[CR] ย่างกุ้ง3วัน2คืน แต่เที่ยวเหมือนOne day trip!!! งบ4,000รวมทุกอย่าง

กระทู้รีวิว

เที่ยวพม่า เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ ประเทศพม่า นักท่องเที่ยว

บอกก่อนว่าทริปนี้เราไป 3 วัน 2 คืนก็จริง แต่เวลาที่เราใช้เที่ยวจริงๆมีแค่ 1 วันเองค่ะ ฮ่าๆ จะเรียกว่า One Day Trip ยังได้เลย
รายละเอียดค่าใช้จ่ายเดี๋ยวเราจะเขียนสรุปไว้ให้ตอนท้ายนะคะ
.
.
.
ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด5คน ตอนแรกคิดไว้ว่าการเดินทางในย่างกุ้งเราจะลองนั่งรถเมล์ เพราะว่ามันถูก! แต่ด้วยความที่ไปกัน5คน มีคนหารเยอะเพราะฉะนั้นเราเลยนั่งแท็กซี่ซะเลย ราคาเฉลี่ยต่อคนก็ไม่ต่างกับรถเมล์เท่าไหร่(หรอ) เลยเน้นสะดวกเลยค่ะ ไหนๆเราก็มีเวลาน้อยอยู่แล้ว(แต่ต้องต่อราคาหน่อยนะ บางคันนี่พูดราคามาเว่อร์วังมาก)

สถานที่หลักๆที่เราไปมีดังนี้ (ค่าเข้าอัปเดต2019)
- Botahtaung Pagoda (เทพทันใจ) >> ค่าเข้า 6,000 Kyat
- Sule Pagoda (เจดีย์สุเล) >> ค่าเข้า 5,000 Kyat
- Yangon City Hall+ Maha Bandula Park เรียกว่าเดินผ่านดีกว่าเพราะใกล้กันมาก >> ฟรี
- Chauk Htat Gyi (วัดพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ พระนอนตาหวาน) >> ฟรี
- Nga Htat Gyi (วัดงาทัตจี) >> ฟรี
- Kandawgyi Lake (ทะเลสาบกันดอจี) >> ค่าเข้า 300 Kyat
- Shwedagon Pagoda (เจดีย์ชเวดากอง) >> ค่าเข้า 10,000 Kyat
*เตรียมถุงใส่รองเท้าไปด้วยก็ดีนะคะ เพราะว่าต้องถอดรองเท้าในการเข้าวัดด้วย บางที่ก็ใส่ถุงแล้วเดินถือไปด้วยได้ เช่นเจดีย์สุเล,เจดีย์ชเวดากอง แต่บางที่ก็ต้องวางไว้ข้างนอก ดูกันดีๆนะคะ

DAY 1

12 Oct 2019

เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง,กรุงเทพ โดยสายการบิน Lion Air เวลา 18.55 น.มาถึงสนามบินย่างกุ้งเวลาประมาณ 20.00 น. (เวลาที่พม่าช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมง)

เดินทางเข้าเมืองไปที่เจดีย์สุเล ด้วย Airport Shuttle Bus ตรงทางออก3 ราคาคนละ 500 Kyat (เป็นตู้เก็บเงินไม่มีทอนนะคะ อาจจะขอแลกคนขับได้ถ้าเขาใจดี)

ถึงแล้วเจดีย์สุเล เดี๋ยวจะมุ่งหน้าไปหาของกินย่านChinatown! แต่ด้วยใจที่ท้อแท้ ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหนคือใกล้ โรงแรมที่เราจองนั้นอยู่คนละฝั่งกับChinatownเลยจ้า ระหว่างทางใจก็ท้อแท้เห็นภาพร้านทยอยปิด แอบคิดว่าเรามาถูกที่ไหม จากนั้นพอคิดภาพการเดินไปแล้วต้องเดินกลับมาอีกร่างกายก็อิดโรยขึ้นมา พอแล้วฉันพอแค่นี้ กลับไปหาไรกินแถวโรงแรมกันเถอะทุกคน

ระหว่างทางเดินกลับไปโรงแรม ผ่านMaha Bandula Parkเหมือนจะมีงานอะไรแน่ๆแวะเข้าไปดูนิดๆมีการประดับไฟสวยดี (สรุปคืองานThadingyut ที่จัดในช่วงออกพรรษา มีจัดงานตามที่ใหญ่ๆหลายที่เลย)

