ตัวเราเองเป็นเซลล์
ชีวิตการทำงานเป็นไปตามปกติ จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ลูกค้ารายใหม่ ขอแทนนามสมมติเป็น "คุณทอม" นะคะ
ก็นัดพบแนะนำตัว แนะนำสินค้า ตามสเตปเราไป ก่อนหน้าที่จะได้เจอตัวจริงกัน คุยทางโทรศัพทเราจินตนาการเอาว่าคุณทอม เป็นคนดุ ต้องเป็นผู้ชายอายุเยอะๆ หัวโบราณ
จนพอวันที่ได้เจอกันครั้งแรกในวันที่ไปติดต่อเสนอขายสินค้า...ปรากฏว่าเป็นคนดุและชัดเจนในงาน พอคุยงานกันจบเราก็เริ่มตีสนิท ด้วยการคุยถามเรื่องทั่วๆไปพี่เค้าก็ดูเป็นคนปกติทั่วไป ทำให้การเจอกันครั้งแรกคุยกัน 3 ชั่วโมงเต็ม คุยเรื่องสถานที่กินอาหารอร่อยๆร้านนั้นร้านนี้และมุมมองในชีวิตการทำงาน ระหว่างคุยมีความรู้สึกนิดๆว่าเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างมาจี้ดๆในใจ เอ๊ะ หรือพี่เค้าชอบเราป่าวนะ 55555 ก็มโนไปเรื่อยค้า
หลังจากครั้งแรกที่พบเจอกันไปแล้ว ขอสรุปความสัมพันธ์ที่พัฒนากันมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ตามนี้นะคะ
1. เริ่มโทรคุยหลังจากที่พี่เค้าว่างจากงาน คุยเล่นเล่นมุข ฮาขำกันอย่างหลุดโลกทุกวัน และมักจะลงท้ายด้วยว่าเราทำงานเคลียด เหนื่อยมาทั้งวันมาคุยและมีเสียงหัวเราะร่วมกัน ทำให้ผ่อนคลายดีนะ
2. เริ่มอัพเดตสถานที่ที่เค้าชอบไป และเริ่มชวนไปในที่ที่เค้าชอบ แต่เราไม่ไปเค้าก็ไม่เซ้าซี้นะคะ ไม่เคยคุยถามกันเรื่องส่วนตัว ไม่มีการจีบและเชิงชู้สาวกันแม้แต่น้อย หลังๆจะเริ่มพูดว่าชีวิตที่ไม่เป็นชีวิตกว่าจะผ่านแต่ละวันเหมือนหุ่นยนต์ บางวันก็ร่าเริงมาเลย บางวันเสียงก็ขุ่นเคลียดมาเช่นกัน
3. หลังจากเจอกันครั้งแรกผ่านไปสามเดือนก็มีเหตุทำให้ต้องลงไปเคลียรงานและเอกสารกัน วันแรกที่ลงไปก็ทานข้าวเย็นกันไปคุยงานกันไป เสร็จแล้วนางชวนไปร้านประจำที่นางชอบร้องเพลง เราก็ไปและสังเกตุได้ว่าพี่เค้าต้องมีความทุกข์อะไรที่อยู่ในใจอย่างมากมายแน่ๆ เราสัมผัสได้ 5555 บวกกับเพลงที่นางขึ้นไปร้องแล้วเหมือนคนอกหัก ณ ตอนนั้นเราพุ่งประเด็นไว้ว่าเมียทิ้งหรือต้องมีปัญหาครอบครัวแน่ๆ
บังเอิญมีเพื่อนพี่เค้ามาร้านนี้ก็เข้ามาทักทายและนั่งโต๊ะเดียวกัน แล้วใช้คำพูดว่า "พี่ถามจริงๆนะเราเป็นแฟนกับพี่ทอมหรือป่าว" โดยถามต่อหน้าพี่ทอมด้วยนะ แต่พี่ทอมเงียบไม่พูดอะไร เราก็ตอบว่าไม่ใช่คะเป็นซัพพลายเออรมาขายของ เค้าก็นิ่งแล้วถามย้ำแบบนี้อยู่สามรอบจนกระทั่งพี่ทอมขึ้นไปร้องเพลงพี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า "ทอมเป็นคนไม่เปิดอะไรให้ใครง่ายๆนะ พี่ไม่เคยเห็นเค้าพาใครมาร้านนี้เลยสักครั้ง"
จบด้วยการพี่เค้าอวยพรให้เรากะพี่ทอมรักกันนานๆ 55555555 วันรุ่งขึ้นก็จะกลับ กทม.ละแต่นางก็เอาเรื่องงานมาอ้างว่ายังติดปัญหาให้เราช่วยเคลียร์โปรเจ็คนี้ให้ก่อนผลสุดท้ายอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน
