสือเปียกน้ำมาต้องซับน้ำออกให้แห้งสนิทก่อน ด้วยการใช้กระดาษทิชชูซับน้ำออก แล้วนำหนังสือไปพึ่งลมไว้ให้แห้ง ห้ามนำหนังสือไปพึ่งแดดเด็ดขาด เพราะแดดมันจะกัดเลียหนังสือให้กระดาษมันหดมากขึ้น ทำให้มันยืดหดตัวเร็วเกินไปกระดาษจะกลายเป็นคลื่นได้
-หนังสือทั่วไปส่วนใหญ่ที่เกิดชำรุดเนื่องจากกาวที่เย็บสันหนังสือไว้หลุด จะซ่อมด้วยวิธีการเย็บเจาะเพื่อเสริมด้านใน แล้วก็เอาปกหนังสือเดิมหุ้มกลับเข้าไป ซึ่งจะทำให้มองไม่เห็นส่วนที่เย็บเจาะด้านในไว้
-ถ้าหนังสือเปียกน้ำแบบหนักมาก อาจจะต้องเลาะหนังสือออกมาเป็นแผ่นๆ เพื่อซับน้ำออกที่ละแผ่น ทำให้กระดาษแต่ละแผ่นแห้งสนิท นำกระดาษไปรีดให้เรียบแล้วนำไปเย็บเข้าเล่มใหม่ ซึ่งจะเป็นการทำให้หนังสือกลับมาใกล้เคียงสู่สภาพเดิมมากที่สุด
-สำหรับหอสมุดแห่งชาติมีวิธีการเย็บสันหนังสืออยู่ 5 แบบ คือ 1.การเย็บแบบพันลำ 2.การเย็บแบบเลื่อยสันฝังด้าย 3.การเย็บเจาะ 4.การเย็บกี่ และ 5.การเย็บวารสาร