ต่อจากกระทู้
https://pantip.com/topic/39320926 และ
https://pantip.com/topic/39321060
#Day11 เป็นวันที่เรานอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเรือชิวๆสบายๆ อ่านหนังสือไป ดูภูเขาไป มองทะเลสาบไป เป็นวันพักผ่อนก่อนเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ แผนในวันนี้ของเราคือ ไปซื้อปิ่นโต ไปกินไอติมที่อร่อยที่สุดในเมืองนี้ ไปกินKFCโมโม่(แป้งยัดไส้ไก่แล้วทอดปรุงรสสไตล์อินเดีย ตบท้ายด้วยชิกเก้นชอร์ม่า(chicken wrapแบบฉบับอินเดีย) กินจนจุกไปเลยจ้ะ แซมมี่เขาเลี้ยงดีจริงๆ แล้วตอน 4 โมงเย็น เราก็มีแพลนเที่ยว ซึ่งก็คือ “นั่งเรือสปีดโบ๊ทเที่ยวรอบทะเลสาบ Dal Lake อันกว้างใหญ่” รอบนี้มีเวลาเหลือๆ แซมมี่เลยหากิจกรรมให้ได้เที่ยวกันอย่างคุ้มค่า ระหว่างทางที่เรานั่งเรือไปนั้นผ่านหมู่บ้านในทะเลสาป ได้เห็นวิถีชีวิตของเด็กริมฝั่งน้ำ มีสวนผักในคูคลอง และที่นี่ก็มีตลาดน้ำด้วย(แต่เราไม่อิน บ้านเราบรรยากาศดีกว่า ไม่อยากเกทับให้เสียใจ) ระหว่างนั้นอยู่ๆก็มีฝนตกลงมา ทีนี้ก็เหมือนขับเรือหนีฝนอ่ะสนุกดี เปียกนิดเปียกหน่อยแต่เย็นดี เราชอบ แล้วเราก็ได้แวะลงเดินดูมัสยิดสวยๆ (แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเพราะว่าแต่งตัวไม่มิดชิดเขาต้องให้ใช้ผ้าโพกหัวด้วย) ข้างๆมัสยิดนั้นมีตลาดให้เราเดินเล่นด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#Day 12 วันที่เราต้องกลับกรุงเทพแล้ว ฟีลลิ่งมหารานี(ชีวิตที่ตื่นมาก็มีของกินเสริฟเช้า กลางวัน เย็น มีคนขับรถพาเที่ยวที่นั่นนู้นนี่ ใช้เงินช้อปปิ้งๆๆกันอย่างหน้ามืด)กำลังจะจบลง😭 ต้องกลับไปทำมาหากินแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ...
#เราประทับใจลุงชาช่ามาก แกโคตรขยัน แถมยังเล่านู้นนี่นั่นเก่งดีเราก็ชอบฟัง แกเกิดมานาน ทำงานบริการในบ้านเรือมานาน รู้จักนักท่องเที่ยวมากมาย แกเล่าให้ฟังตั้งแต่ยุคที่แคชเมียร์บูมมากๆ นักท่องเที่ยวชาวยุโรปมาเที่ยวเยอะมากและนิสัยดีด้วย แต่ตอนนี้ที่เขาไม่มาเพราะว่าถูกรัฐบาล(ยุโรป)ของเขาห้ามให้มาเพราะเห็นว่ามีทหาร มีสงคราม กลัวว่าตะไม่ปลอดภัยต่อคนของตน แอบเม้านิดหน่อยว่า จริงๆคนที่นี่ชอบคนไทยนะ เพราะว่าเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เอาใจยากมากที่สุดคือคนอินเดียด้วยกันนี่แหละ
เราอยากจะบอกว่าแคชเมียร์เนี่ยมีสงครามหรือการปะทะอยู่บริเวณชายแดนนู้นนนน ห่างไกลจากในตัวเมืองมาก สถานที่ท่องเที่ยวก็ปลอดภัย มาเที่ยวได้ #ปลอดภัย
ข้อมูลจิปาถะของทริปนี้
มาสรุปข้อมูลของ #ทริปKashmir2Leh ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งอะไรต่อมิอะไร เผื่อว่าจะท่านใดสนใจอยากมาเที่ยวแบบนี้บ้าง จะได้มีข้อมูลไว้พิจารณากันนะคะ
