แบกเป้เที่ยวเดี่ยว เชียงใหม่ แม่กำปอง

ประสบการณ์เที่ยวเดี่ยวครั้งแรกครับ
ถึงแม้จะไม่ใช่เป็นการท่องเที่ยวที่แปลกตาอะไรมากมาย แต่มันแปลกตรงที่วิธีการเดินทางนี่แหละครับ เส้นทางที่ผมเลือกคือจังหวัดที่ผมไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ แต่นี่จะเป็นครั้งแรกของผมกับการเดินทางคนเดียวไปที่เชียงใหม่ เส้นทางของผมคือ  
- หัวลำโพง- เชียงใหม่-แม่กำปอง-เชียงใหม่-หัวลำโพง ใช้เวลาที้งสิ้น 4 คืน 3 วัน.                            
   ❤️ผมเริ่มออกเดินทางทางสถานีรถไฟที่ไม่น่าจะมีใครในประเทศไทยนี้ไม่รู้จัก หัวลำโพง ด้วยรถไฟนั่งพัดลมชั้น 2 ซึ่งผมใช้เวลาในการตัดสินใจเดินทางและซื้อตั๋วก่อนออกเดินทาง ไม่ถึง สิบชั่วโมงก่อนหน้านี้ เดินทางสู่เชียงใหม่ในวันรุ่งขึ้น บนรถไฟที่นั่งชั้นสองแบบพัดลมกับบรรยากาศคุ้นเคยเพราะผมเคยเดินทางกลับบ้านโดยวิธีแบบนี้ในหลายครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นการเดินทางแบบเดียวกันแต่จะเดินสวนทางขึ้นไปทางภาคเหนือครั้งแรกแทนที่จะนั่งลงใต้เหมือนทุกครั้ง บรรยากาศสองข้างทางระหว่างนั่งรถไฟช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ลับฟ้าถือเป็นวิวที่ไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถไฟทั้งภูเขา ทุ่งนาและป่ารอบสองข้างทาง กินมื้อเย็นเป็นข้าวเหนียวหมูทอดที่คุณป้าบนรถไฟยิ้มหวานให้ผมหนึ่งครั้งและขายให้ผมในราคา30บาท คืนวันเดินทางเป็นวันข้างขึ้นพระจันทร์เกือบเต็มดวงมองออกไปเห็นดวงจันทร์ลอยเด่นแสงจันทร์กระทบกับพื้นนำ้สวยงามอย่าบอกใครเลยครับ
เช้าวันใหม่ผมลืมตาขึ้นมาบนเบาะที่นั่งบนรถไฟชั้น2ยังไม่ทันถึงเชียงใหม่ราวๆตีสี่กว่าๆ นั่งรถต่อไปอีกราวๆครึ่งชั่วโมงก็ถึงเป้าหมายแรกของผมนั่งก็คือสถานีรถไฟเชียงใหม่ แบกกระเป๋าที่ติดตัวมา1ใบมองหาห้องนำ้จัดแจงทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว มองหาเป้าหมายต่อไปนั่นก็คือรถแดงการเดินทางขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังตลาดวโรรสหรือกาดหลวงเพื่อไปยังคิวรถตู้ที่จะพาผมไปสู่จุดหมาย “หมู่บ้านแม่กำปอง” นั่งรถแดงไปถึงราวๆหกโมง ผมมีนัดกับคิวรถตู้ตอน7.40 เหลือเวลอีกชั่วโมงกว่าๆทำไรดีหล่ะ สิ่งแรกที่ผมคิดและทำโดยไม่ลังเลเลยนั้นคือการหาอะไรกิน มองเห็นร้านโจ๊กกาแฟ เดินตรงดิ่งเข้าไปโดยไม่คิดอะไรเลยครับ สั่งโจ๊กหมูใส่ไข่กับปลาท่องโก๋อีก1ชิ้น พร้อมกับกาแฟดำหนึ่งแก้ว นั่งทานไปราวๆครึ่งชั่วโมงหันไปมองนาฬิกา เหลือเวลาอีกชั่วโมงทำไรดีละ ก็เลยถามป้าร้านกาแฟว่าผมมีเวลาอีกเกือบๆชั่วโมงมีอะไรแนะนำไหมครับ ป้าเลยบอกให้ไปเดินประตูท่าแพ หรือไม่ก็เดินข้ามสะพานไปอักฝั่งของแม่นำ้ปิงมีวัดเล็กๆอยู่ผมเลยเลือกเดินชมแม่นำปิงยามเช้าและข้ามไปวัดตามที่ป้าแนะนำ เดินเล่นถ่ายรูปอยู่สักพักใกล้เวลาขึ้นรถมานั่งรออยู่ประมาณ10นาทีผมก็ได้ขึ้นรถ บนรถทั้งคันมีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือแม่กำปอง หมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาของอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางราวชั่วโมงกว่าๆผมก็ถึงเป้าหมายปลายทางของผมนั่นคือหมู่บ้านแม่กำปองช่วงสายๆของวันผมจองที่พักไว้สำหรับ 1 คืนที่เรือนหม่อนแก้ว เป็นโฮมสเตย์ที่กินอยู่ในบ้านพี่เจ้าของบ้านเป็นกันเองมากครับผมฝากกระเป๋าไว้ก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลาเข้าพักเป้าหมายของผมของการมาแม่กำปองครั้งนี้กะว่ามานั่งโง่ๆเรื่อยๆดื่มกาแฟแล้วอ่านหนังสือกับบรรยากาศที่เงียบสงบแล้วมันก็เป็นไปตามที่ผมคิดนะครับได้สัมผัสกับบรรยากาศอยางที่ตั้งใจไว้ทุกประการ แต่ไหนๆก็มาแล้วเดินชมบรรยากาศหมู่บ้านกันสักหน่อย เริ่มต้นจากไปไหว้พระที่เดินออกมาจากที่พักก็เจอเป็นวัดเล็กๆได้บรรยากาศวัดแบบเหนือแท้ๆครับด้านหลังวัดมีลำธารแวะลงไปถ่ายรูปแล้วนั่งกินบรรยากาศสักพักต่อจากนั้นผมเดินลงไปด้านล่างชมวิถีต่างๆของชาวแม่กำปองจนเที่ยงผมก็แวะกินข้าวเที่ยงแบบอาหารเมืองที่ร้านไส้อั่วแม่นิ่ม แม่กำปอง สั่งลาบคั่วกับไส้อั่วกับข้าวเหนียวห่อนึง นั่งกินสักพัก ออกเดินทางต่อไปเป้าหมายต่อไปของผมก็คือนำ้ตกซึ่งเดินขึ้นไปด้านบนของหมู่บ้านแนะนำสำหรับคนที่เป็นข้อเข่าเลื่อมไมาควรเดินขึ้นไปมันชันมากครับ5555แต่ผมเดินผ่านร้านกาแฟระเบียงวิวซึ่งอดใจไม่ไหวเดินเข้าไปสั่งอเมริกาโน่น้ำผึ้งเมนูโปรดกะว่านั่งอยู่สักแป๊บแล้วค่อยเดินไปนำ้ตกแต่ผลออกมาคือนั่งยาวเลยครับนั่งฟังเพลงงานอดิเรกที่ชื่นชอบที่สุด อ่านหนังสือสลับกับการมองวิวมุมฮิตของแม่กำปองทำให้เวลาล่วงเลยไปเกือบไสามโมงเย็นตัดสินใจเดินออกมามุ่งหน้าไปน้ำตกตามที่ตั่งใจไว้ครั้งแรกเดินสักพักราวๆห้านาทีก็ไปถึงน้ำตกมีนักท่องเที่ยวอยู่คนสองสามคนบรรยากาศเปลี่ยวๆอยู่เหมือนกันครับเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชมนำ้ตกซึ่งด้านบนมองซ้ายมองขวามีผมคนเดียวครับบบบบถ่ายรูปอยู่พักนึงเก็บบรรยากาศอีกเล็กน้อย เดินลงมาราวๆห้าโมงกว่าๆมีฝนตกลงมาปรอยๆก็เลยตัดสินใจแวะนั่งพักบริเวณวัดอ่านหนังสือเรื่อยๆก่อนกลับเข้าที่พักถึงที่พักก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดีครับที่พักด้านล่างมีห้องพักสามห้องเพื่อนร่วมบ้านของผมวันนี้มีครบทั้งสามแบบเลยครับห้องแรกมาสองคนแบบคู่รักซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ร่วมเดินทางเที่ยวแม่กำปองในวัดต่อมาของผม