4. พอเห็นว่านางเหมือนมีปัญหาในใจ วันที่นั่งกินข้าวเย็นกันเราก็พยายามซักไซ้ถามว่ามีอะไรรึป่าวเหมือนพี่เคลียดและมีเรื่องราวในใจเยอะจังบอกหนูได้นะยินดีรับฟังประมาณนี้ เค้าก็ไม่ตอบและดูนิ่งๆไป จนกระทั่งเช้าอีกวันเราโทรหาเค้าไม่รับเลย จนพี่เค้าโทรกลับมาเองแล้วต่อว่าเราประมาณว่าเราจะมารู้เรื่องชีวิตส่วนตัวเค้ามากเกินไปแล้วพึ่งจะรู้จักกันเองแท้ๆเค้ามองเราไปถึงว่าสืบข้อมูลส่วนตัวเพื่อประกอบการขายของบริษัท (คิดมากไปป่าวฟระ) เราก็พยายามอธิบายและแสดงความบริสุทธว่าไม่ใช่อย่างที่เค้าคิดและขอโทษที่ถามเยอะเกินต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีก
5. หลังจากที่มีประเด็นเรื่องนั้น ตอนบ่ายไปนั่งสรุปตัวเลขจบงานที่ร้านอาหาร พี่เค้าก็สรุปให้งานมา ยอดมาเกือบ5ล้าน เราก็ดีใจเนอะร้องกรี้ดหัวเราะลั่นร้านเค้าก็ยิ้มแบบเอ็นดูและพูดว่า "พี่มาคิดดูแล้วพี่จะลองเสี่ยงเล่าเรื่องของพี่ที่มันเจ็บปวดมากให้เราฟัง" เราก็แบบเมื่อวานตรูโดนแดรกหัวไปแล้วตรูไม่มีอารมอยากรับรู้อะไรแล้วก็บอกไปว่า "ไม่ดีกว่าคะมาคิดดูแล้วมันคือเรื่องส่วนตัวพี่ หนูไม่สมควรรับรู้มัน" พูดยังไม่ทันจบนางก็เล่าเรื่องเจ็บปวดออกมาซึ่งไม่ใช่เรื่องของครอบครัวที่คิดไว้แต่แรก เล่ามาน้ำตาเค้าก็ไหลเราก็จับมือเค้ามาบีบแล้วให้กำลังใจ
6.สรุปงานเสร็จขับรถกลับมาส่งเค้าที่รถ เค้าพูดขึ้นว่า "พี่ขอกอดหน่อยได้ไหม" แล้วเค้าก็จับหน้าเราไปหอมหน้าผาก แล้วก็กอดแน่นๆค้างไว้พักนึง แล้วพูดว่า "พี่เหงา พอมีเราเข้ามาที่นั่งช่วยทำงานแบบจริงๆจังๆทำให้เค้าเหมือนมีเพื่อนช่วยคิดไม่โดดเดี่ยว"ตอนหยิบของกลับขึ้นรถเค้าเองก็พูดขึ้นอีก"ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทำแบบนี้แล้วพูดแบบนี้ แต่ขอให้รู้ว่าไม่เคยทำกับใครแล้วรู้สึกแบบนี้กับใคร" ตอนนั้นคือแบบคิดอะไรไม่ออก แต่อินเนอรข้างในรู้สึกเฟลและแย่มากเหมือนตอนกอดแล้วเราสัมผัสถึงความรู้สึกของเค้าแล้วมันถ่ายต่อมาให้เราเลย
7. หลังจากนั้นก็ลงไปหาเค้าโดยไม่เกี่ยวเรื่องงาน เค้าชวนบ้าง เราไปเองบ้าง ทุกครั้งก็จะไปกินข้าว กินเบียร์ ร้องเพลงร้านประจำของเค้า ทุกครั้งจะเจอเพื่อนเค้าหลายๆกลุ่มก็จะแนะนำชื่อเราแค่นั้น เค้าเริ่มขอมานอนที่ห้องพักด้วย แรกๆก็ปฏิเสธ จนช่วงหลังอ่ะมาก็มา ครั้งแรกที่เข้าห้องนอนด้วยต่างกันต่างเกร็ง นอนกันคนละมุมที่นอนเลย 5555 พอเริ่มไปบ่อยเข้าก็นอนด้วยกันบ่อย แต่ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรกันนะคะ ทุกครั้งก็นอนกอดกันแต่ก็มีจูบกันหอมกัน นัวเนียกันบ้างแต่ยังไม่ถึงขั้นนั้นคะ