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ
#เดือนที่เหมาะสมกับการเที่ยวLeh คือ เดือนมิถุนายน-กันยายน เพราะเป็นหน้าร้อนของที่นั่นซึ่งก็ยังหนาวมากสำหรับเรา
#ระยะเวลาที่เหมาะสม ขออ้างอิงจากแซมมี่อีกทีว่าควรมีเวลาเที่ยวซัก 7 วัน เป็นอย่างน้อย เพราะอย่างที่เห็นกันว่าเราใช้เวลาขับรถข้ามภูเขาสู๊งงง สูงกว่าจะไปถึงแต่ละแห่ง ต้องเที่ยวไปพักไป เพราะร่างกายเรามันไม่คุ้นชินกับอากาศ
#การเดินทางไปเลห์ จริงๆเลห์มีสนามบินนะ เราสามารถต่อเครื่องจากเดลีมาลงที่เลห์ได้เลย แต่อยากแนะนำให้นั่งรถมาจากศรีนาการ์ เพราะเส้นทางที่มามันสวยม๊ากกกกก
Recommend! คือเราสามารถจ้างTaxiมาศรีนาการ์มานั่นแหละ แล้วถ้าไม่อยากนั่งกลับแล้ว พอแล้ว ก็นั่งเครื่องบินจากเลห์ไปเดลีแล้วบินกลับบ้านเราได้เลย
#อาหารกินยากไหม อาหารที่นี่กินไม่ยาก แต่มันก็ไม่แซบถูกปาก เราต้องเข้าใจว่าเรามาเที่ยวเว้ยเฮ้ย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ดังนั้น ควรลองกินทุกอย่าง มันสนุกดีนะ จะบ่นว่า อี๊...ไม่อร่อยเลยก็ไม่มีใครฟังรู้เรื่องหรอก 5555 จริงๆสำหรับทริปนี้ มันกินอะไรไม่ลงเท่าไหร่ เพราะอยู่บนรถเยอะ ขี้เกียจปวดขี้ ปวดเยี่ยว อาหารหลักที่กินบ่อยสุดก็ นมแพะกับไข่เจียวนี่แหละ
อ่ะทีนี้มาดูที่ค่าใช้จ่าย
1. ค่าวีซ่า เราทำวีซ่านักท่องเที่ยว 1 ปี เป็น multiple จะเข้าอินเดียอีกกี่รอบก็ได้ ถ้ายูมีตังเหลือๆบินไปบินมา จ่ายไป 80 US dollar (ตอนนี้ 40 US Dollar อยากร้องไห้เอาอีก 40 ของฉันคืนมา) นับเป็นเงินไทยช่วยนั้นประมาณ 2,6XX บาท โดยที่เราทำเป็น E-VISA กรอกข้อมูลผ่านเน็ตทั้งหมด รอ 2 วัน ก็ได้วีซ่ามา แล้วเราก็ต้องปริ้นวีซ่าที่เขาส่งมาแนบไปกับพาสปอร์ตเวลาที่เราเช็คอิน
2. ค่าเครื่องบิน ไปแคชเมียร์นั้นไม่มีบินตรง ต้องต่อเครื่องหรือใครจะบุ๊คแบบทรานสเฟอร์ไปเลยก็ได้จะได้ไม่เสียเวลารับกระเป๋า ส่วนเราบินการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า แล้วไปต่อสายการบินในประเทศอีกที รอบแรกเราไป Goair อันนี้ดี เครื่องใหม่ ไม่จู้จี้ รอบสองบิน AirAsia ก็จะจู้จี้เรื่องน้ำหนักกระเป๋ามาก แต่ก็โชคดีนะ ขากลับน้ำหนักกระเป๋าเกินมา 1 kg แต่พนง.น่ารัก หยวนๆให้เพราะเห็นว่าเราเป็นคนไทยเขาชอบ เลยแจกยิ้มกว้างและไหว้งามๆให้ 2-3 ที กลับมาที่ราคา ของTG ราคาอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 12,000 บาท ส่วนในประเทศอยู่ที่ไม่เกิน 4,000 บาท (ราคาไปกลับนะคะ)
3. ค่าทริป ที่ประกอบด้วยค่าน้ำมันรถขับไปกลับศรีนาการ์-เลห์ ค่าที่พักทั้ง 11 คืน(รวมค่าอาหารเช้าเย็น) ค่ารถและคนขับรถในเลห์ ของเราทั้ง 3 คนอยู่ที่ 100,000 บาทไทย เฉลี่ยแล้วตกคนละ 33,XXX บาท
สรุปแล้ว 12 วัน มีค่าใช้จ่ายที่ห้าหมื่นกว่าบาท เราก็ว่ามันคุ้มนะ คุ้มมากๆกับการท่องเที่ยวครั้งนี้
#วางแผนอะไรยังไงบ้าง
วันที่Big Boss(อาจุมป้า)ตัดสินใจว่าจะไปเลห์ เราก็แค่บอกแซมมี่แค่นั้นเอง บอกว่าจะไปวันไหน ไปกี่วัน เดินทางเมื่อไหร่ เท่านี้แซมมี่ก็จะออกแบบทริปให้เราเลย
หากว่าใครอยากไปเที่ยวแคชเมียร์หรือเลห์ (แม้กระทั่งอินเดียที่เป็นอินเดีย) ก็สามารถติดต่อ Mr.Sami ได้เลยนะคะ เขาสามารถออกแบบทริปให้เรา จัดการเรื่องที่พัก อาหาร รถ คนขับรถ(ที่ไว้ใจได้เลย) ให้เราได้ทุกอย่าง
Cell : +91-9906593333
Line Id : sami593333
Website : www.newjacqulinehouseboats.com www.7heavenholidays.com
หากใครมีข้อสงสัยอะไรถามกันเข้ามาได้นะคะ
ฝากกระทู้ที่ไปเที่ยวKashmir ด้วยน๊าาา
https://pantip.com/topic/39320530
[CR] Part 3 India again ติดใจอะไรขนาดน้านนนน REVIEW Leh Ladakh 2019
#Day11 เป็นวันที่เรานอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเรือชิวๆสบายๆ อ่านหนังสือไป ดูภูเขาไป มองทะเลสาบไป เป็นวันพักผ่อนก่อนเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ แผนในวันนี้ของเราคือ ไปซื้อปิ่นโต ไปกินไอติมที่อร่อยที่สุดในเมืองนี้ ไปกินKFCโมโม่(แป้งยัดไส้ไก่แล้วทอดปรุงรสสไตล์อินเดีย ตบท้ายด้วยชิกเก้นชอร์ม่า(chicken wrapแบบฉบับอินเดีย) กินจนจุกไปเลยจ้ะ แซมมี่เขาเลี้ยงดีจริงๆ แล้วตอน 4 โมงเย็น เราก็มีแพลนเที่ยว ซึ่งก็คือ “นั่งเรือสปีดโบ๊ทเที่ยวรอบทะเลสาบ Dal Lake อันกว้างใหญ่” รอบนี้มีเวลาเหลือๆ แซมมี่เลยหากิจกรรมให้ได้เที่ยวกันอย่างคุ้มค่า ระหว่างทางที่เรานั่งเรือไปนั้นผ่านหมู่บ้านในทะเลสาป ได้เห็นวิถีชีวิตของเด็กริมฝั่งน้ำ มีสวนผักในคูคลอง และที่นี่ก็มีตลาดน้ำด้วย(แต่เราไม่อิน บ้านเราบรรยากาศดีกว่า ไม่อยากเกทับให้เสียใจ) ระหว่างนั้นอยู่ๆก็มีฝนตกลงมา ทีนี้ก็เหมือนขับเรือหนีฝนอ่ะสนุกดี เปียกนิดเปียกหน่อยแต่เย็นดี เราชอบ แล้วเราก็ได้แวะลงเดินดูมัสยิดสวยๆ (แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเพราะว่าแต่งตัวไม่มิดชิดเขาต้องให้ใช้ผ้าโพกหัวด้วย) ข้างๆมัสยิดนั้นมีตลาดให้เราเดินเล่นด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#Day 12 วันที่เราต้องกลับกรุงเทพแล้ว ฟีลลิ่งมหารานี(ชีวิตที่ตื่นมาก็มีของกินเสริฟเช้า กลางวัน เย็น มีคนขับรถพาเที่ยวที่นั่นนู้นนี่ ใช้เงินช้อปปิ้งๆๆกันอย่างหน้ามืด)กำลังจะจบลง😭 ต้องกลับไปทำมาหากินแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ...