มาถึงโรงแรมก็สอบถามพนักงานเลยว่า ณ เวลาแบบนี้จะไปหาของกินใกล้ๆได้จากที่ไหนบ้าง บังเอิ๊ญบังเอิญช่วงที่เราไปมันมีเทศกาล Thadingyut ; Festival of Lights ซึ่งตรงถนน Bogyoke Aung San ก็มีจัดงาน เขาแนะนำให้ไปตรงนั้น พอไปถึงคือแบบสวรรค์แล้วแกร ของกินเพียบงานใหญ่เหมือนงานกาชาดบ้านเราเลย (แต่ไม่ได้มีทุกวัน ทุกครั้งนะคะ จากที่สอบถามช่วงที่เราไปจะมีจัดงานประมาณ10วัน)
*จะบอกว่าที่ย่างกุ้งร้านสะดวกซื้อพวกมินิมาร์ทเยอะอยู่นะ สบายใจหายห่วง

อันนี้เป็นแผนที่ของโรงแรม งานจัดอยู่บริเวณที่เราแปะดาวไว้ค่ะ เดินไปได้เพราะไม่ไกลจากโรงแรมมาก

แสงสีเสียงจัดเต็ม เราตื่นตาตื่นใจกับชิงช้าสวรรค์มาก เป็นครั้งแรกที่เห็นชิงช้าสวรรค์แบบใช้คนหมุนอ่ะ คือแอบลุ้นแทนคนนั่ง

อาหารท้องถิ่นจริงๆเยอะมากๆ เยอะจนเลือกร้านไม่ถูก เพราะแต่ละร้านหน้าตาอาหารเหมือนกัน เราเลยสุ่มมั่วเลย ที่เรากินจะเป็นเหมือนชาบูซีฟู้ด แล้วก็มีพวกลูกชิ้นเสียบไม้ ไม้ละ3,000 Kyat โดยรวมแล้วมื้อนี้จ่ายไป 20,500 Kyatจ้า หลังจากนั้นก็แวะร้านนั่งดื่มอีกนิดหน่อยแล้วค่อยกลับที่พัก

หมดไปแล้ว1วันเร็วไหมละ ฮ่าๆ

DAY 2

13 Oct 2019

Morning! ตั้งใจว่าจะตื่นเช้ามากๆ แบบ7โมงออกจากที่พัก แต่ในความเป็นจริง เราออกจากที่พักตอน8โมงจ้า เราได้สอบถามกับพนักงานโรงแรมแล้วว่าจะไปเทพทันใจยังไงได้บ้าง เขาบอกเดินไปก็ได้ประมาณ15-20นาทีจากโรงแรม ซึ่งตอนนั้นเราก็ชิวๆแหละ เดินไปเรื่อยๆ ดูตึกราบ้านช่องไป (แต่ถ้าไปแท็กซี่ก็2,000 Kyat)

ระหว่างเดินก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อย ตึกแต่ละตึกก็มีความชิคอยู่นะ

ถึงแล้ว Botahtaung Pagoda ทางเข้าคนดูเยอะมาก ไม่รู้ว่าเยอะงี้ทุกวันไหม หรือเพราะเรามาในช่วงเทศกาลของเขาด้วย ค่าเข้าคนละ 6,000 Kyat ได้ผ้าเย็น1ผืนด้วย

ภายในเจดีย์สวยงามมาก มีความซิกแซก ตามมุมต่างๆก็จะมีคนพม่ามานั่งสวดมนต์ทำสมาธิกัน และมีวัตถุโบราณมาจัดแสดงให้ชมระหว่างทาง อีกทั้งมีการนำพระเกศาธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใสใจกลางเจดีย์อีกด้วย แต่เราดันไม่เห็นT^T

เทพทันใจ (แนบคาถา) การขอพรต้องขอเพียงข้อเดียวเท่านั้น!!! เราบอกเลยว่าตอนนั้นเราหนักใจมากเพราะสิ่งที่อยู่ในใจเรามันเยอะไปหมด แต่เราต้องคัดกรองให้เหลือแค่ข้อเดียว!

ข้างหลังมีท่าเรือด้วยแต่ว่าตอนกลางวันร้อนมากสู้แดดไม่ไหวจริงๆ
***ตอนเดินออกมา ฝั่งตรงข้ามมีศาลนัตอีกองค์หนึ่งซึ่งชาวพม่าเรียกว่า "อะมาดอว์เมียะ" หรือที่คนไทยเรียก "เทพกระซิบ" แต่เราไม่เห็นT^T อีกแล้วหรือนี่ เราก็หาว่าอยู่ตรงไหนแต่ตอนนั้นมึนแดดรึป่าวไม่รู้ เดินขึ้นแท็กซี่กลับไปเจดีย์สุเลเฉยเลย ฮ่าๆ***

นั่งรถแท็กซี่(2,000 Kyat )กลับมาที่ Sule Pagoda(เจดีย์สุเล) ค่าเข้าคนละ 5,000 Kyat