มีครั้งนึงกลับเข้าห้องมาแล้ว เค้ากลับไปตอนเราอาบน้ำ พอออกมาไม่เจอเราก็งงเป็นไก่ตาแตกเกิดอะไรขึ้น โทรหาเค้า ถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเป็นแบบนี้ เค้าบอกว่าเรามองเค้าด้วยหางตา ถ้าคิดจะมาเล่นเกม เค้าไม่ประสาทเล่นด้วยชีวิตนี้เจอคนมีเหลี่ยมมาพอแล้ว พี่กับเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นแค่คนที่เคยรู้จักกันแล้วกันนะ (เห้ย..ตรูก็โมโหเป็นเหมือนกันนะโว้ย) เราก็แบบ พี่รู้ตัวอยู่ใช่ไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา เค้าบอกว่ารู้ครับ นั้น OK คะ ต่อไปนี้เราเป็นแค่อากาศธาตุต่อกันนะ เจอกันก็อย่าทักให้เสียเวลา แล้วตัดสายเลย ณ ตอนนั้นคือรู้สึกแบบนั้นและพรุ่งนี้ชั้นจะทำแบบนั้นจริงๆ ด้วย ตอนเช้านางมาเคาะประตูห้อง เปิดประตูเข้าห้องมานางไม่พูดอะไรสักคำ ดึงเราไปกอด แต่ก็แปลก!! การกอดของเค้าแต่ละครั้งทำให้เรารู้สึกต่างกันไปในแต่ละโอกาสสถานการณ์ แล้วนางพูดขึ้นมาคำเดียวว่า เมื่อคืนพี่ขอโทษนะ แล้วนางไม่เคยรื้อฟื้นเรื่องนี้อีก
8. พาเพื่อนของเพื่อนที่เป็นเซลล์ไปแนะนำตัวซึ่งเราก็พึ่งรู้จักเป็นครั้งแรกเหมือนกัน เค้าก็ขายของกันปกติส่วนเราก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง นั่งดื่มไปจนตึงๆหน่อยละเริ่มเห็นพี่เค้านั่งมองเซลลตาไม่กระพริบ เราก็ไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไรนะคะยังคุยยิ้มปกติ ผลสุดท้ายเมา พอแยกย้ายเรารู้กันว่าต้องไปเจอร้านเดิมแต่เราไม่ไป งอนกลับห้องพัก เค้าโทรตามหลายสายเราไม่รับ มาเคลียร์ใจเอาตอนใกล้รุ่งเช้าทางโทรศัพท์ พอรู้คำตอบเค้าทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าจังเลยและคำพูดที่ได้รับจากเค้าคือ "เสียใจ ที่คนของผมมองผมแบบนั้น คุยกันมาอยู่กันมา ไม่ทำให้คุณรู้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนแบบไหน"
9. นั่งร้านร้องเพลงประจำกันอยู่ ปกติจะมีเด็กดริ้งประจำโต้ะที่เป็นเด็กประจำของพี่เค้าเลย แต่วันนี้พี่เค้าดูผิดจากปกติคือเล่นถึงตัวเด็กดริ้งจากที่ไม่เคยสักครั้ง เอาล่ะ!!เราก็ทำเป็นไม่สนใจนะ พอเพื่อนเค้ามาก็ย้ายมานั่งข้างเค้า ตอนช่วงร้านใกล้จะปิด นางดึงเราไปจูบปาก แล้วพูดว่า "ไม่ต้องหึง คนที่อยุ่ข้างๆ เค้า คือคนที่เค้าเลือกแล้ว" ทุกคนในโต๊ะเฮกันลั่นถามว่าเราคือใคร แฟนหรอ แต่พี่เค้าก็ไม่ยักกะตอบอะไรมีเพียงแต่ความเงียบ
10. เค้ายังไม่เคยพูดกับเราในเรื่องความสัมพันธ เราเลยลองทิ้งช่วงห่างคือไม่ลงไปเจอเกือบสองอาทิตย์ เค้าจะแบบไม่คิดถึงรสชาติอาหารที่นี่เลยหรอ ลงมาหาหน่อยสิ เราก็ไปจ้าาา ไม่เล่นตัวเยอะ อิอิ แต่ผลสุดท้ายรอบนี้ความสัมพันธ์ก็พัฒนาไปถึงจุดที่มีอะไรกัน เช้ามาเค้าบรรจงหอมหน้าผากเราแล้วบอกว่ารู้ไหมว่ามันต่างจากครั้งที่แล้วยังไง....ครั้งที่แล้วพี่หอมเราไม่ใช่เชิงชู้สาวนะแต่เอ็นดูและให้กำลังใจ แสดงความยินดีด้วยที่ทำงานประสบความสำเร็จ
11. หลังจากนั้นเค้าก็ยังไม่พูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ แต่มีคำพูดนึงที่เราลองแกล้งบอกว่าจะลงไปหาแล้วไปนอนที่บ้านพี่นะ เค้าบอกมันถึงเวลาแล้วหรอเราก็พุดไปแค่ว่านั้นไม่ไปเพราะแค่นี้มันก็เถิดเกินเยอะไปแล้วเหมือนกัน เค้าก็พิมพ์แค่ว่าน้อยใจหรอ จะให้พี่ทำยังไงดีครับ / ขับรถกลับบ้านดีดีนะ ฟ.
