มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2563 ผ่านไปด้วยคะแนนเสียง 251 ต่อ 0 เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2562 งานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในจังหวะต่อไปก็คือการใช้มาตรการภาครัฐทำหน้าที่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในปีหน้า 2563 อย่างเร่งด่วนโดยใช้ตามกรอบวงเงินงบประมาณให้ได้ผลดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สำหรับภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2562 ที่เหลือระยะเวลาอีก 2 เดือนนั้น จากการประเมินของ 4 หน่วยงานปรากฏตัวเลขว่า ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลังระบุว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่เกินร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปี 2561 ด้านการส่งออกนั้นจะติดลบร้อยละ 0.9 ส่วนคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3 การส่งออกจะติดลบร้อยละ 1.2
ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินว่าการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.8 การส่งออกจะติดลบร้อยละ 1 และคณะกรรมการ กรอ.
ที่ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่เกินร้อยละ 3 และส่งออกจะติดลบร้อยละ 2 จากตัวเลขเหล่านี้เป็นการบ้านหินของรัฐบาลผสมของพลเอกประยุทธ์ต้องหาทางรับมือในปีหน้า 2563
ถ้าหากจะบอกว่าปีหน้า 2563 เศรษฐกิจไทยจะทรุดตกต่ำร้ายแรงเหมือนเหตุการณ์ในปี 2540 เมื่อ 23 ปีที่แล้วหรือไม่ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของไทย
ที่มีชื่อเสียงไม่น้อยกว่า 10 คน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อทั้งหลายว่าไม่คิดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะเลวร้ายไปมากกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ฝนแล้งรุนแรงมีผลให้เกษตรกรที่เป็นคนรากหญ้ามีรายได้ลดลงทำให้กำลังซื้อของคนในชนบทน้อยมีผลกระทบไปถึงอุปสงค์ในตลาดลดลงตามไปด้วย
ปีหน้า 2563 รัฐบาลจะต้องใช้เม็ดเงินที่รัฐบาลมีอยู่จากเงินงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ที่ผ่านสภาอัดฉีดเม็ดเงินไปสู่เศรษฐกิจฐานรากตั้งแต่เดือนมกราคมต้นปี เพื่อให้กระแสเงินหมุนเวียนไปสู่ระบบเศรษฐกิจทั่วประเทศ ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ก็ต้องทำให้ราคาผลผลิตทางการเกษตรกรรมทุกๆ ประเภทขยับตัวสูงมากกว่าปี 2562 จะทำให้ตลาดมีเม็ดเงินมากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและเป็นระบบ
นอกจากนี้ทางด้านภาคเอกชนไทยเองในทุกสาขาของระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ต้องแสดงความเชื่อมั่นในรัฐบาลด้วยการลงทุนขยายฐานเศรษฐกิจในระดับกลางและระดับบนให้เกิดการหมุนเวียนของกระแสเงินสดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อเป็นหัวรถจักรเศรษฐกิจฉุดให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดอุปสงค์ในตลาดมากกว่าปี 2562 ในขณะที่รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่เอง ที่มีหลายแห่งก็ต้องให้ความร่วมมือ
กับทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนทำให้โครงการขนาดยักษ์ที่มีโครงการเดิมอยู่แล้วหลายๆ โครงการมีการเติบโตไปอย่างต่อเนื่องในปี 2563 เชื่อว่าในท้ายที่สุดภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยน่าจะขยายตัวได้ดีเป็นไปตามเป้าหมายของทุกๆ ฝ่ายได้ในที่สุด
https://www.naewna.com/politic/columnist/41806
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่