" มีโยคีผู้ปฏิบัติธรรมคนนึงนะครับ เป็นผู้หญิง เขามาปฏิบัติธรรมที่นี่ เมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา (ปี 2562) เงินก็ไม่ค่อยจะมีหรอกครับ แต่ใจก็อยากมาปฏิบัติธรรม พอหาเวลาว่างได้เนี่ย ก็มาเลย ตอนจะกลับเนี่ย ช่วงสงกรานต์ เขาเหลือเงินติดตัวอยู่ทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ย 100 บาท เหลือแบงค์ร้อยอยู่ใบเดียว ทีแรกเขาก็หวงนักหวงหนา จะเก็บไว้เป็นค่ารถกลับบ้าน ใจก็อยากจะทำบุญนะครับ แต่เงินก็ไม่ค่อยมี ก็หวงไว้... เพราะกังวลว่าจะกลับบ้านยังไง ถ้าไม่มีเงิน ก็เก็บเงินเอาไว้ก่อน จนสุดท้ายเนี่ย ตอนที่เขาจะกลับ เขาควักเงินออกมาเลย แบงค์ร้อย บริจาคใส่ผ้าป่ามาให้ นี่แหละครับคนมีจาคะ เขามาปฏิบัติธรรม เขาทำให้ถึงที่สุดจริงๆ แม้ความตระหนี่เล็กน้อยในใจเขา เขาก็ไม่เอาไว้ เขาสละมันออก อาจารย์นับถือใจเขาจริงๆ ผู้หญิงคนนี้นี่... ใจเด็ดครับ "
เป็นเรื่องเล่าจากพระอาจารย์ ตอนที่เราไปบวชเนกขัมมะ ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาค่ะ ตอนกลางวัน ศิษย์นั่งกันอยู่หลายคน แล้วท่านก็ยกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เป็นตัวอย่างในเรื่องของการสละความตระหนี่ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนเราฟังแรกๆเราก็งง.. แล้วผู้หญิงคนนี้เขาจะกลับบ้านยังไง ก็บริจาคซะหมดตัวขนาดนั้น จะเอาเงินที่ไหนไปเป็นค่ารถกลับบ้าน!?
แต่พอเรามาบันทึกไดอารี่ เรียบเรียงเรื่องราว ทบทวนกลับไปในช่วงเวลานั้น เขียนไปเรื่อยๆ จนตอนที่เขียนใกล้จะจบ เรื่องราวที่พระอาจารย์เคยเล่า มันมาโผล่ในไดอารี่ในช่วงเวลาที่เราเขียนถึง มันเลยทำให้เราอ๋อ เรารู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และเธอคนนั้นกลับบ้านยังไง ในเมื่อเธอสละเงินที่เหลืออยู่เพียงเท่านั้นไปหมดแล้ว คือตอนกลับ เธอมีญาติมารับค่ะ ตอนที่เธอจะกลับ มันเป็นช่วงเทศกาล เธอไม่รู้ว่าญาติเธอจะว่างมารับรึเปล่า เพราะเขาอาจจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง หรือไปต่างจังหวัด เธอจึงหวงเงินนั้นไว้ เพื่อที่อาจจะต้องใช้เป็นค่ารถกลับบ้าน แต่พอญาติเธอมารับ เธอก็ยังมีใจที่คิดว่าจะเก็บเอาเงินนี้ไปซื้อของกินข้างนอก นี่มันเป็นมารยากิเลสค่ะ ผู้หญิงคนนี้เห็นความตระหนี่ในใจตนเข้าแล้ว เธอพิจารณา.. เธอมาฝึกเพื่อละ.. เธอจะสละความตระหนี่นี้ เธอเห็นมันแล้ว เธอจะไม่เอาไว้แม้เพียงเล็กน้อย ... เธอพิจารณาต่อว่า.. หากเธอไม่มีเงินนี้เธอจะลำบากหรือไม่ เมื่อเธอเห็นว่าไม่ เพราะเธอสามารถหาเงินใหม่ได้ เธอไม่ได้เดือดร้อนอะไรหากไม่มีเงินนี้ แล้วเธอจะหวงไว้ทำไม เมื่อเธอพิจารณาดังนี้แล้ว เธอจึงหยิบเงินแบงค์ร้อยในกระเป๋าที่เธอเหลืออยู่เพียงเท่านั้น ที่ขณะนั้นมีกลุ่มคนมาร่วมถวายผ้าป่าอยู่ เธอเดินเข้าไป ขอไม้เสียบเงิน และใส่เงินนี้บริจาคร่วมกับเขาไป เธออธิษฐานในใจ "ความตระหนี่ในเงินนี้ ข้าพเจ้าได้สละออกแล้ว เงินนี้ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา การสละความตระหนี่ คือกิเลสนี้ จะเป็นเหตุสู่นิพพาน น้อมสู่นิพพาน โน้มไปในนิพพาน" ความตระหนี่คือกิเลสอันเป็นของหนัก เมื่อเธอได้สละมันออก เธอกราบลาพระอาจารย์กลับบ้านด้วยใจที่เบาสบาย
เรื่องเล่าจากพระอาจารย์
เป็นเรื่องเล่าจากพระอาจารย์ ตอนที่เราไปบวชเนกขัมมะ ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาค่ะ ตอนกลางวัน ศิษย์นั่งกันอยู่หลายคน แล้วท่านก็ยกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เป็นตัวอย่างในเรื่องของการสละความตระหนี่ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้