12. ตอนเช้า หลังจากตื่นแล้วจะแยกย้ายไปทำงาน เราจะหอมแก้ม หอมหน้าผาก กอดกันเงียบๆ แน่นๆ นานๆ ในความรู้สึกเราเองทุกครั้งที่กอดแบบนี้เหมือนกอดสั่งลา เหมือนจะได้เจอเป็นครั้งสุดท้าย มันรู้สึกแบบนั้น
13. ตอนนี้เค้าเร่งหางานของปีหน้า เค้าดีใจรีบบอกอย่างตื่นเต้นว่ามีโปรเจคยาวไปถึงสิ้นปีหน้าแล้วนะ ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งที่กลัวที่สุด เพราะเรายังไม่ได้รับความชัดเจนจากเค้า กลัวว่างานแน่นของเค้าจะทำให้เรากลายเป็นแค่คนเคยรู้จักกัน เพราะเวลาเค้าทำงานแล้วเค้าแทบจะไม่โฟกัสอย่างอื่นเลย
วิเคราะห์ผู้ชายคนนี้
- เป็นผู้ชายวัย40กว่าๆ
- เป็นคนดุและตรงในการทำงาน ทำงานจริงจังและชัดเจน ใครทำงานผิดซ้ำซาก ไม่พร้อมเรียนรู้ ตัดทิ้งทันที / ดูแลบริหารจัดการงาน คน เงิน แต่เพียงผู้เดียว
เคยประสบปัญหาทางธุรกิจ สูญเสียทุกอย่าง เริ่มธุรกิจใหม่จากติดลบ เข้มแข้ง อดทน /
- เป็นคนระวังตัวมาก ชอบอยู่ในจุดที่สามารถเห็นผู้คนเข้าออกได้ถนัด ชอบสังเกตุพฤติกรรมและบุคลิกคน
- กลุ่มเพื่อนฟูงและบุคคลในพื้นที่เค้ารู้จักทุกคน เป็นคนที่กินเหล้าแทบทุกคืนและดึกจนเกือบเช้าทุกครั้ง ถ้าไม่ติดงานที่ต้องส่งราคา หรือประชุมเช้าจริงๆ / ถ้าไม่มีเพื่อนหรือใครไปนั่งกินด้วย เค้าสามารถนั่งกินคนเดียวเงียบๆ ที่ร้านประจำได้
- เวลาโมโห โมโหร้าย / เอาพรรคพวก / ใจถึง / เซนซิทิฟ ไวต่อความรู้สึกและอารม
- เข้าใจในธรรมะ มองโลกบวก
ณ ตอนนี้ความสัมพันธ์ทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ แต่เราเดาผู้ชายคนนี้ไม่ถูกจริงๆ เราสับสน เหนื่อยในความไม่ชัดเจน บางทีอยากจะโมเมนต์แบบคนเป็นแฟนกัน ก็ไม่กล้า อยากจะพูดเคลียร์เรื่องความสัมพันธ์ก็กลัวว่าถ้าไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้ก็จะเฟลสุดๆ ถ้าหากไม่มีงานที่ต้องดิวกันต่อป่านนี้อะไรคงชัดเจนไปแล้ว
จะอยู่หรือจะไปต่อตอนนี้ก้าวขาไม่ถูกเลยทีเดียว!!!!!