ห้องต่อมามาเป็นแบบครอบครัวพ่อแม่และลูกสองคน และห้องสุดท้ายเป็นผม เพื่อนใหม่ที่ได้รู้จักกันมาไม่นานชวนผมเดินออกไปชมแม่กำปองยามคำ่คืนเราเดินออกไปถ่ายรูปสักพักใหญ่ๆคุยถามไถ่ตามประสาคนเพิ่งรู้จักกันก่อนกลับที่พัก เรามีนัดหมายกันวันพรุ่งนี้จะขึ้นไปรับแสงตะวันวันใหม่ที่กิ่วฝิ่นเวลาตีห้าครึ่งโดยนั่งรถชาวบ้านขึ้นไป เราแยกย้ายกันเข้านอนผมทำภาระกิจส่วนตัวออกมาสะกิดโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจบวันแรกที่แม่กำปองไปกับเสียงจิ้งหรีดเสียงน้ำตก วันที่ 2 ผมตื่นขึ้นมาทำภาระกิจส่วนตัวราวตีห้ากว่าๆ ก่อนออกเดินทางพร้อมกับเพื่อนใหม่ขึ้นไปยังกิ่วฝิ่น บรรยากาศลมพัดเย็นๆรายล้อมด้วยธรรมชาติทำให้รู้เลยว่าไม่เสียแรงที่แหกขี้ตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้ากิ่วฝิ่นเป็นชายแดนของลำปางกับเชียงใหม่ลงจากกิ่วฝิ่นผมและเพื่อนใหม่ขอแวะลงที่น้ำตกซึ่งเพื่อนใหม่ของผมยังไม่ได้มาสัมผัส เดินชมนำ้ตกอยู่สักพักออกเดินทางจากนำ้ตกมายังร้านกาแฟร้านดังอีกร้านหนึ่งของแม่กำปองคือร้านชมนกชมไม้เราสามคนเป็นแขกของร้านชุดแรกของวันนี้ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศแบบเต็มๆโดยที่ไม่ต้องแย่งกับใคร ผมสั่งอเมริกาโน่นำ้ผึ้งเมนูโปรดอีกรอบแต่รอบนี้ขอเป็นร้อนกับบรรยากาศยามเช้ามันดีจนบรรยาศไม่ถูกจริงๆเลยครับฟินมาก สายๆแขกเริ่มทยอยเข้าร้านมากขึ้นผมและเพื่อนใหม่เดินลงมาชมบรรยากาศยามเช้าของแม่กำปองถ่ายรูปไปเรื่อยๆก่อนกลับที่พักไปทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มและไข่ต้ม หลังจากมื้ออาหารเราคุยกันแลกเปลี่ยนมุมของอาชีพของกันและกันซึ่งเพื่อนใหม่ทั่งสองของผมทำงานยู่สายการบินในประเทศสายการบินหนึ่งหลังจากจบการสนธนาเพื่อนใหม่ทั้งสองของผมชวนไปเที่ยวม่อนแจ่มด้วยกันตอนแรกก็ลังเลแต่ตัดสินใจปฏิเสธไปเพราะอะไรไม่รู้แต่เดี๋ยวมันจะผิดแผนที่วางไว้ เพราะคิดว่าม่อนแจ่มต้องเก็บไว้เป็นข้ออ้างของการมาเชียงใหม่อีกรอบ555ผมและเพื่อนใหม่แยกย้ายกันที่พักเพื่อนใหม่ตะโกนถามผมอีกรอบเพื่อความมั่นใจระหว่างขับรถผ่านแต่ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิมแผนต่อไปของผมก็คือร้านกาแฟอีกร้านซึ่งอยู่ด้านล่างสุดต้องเดินลงไปชื่อร้านTeddu coffee เพื่อนั่งรอขึ้นรถกลับไปยังตัวเมืองเชียงใหม่อีกครั้งตอนบ13.20 ร้านบรรยากาศดีมากครับนั่งชมนำ้ตกฟังเสียงนำ้ตก ก่อนกลับสามารถเดินขึ้นผ่านสะพานเชือกออกมา สักพักใกล้ถึงเวลารถออกผมเดินมุ่งหน้าไปโรงเรียนแม่กำปองที่ขึ้นรถไปยังตัวเมืองเชียงใหม่ ผมนั่งรถลงมาจากแม่กำปองเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ถึงประมาณ3โมงเย็นซึ่งผมได้จองโฮสเทลไว้เป็นห้องนอนรวม4เตียง