เจดีย์สุเล เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม สีทองอร่ามใจกลางเมือง ฐานเจดีย์โดยรอบมีพระประจำวันเกิดให้ได้สักการะบูชา เรามาตอนเกือบเที่ยงพื้นแอบร้อนเลยแหละ

AYA Bank ตรงข้าม Maha Bandula Park + Yangon City Hall อันนี้คือเดินเล่นชิวๆเก็บบรรยากาศเมืองโดยรอบ แดดร้อนแรงแผดเผามาก จริงๆยังมีมุมสวยๆอีกนะ แต่เราต้องรีบทำเวลานิดๆ เพราะช่วงบ่ายเราจะไปทางแถบเจดีย์ชเวดากองต่อ (One Day Trip ไหมละฮ่าๆ)

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และนี่คือข้าวกลางวันของเราเอง มันคือข้าวหมกไก่แหละ หน้าตาอาจดูงงๆแต่มันก็อร่อยอยู่นะ ชื่อร้าน Kyat Shar Soon ตรงถนน Maharbandula ร้านอยู่ตรงหัวมุมซอย Seik kan thar เราเห็นคนเข้าคิวเยอะเลยคิดว่าเด็ดแน่ๆ ราคา 2,900 Kyat

https://goo.gl/maps/zyMnhSkBiYuYMCuQ8

.
.
.
หลังจากกินอิ่ม เราก็ออกจากเจดีย์สุเลไปที่พักคืนที่ 2 ของเราแถวสนามบิน เพราะเช้าวันถัดไปเราต้องกลับเร็ว ไม่อยากร้อนรนเลยนอนใกล้ๆสนามบินซะเลย ค่าแท็กซี่จากเจดีย์สุเลไปสนามบิน 7,000 Kyat
เมื่อเก็บของเรียบร้อยเราก็ไปที่วัดพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ พระนอนตาหวานต่อ นั่งแท็กซี่จากทีพักเราไปราคา 5,000 Kyat ส่วนค่าเข้าวัดฟรีจ้า หรือบริจาคได้ตามศรัทธาเลย

องค์พระมีขนาดใหญ่มาก มีความยาวถึง 65 เมตร ทำให้ไม่สามารถเก็บภาพได้ทั้งองค์ แต่ทางวัดได้จัดมุมไว้ให้ เป็นแท่นบันไดขึ้นไปไม่สูงมากให้เราสามารถถ่ายรูปได้ทั้งองค์ และจะมองเห็นพระบาทที่มีภาพวาดลายธรรมจักร ตรงกลางฝ่าพระบาทล้อมรอบด้วยรูปมงคล 108 ประการ ที่แสดงให้เห็นถึง อากาศโลก สัตว์โลก และสังขารโลก

อ้อมมาข้างหลังองค์พระ และมองออกไปจะเห็นวัดงาทัตจี อยู่ตรงข้ามกันเลยค่ะ เดินไปได้จากวัดพระนอนตาหวาน จริงๆเราแอบเห็นบันไดลงไป ดูแล้วเหมือนจะเชื่อมไปถึงได้เร็ว แต่ไม่รู้เป็นกุฏิพระหรือป่าว เลยออกมาเดินทางปกติดีกว่าระหว่างทางก็มีการขายของตามทางแบบในรูปเลย

อยู่ตรงข้ามจริงๆ เดินข้ามถนนมาก็ถึงแล้ว

ฉากขอพรในเรื่อง Friendzone ลอยขึ้นมานิดๆ หลวงพ่องาทัตจี แปลว่า หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ เครื่องทรงเป็นโลหะ ส่วนเครื่องประกอบด้านหลังจะเป็นไม้สักแกะสลักทั้งหมด และสลักเป็นลวดลายต่างๆ จำลองแบบมาจากพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยยะตะนะโบง (สมัยมัณฑเลย์) ของจริงสวยมากเลยค่ะ

ออกจากวัดงาทัตจี มาที่ทะเลสาบ Kandawgyi Lake (ทะเลสาบกันดอจี) ค่าเข้า300 Kyat นั่งแท็กซี่จากวัดงาทัตจีมาราคา 3,000 Kyat
สามารถมองเห็นเจดีย์ชเวดากองได้เลยจากตรงนี้ เรือที่เห็นด้านหลังเป็นภัตตาคารอาหาร อลังมาก เราเดินเล่นอยู่แป๊ปนึงแล้วก็ไปที่เจดีย์ชเวดากองต่อเพราะอยากได้ภาพแบบที่มีแสงอาทิตย์ตกดินกับภาพกลางคืนของเจดีย์ค่ะ

ยังไม่จบนะอ่านต่อได้ในCommentจ้า

แก้ไขข้อความเมื่อ