ทำอย่างไรต่อ...ในความสัมพันธ์ Supplier กับลูกค้า !!!
ชีวิตการทำงานเป็นไปตามปกติ จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ลูกค้ารายใหม่ ขอแทนนามสมมติเป็น "คุณทอม" นะคะ
ก็นัดพบแนะนำตัว แนะนำสินค้า ตามสเตปเราไป ก่อนหน้าที่จะได้เจอตัวจริงกัน คุยทางโทรศัพทเราจินตนาการเอาว่าคุณทอม เป็นคนดุ ต้องเป็นผู้ชายอายุเยอะๆ หัวโบราณ
จนพอวันที่ได้เจอกันครั้งแรกในวันที่ไปติดต่อเสนอขายสินค้า...ปรากฏว่าเป็นคนดุและชัดเจนในงาน พอคุยงานกันจบเราก็เริ่มตีสนิท ด้วยการคุยถามเรื่องทั่วๆไปพี่เค้าก็ดูเป็นคนปกติทั่วไป ทำให้การเจอกันครั้งแรกคุยกัน 3 ชั่วโมงเต็ม คุยเรื่องสถานที่กินอาหารอร่อยๆร้านนั้นร้านนี้และมุมมองในชีวิตการทำงาน ระหว่างคุยมีความรู้สึกนิดๆว่าเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างมาจี้ดๆในใจ เอ๊ะ หรือพี่เค้าชอบเราป่าวนะ 55555 ก็มโนไปเรื่อยค้า
หลังจากครั้งแรกที่พบเจอกันไปแล้ว ขอสรุปความสัมพันธ์ที่พัฒนากันมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน ตามนี้นะคะ
1. เริ่มโทรคุยหลังจากที่พี่เค้าว่างจากงาน คุยเล่นเล่นมุข ฮาขำกันอย่างหลุดโลกทุกวัน และมักจะลงท้ายด้วยว่าเราทำงานเคลียด เหนื่อยมาทั้งวันมาคุยและมีเสียงหัวเราะร่วมกัน ทำให้ผ่อนคลายดีนะ
2. เริ่มอัพเดตสถานที่ที่เค้าชอบไป และเริ่มชวนไปในที่ที่เค้าชอบ แต่เราไม่ไปเค้าก็ไม่เซ้าซี้นะคะ ไม่เคยคุยถามกันเรื่องส่วนตัว ไม่มีการจีบและเชิงชู้สาวกันแม้แต่น้อย หลังๆจะเริ่มพูดว่าชีวิตที่ไม่เป็นชีวิตกว่าจะผ่านแต่ละวันเหมือนหุ่นยนต์ บางวันก็ร่าเริงมาเลย บางวันเสียงก็ขุ่นเคลียดมาเช่นกัน
3. หลังจากเจอกันครั้งแรกผ่านไปสามเดือนก็มีเหตุทำให้ต้องลงไปเคลียรงานและเอกสารกัน วันแรกที่ลงไปก็ทานข้าวเย็นกันไปคุยงานกันไป เสร็จแล้วนางชวนไปร้านประจำที่นางชอบร้องเพลง เราก็ไปและสังเกตุได้ว่าพี่เค้าต้องมีความทุกข์อะไรที่อยู่ในใจอย่างมากมายแน่ๆ เราสัมผัสได้ 5555 บวกกับเพลงที่นางขึ้นไปร้องแล้วเหมือนคนอกหัก ณ ตอนนั้นเราพุ่งประเด็นไว้ว่าเมียทิ้งหรือต้องมีปัญหาครอบครัวแน่ๆ
บังเอิญมีเพื่อนพี่เค้ามาร้านนี้ก็เข้ามาทักทายและนั่งโต๊ะเดียวกัน แล้วใช้คำพูดว่า "พี่ถามจริงๆนะเราเป็นแฟนกับพี่ทอมหรือป่าว" โดยถามต่อหน้าพี่ทอมด้วยนะ แต่พี่ทอมเงียบไม่พูดอะไร เราก็ตอบว่าไม่ใช่คะเป็นซัพพลายเออรมาขายของ เค้าก็นิ่งแล้วถามย้ำแบบนี้อยู่สามรอบจนกระทั่งพี่ทอมขึ้นไปร้องเพลงพี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า "ทอมเป็นคนไม่เปิดอะไรให้ใครง่ายๆนะ พี่ไม่เคยเห็นเค้าพาใครมาร้านนี้เลยสักครั้ง"
จบด้วยการพี่เค้าอวยพรให้เรากะพี่ทอมรักกันนานๆ 55555555 วันรุ่งขึ้นก็จะกลับ กทม.ละแต่นางก็เอาเรื่องงานมาอ้างว่ายังติดปัญหาให้เราช่วยเคลียร์โปรเจ็คนี้ให้ก่อนผลสุดท้ายอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน
4. พอเห็นว่านางเหมือนมีปัญหาในใจ วันที่นั่งกินข้าวเย็นกันเราก็พยายามซักไซ้ถามว่ามีอะไรรึป่าวเหมือนพี่เคลียดและมีเรื่องราวในใจเยอะจังบอกหนูได้นะยินดีรับฟังประมาณนี้ เค้าก็ไม่ตอบและดูนิ่งๆไป จนกระทั่งเช้าอีกวันเราโทรหาเค้าไม่รับเลย จนพี่เค้าโทรกลับมาเองแล้วต่อว่าเราประมาณว่าเราจะมารู้เรื่องชีวิตส่วนตัวเค้ามากเกินไปแล้วพึ่งจะรู้จักกันเองแท้ๆเค้ามองเราไปถึงว่าสืบข้อมูลส่วนตัวเพื่อประกอบการขายของบริษัท (คิดมากไปป่าวฟระ) เราก็พยายามอธิบายและแสดงความบริสุทธว่าไม่ใช่อย่างที่เค้าคิดและขอโทษที่ถามเยอะเกินต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีก
5. หลังจากที่มีประเด็นเรื่องนั้น ตอนบ่ายไปนั่งสรุปตัวเลขจบงานที่ร้านอาหาร พี่เค้าก็สรุปให้งานมา ยอดมาเกือบ5ล้าน เราก็ดีใจเนอะร้องกรี้ดหัวเราะลั่นร้านเค้าก็ยิ้มแบบเอ็นดูและพูดว่า "พี่มาคิดดูแล้วพี่จะลองเสี่ยงเล่าเรื่องของพี่ที่มันเจ็บปวดมากให้เราฟัง" เราก็แบบเมื่อวานตรูโดนแดรกหัวไปแล้วตรูไม่มีอารมอยากรับรู้อะไรแล้วก็บอกไปว่า "ไม่ดีกว่าคะมาคิดดูแล้วมันคือเรื่องส่วนตัวพี่ หนูไม่สมควรรับรู้มัน" พูดยังไม่ทันจบนางก็เล่าเรื่องเจ็บปวดออกมาซึ่งไม่ใช่เรื่องของครอบครัวที่คิดไว้แต่แรก เล่ามาน้ำตาเค้าก็ไหลเราก็จับมือเค้ามาบีบแล้วให้กำลังใจ
6.สรุปงานเสร็จขับรถกลับมาส่งเค้าที่รถ เค้าพูดขึ้นว่า "พี่ขอกอดหน่อยได้ไหม" แล้วเค้าก็จับหน้าเราไปหอมหน้าผาก แล้วก็กอดแน่นๆค้างไว้พักนึง แล้วพูดว่า "พี่เหงา พอมีเราเข้ามาที่นั่งช่วยทำงานแบบจริงๆจังๆทำให้เค้าเหมือนมีเพื่อนช่วยคิดไม่โดดเดี่ยว"ตอนหยิบของกลับขึ้นรถเค้าเองก็พูดขึ้นอีก"ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทำแบบนี้แล้วพูดแบบนี้ แต่ขอให้รู้ว่าไม่เคยทำกับใครแล้วรู้สึกแบบนี้กับใคร" ตอนนั้นคือแบบคิดอะไรไม่ออก แต่อินเนอรข้างในรู้สึกเฟลและแย่มากเหมือนตอนกอดแล้วเราสัมผัสถึงความรู้สึกของเค้าแล้วมันถ่ายต่อมาให้เราเลย
7. หลังจากนั้นก็ลงไปหาเค้าโดยไม่เกี่ยวเรื่องงาน เค้าชวนบ้าง เราไปเองบ้าง ทุกครั้งก็จะไปกินข้าว กินเบียร์ ร้องเพลงร้านประจำของเค้า ทุกครั้งจะเจอเพื่อนเค้าหลายๆกลุ่มก็จะแนะนำชื่อเราแค่นั้น เค้าเริ่มขอมานอนที่ห้องพักด้วย แรกๆก็ปฏิเสธ จนช่วงหลังอ่ะมาก็มา ครั้งแรกที่เข้าห้องนอนด้วยต่างกันต่างเกร็ง นอนกันคนละมุมที่นอนเลย 5555 พอเริ่มไปบ่อยเข้าก็นอนด้วยกันบ่อย แต่ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรกันนะคะ ทุกครั้งก็นอนกอดกันแต่ก็มีจูบกันหอมกัน นัวเนียกันบ้างแต่ยังไม่ถึงขั้นนั้นคะ