ตัดสินใจเช่ารถมอไซด์ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของผมกับการขับรถมอเตอไซด์ครั้งแรกในตัวเมืองเชียงใหม่ รอรถอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงเป้าหมายแรกก็คือสานีรถไฟเพื่อจะจองตั๋วรถไฟกลับในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น ความลำบากของการขับรถคนเดียวในทางที่ไม่คุ้นเคยก็จะค่อนข้างลำบากหน่อย ผมใช้วิธีการเปิดgoogle map เสียบหูฟังเพื่อนำทางครับดูทุลักทุเลแต่มันก็โอเคนะครับ555 ได้ตั๋วกลับละครับ ผมเลยขับรถมอเตอร์ไซด์ชมความงามของเชียงใหม่ในยามคำ่คืนจบด้วยตลาดนัดหน้ามช.จบวันนี้ด้วยการสนทนาภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลีกับรูมเมทแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง555จบวันที่2ราวๆสี่ทุ่มตั้งใจจะนอนเร็วเพราะเป้าหมายของพรุ่งนี้คือขับมอไซด์ขึ้นดอยครับ
เช้าวันใหม่ของวันสุดท้ายในเชียงใหม่ของผมตื่นราวตีห้ากว่าๆทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จก็ขับมอเตอร์ขึ้นไปตอนแรกคิดว่าจะขับขึ้นไปแค่พระธาตุดอยสุเทพสุดท้ายเลยเลยเถิดไปจนถึงหมู่บ้านม้งดอยปุยแวะตลอดทางที่มีให้แวะเก็บทุกที่ให้เข้าถึงแม้จะเคยมาแล้วก็ตามใช้เวลาจนถึงสิบโมงกว่าๆขับลงมาเพื่ออาบนำทำภาระกิจส่วนตัวก่อนเช็คเอ้าท์ที่โฮสเทลให้เสร็จตอน11.30 ขับรถมอไซด์ออกมาเพื่อหาข้าวเที่ยงกินก่อนออกเดินทางเป้าหมายของบ่ายนี้คือไหว้พระสักสองสามวัดแล้วหาร้านกาแฟนั่งชิวๆก่อนขึ้นรถไฟกลับตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ได้แวะสองวัดวัดแรกคือวัดโลกโมฬีแล้วไปหยุดอยู่ที่วัดอุโมงค์ราวๆชั่วโมงนึงได้สุดท้ายออกจากวัดอุโมงค์ราวๆบ่ายสองกว่าๆมุ่งหน้าสถานีรถไฟส่งรถแล้วหากาแฟกินแถวนั้นสุดท้ายได้ร้านกาแฟตรงสถานีรถไฟขี้เกียจเดินหานั่งอยู่ราวๆครึ่งชั่วโมงก่อนถึงเวลารถไฟออกรถไฟแบบเดียวกับขามาขอเจ้าหน้าที่นั่งริมหน้าต่างตอนจองตั๋วบรรยากาศบนรถไฟยามเย็นก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดิมครับผ่านอุโมงค์ขุนตาล และบรรยากาศธรรมชาติสองข้างทางยังคงสวยงามสุดยอดเสน่ของการนั่งรถไฟเที่ยวเลยครับ หลับๆตื่นๆตั้งใจจะดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามคาดเพราะสัญญานมือถือไม่เอื้ออำนวยหลับๆตื่นๆสุดท้ายรถไฟขบวนที่52 เชียงใหม่-กรุงเทพ ก็พาตัวผมกลับมายังจุดแรกเริ่มของการเดินทาง หัวลำโพง เวลาตีห้าครึ่ง
#หัวลำโพง #การรถไฟแห่งประเทศไทย #เที่ยวคนเดียว #เชียงใหม่ #หมู่บ้านแม่กำปอง #แบกเป้เที่ยวเดี่ยว #ปบ่อยใจไปตามตีน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่