มีครั้งนึงกลับเข้าห้องมาแล้ว เค้ากลับไปตอนเราอาบน้ำ พอออกมาไม่เจอเราก็งงเป็นไก่ตาแตกเกิดอะไรขึ้น โทรหาเค้า ถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเป็นแบบนี้ เค้าบอกว่าเรามองเค้าด้วยหางตา ถ้าคิดจะมาเล่นเกม เค้าไม่ประสาทเล่นด้วยชีวิตนี้เจอคนมีเหลี่ยมมาพอแล้ว พี่กับเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นแค่คนที่เคยรู้จักกันแล้วกันนะ (เห้ย..ตรูก็โมโหเป็นเหมือนกันนะโว้ย) เราก็แบบ พี่รู้ตัวอยู่ใช่ไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา เค้าบอกว่ารู้ครับ นั้น OK คะ ต่อไปนี้เราเป็นแค่อากาศธาตุต่อกันนะ เจอกันก็อย่าทักให้เสียเวลา แล้วตัดสายเลย ณ ตอนนั้นคือรู้สึกแบบนั้นและพรุ่งนี้ชั้นจะทำแบบนั้นจริงๆ ด้วย ตอนเช้านางมาเคาะประตูห้อง เปิดประตูเข้าห้องมานางไม่พูดอะไรสักคำ ดึงเราไปกอด แต่ก็แปลก!! การกอดของเค้าแต่ละครั้งทำให้เรารู้สึกต่างกันไปในแต่ละโอกาสสถานการณ์ แล้วนางพูดขึ้นมาคำเดียวว่า เมื่อคืนพี่ขอโทษนะ แล้วนางไม่เคยรื้อฟื้นเรื่องนี้อีก
8. พาเพื่อนของเพื่อนที่เป็นเซลล์ไปแนะนำตัวซึ่งเราก็พึ่งรู้จักเป็นครั้งแรกเหมือนกัน เค้าก็ขายของกันปกติส่วนเราก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง นั่งดื่มไปจนตึงๆหน่อยละเริ่มเห็นพี่เค้านั่งมองเซลลตาไม่กระพริบ เราก็ไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไรนะคะยังคุยยิ้มปกติ ผลสุดท้ายเมา พอแยกย้ายเรารู้กันว่าต้องไปเจอร้านเดิมแต่เราไม่ไป งอนกลับห้องพัก เค้าโทรตามหลายสายเราไม่รับ มาเคลียร์ใจเอาตอนใกล้รุ่งเช้าทางโทรศัพท์ พอรู้คำตอบเค้าทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าจังเลยและคำพูดที่ได้รับจากเค้าคือ "เสียใจ ที่คนของผมมองผมแบบนั้น คุยกันมาอยู่กันมา ไม่ทำให้คุณรู้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนแบบไหน"
9. นั่งร้านร้องเพลงประจำกันอยู่ ปกติจะมีเด็กดริ้งประจำโต้ะที่เป็นเด็กประจำของพี่เค้าเลย แต่วันนี้พี่เค้าดูผิดจากปกติคือเล่นถึงตัวเด็กดริ้งจากที่ไม่เคยสักครั้ง เอาล่ะ!!เราก็ทำเป็นไม่สนใจนะ พอเพื่อนเค้ามาก็ย้ายมานั่งข้างเค้า ตอนช่วงร้านใกล้จะปิด นางดึงเราไปจูบปาก แล้วพูดว่า "ไม่ต้องหึง คนที่อยุ่ข้างๆ เค้า คือคนที่เค้าเลือกแล้ว" ทุกคนในโต๊ะเฮกันลั่นถามว่าเราคือใคร แฟนหรอ แต่พี่เค้าก็ไม่ยักกะตอบอะไรมีเพียงแต่ความเงียบ
10. เค้ายังไม่เคยพูดกับเราในเรื่องความสัมพันธ เราเลยลองทิ้งช่วงห่างคือไม่ลงไปเจอเกือบสองอาทิตย์ เค้าจะแบบไม่คิดถึงรสชาติอาหารที่นี่เลยหรอ ลงมาหาหน่อยสิ เราก็ไปจ้าาา ไม่เล่นตัวเยอะ อิอิ แต่ผลสุดท้ายรอบนี้ความสัมพันธ์ก็พัฒนาไปถึงจุดที่มีอะไรกัน เช้ามาเค้าบรรจงหอมหน้าผากเราแล้วบอกว่ารู้ไหมว่ามันต่างจากครั้งที่แล้วยังไง....ครั้งที่แล้วพี่หอมเราไม่ใช่เชิงชู้สาวนะแต่เอ็นดูและให้กำลังใจ แสดงความยินดีด้วยที่ทำงานประสบความสำเร็จ
11. หลังจากนั้นเค้าก็ยังไม่พูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ แต่มีคำพูดนึงที่เราลองแกล้งบอกว่าจะลงไปหาแล้วไปนอนที่บ้านพี่นะ เค้าบอกมันถึงเวลาแล้วหรอเราก็พุดไปแค่ว่านั้นไม่ไปเพราะแค่นี้มันก็เถิดเกินเยอะไปแล้วเหมือนกัน เค้าก็พิมพ์แค่ว่าน้อยใจหรอ จะให้พี่ทำยังไงดีครับ / ขับรถกลับบ้านดีดีนะ ฟ.
12. ตอนเช้า หลังจากตื่นแล้วจะแยกย้ายไปทำงาน เราจะหอมแก้ม หอมหน้าผาก กอดกันเงียบๆ แน่นๆ นานๆ ในความรู้สึกเราเองทุกครั้งที่กอดแบบนี้เหมือนกอดสั่งลา เหมือนจะได้เจอเป็นครั้งสุดท้าย มันรู้สึกแบบนั้น
13. ตอนนี้เค้าเร่งหางานของปีหน้า เค้าดีใจรีบบอกอย่างตื่นเต้นว่ามีโปรเจคยาวไปถึงสิ้นปีหน้าแล้วนะ ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งที่กลัวที่สุด เพราะเรายังไม่ได้รับความชัดเจนจากเค้า กลัวว่างานแน่นของเค้าจะทำให้เรากลายเป็นแค่คนเคยรู้จักกัน เพราะเวลาเค้าทำงานแล้วเค้าแทบจะไม่โฟกัสอย่างอื่นเลย
วิเคราะห์ผู้ชายคนนี้
- เป็นผู้ชายวัย40กว่าๆ
- เป็นคนดุและตรงในการทำงาน ทำงานจริงจังและชัดเจน ใครทำงานผิดซ้ำซาก ไม่พร้อมเรียนรู้ ตัดทิ้งทันที / ดูแลบริหารจัดการงาน คน เงิน แต่เพียงผู้เดียว
เคยประสบปัญหาทางธุรกิจ สูญเสียทุกอย่าง เริ่มธุรกิจใหม่จากติดลบ เข้มแข้ง อดทน /
- เป็นคนระวังตัวมาก ชอบอยู่ในจุดที่สามารถเห็นผู้คนเข้าออกได้ถนัด ชอบสังเกตุพฤติกรรมและบุคลิกคน
- กลุ่มเพื่อนฟูงและบุคคลในพื้นที่เค้ารู้จักทุกคน เป็นคนที่กินเหล้าแทบทุกคืนและดึกจนเกือบเช้าทุกครั้ง ถ้าไม่ติดงานที่ต้องส่งราคา หรือประชุมเช้าจริงๆ / ถ้าไม่มีเพื่อนหรือใครไปนั่งกินด้วย เค้าสามารถนั่งกินคนเดียวเงียบๆ ที่ร้านประจำได้
- เวลาโมโห โมโหร้าย / เอาพรรคพวก / ใจถึง / เซนซิทิฟ ไวต่อความรู้สึกและอารม
- เข้าใจในธรรมะ มองโลกบวก
ณ ตอนนี้ความสัมพันธ์ทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ แต่เราเดาผู้ชายคนนี้ไม่ถูกจริงๆ เราสับสน เหนื่อยในความไม่ชัดเจน บางทีอยากจะโมเมนต์แบบคนเป็นแฟนกัน ก็ไม่กล้า อยากจะพูดเคลียร์เรื่องความสัมพันธ์ก็กลัวว่าถ้าไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้ก็จะเฟลสุดๆ ถ้าหากไม่มีงานที่ต้องดิวกันต่อป่านนี้อะไรคงชัดเจนไปแล้ว
จะอยู่หรือจะไปต่อตอนนี้ก้าวขาไม่ถูกเลยทีเดียว!!!!!