#เราประทับใจลุงชาช่ามาก แกโคตรขยัน แถมยังเล่านู้นนี่นั่นเก่งดีเราก็ชอบฟัง แกเกิดมานาน ทำงานบริการในบ้านเรือมานาน รู้จักนักท่องเที่ยวมากมาย แกเล่าให้ฟังตั้งแต่ยุคที่แคชเมียร์บูมมากๆ นักท่องเที่ยวชาวยุโรปมาเที่ยวเยอะมากและนิสัยดีด้วย แต่ตอนนี้ที่เขาไม่มาเพราะว่าถูกรัฐบาล(ยุโรป)ของเขาห้ามให้มาเพราะเห็นว่ามีทหาร มีสงคราม กลัวว่าตะไม่ปลอดภัยต่อคนของตน แอบเม้านิดหน่อยว่า จริงๆคนที่นี่ชอบคนไทยนะ เพราะว่าเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เอาใจยากมากที่สุดคือคนอินเดียด้วยกันนี่แหละ
เราอยากจะบอกว่าแคชเมียร์เนี่ยมีสงครามหรือการปะทะอยู่บริเวณชายแดนนู้นนนน ห่างไกลจากในตัวเมืองมาก สถานที่ท่องเที่ยวก็ปลอดภัย มาเที่ยวได้ #ปลอดภัย
ข้อมูลจิปาถะของทริปนี้
มาสรุปข้อมูลของ #ทริปKashmir2Leh ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งอะไรต่อมิอะไร เผื่อว่าจะท่านใดสนใจอยากมาเที่ยวแบบนี้บ้าง จะได้มีข้อมูลไว้พิจารณากันนะคะ
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆ
#เดือนที่เหมาะสมกับการเที่ยวLeh คือ เดือนมิถุนายน-กันยายน เพราะเป็นหน้าร้อนของที่นั่นซึ่งก็ยังหนาวมากสำหรับเรา
#ระยะเวลาที่เหมาะสม ขออ้างอิงจากแซมมี่อีกทีว่าควรมีเวลาเที่ยวซัก 7 วัน เป็นอย่างน้อย เพราะอย่างที่เห็นกันว่าเราใช้เวลาขับรถข้ามภูเขาสู๊งงง สูงกว่าจะไปถึงแต่ละแห่ง ต้องเที่ยวไปพักไป เพราะร่างกายเรามันไม่คุ้นชินกับอากาศ
#การเดินทางไปเลห์ จริงๆเลห์มีสนามบินนะ เราสามารถต่อเครื่องจากเดลีมาลงที่เลห์ได้เลย แต่อยากแนะนำให้นั่งรถมาจากศรีนาการ์ เพราะเส้นทางที่มามันสวยม๊ากกกกก Recommend! คือเราสามารถจ้างTaxiมาศรีนาการ์มานั่นแหละ แล้วถ้าไม่อยากนั่งกลับแล้ว พอแล้ว ก็นั่งเครื่องบินจากเลห์ไปเดลีแล้วบินกลับบ้านเราได้เลย
#อาหารกินยากไหม อาหารที่นี่กินไม่ยาก แต่มันก็ไม่แซบถูกปาก เราต้องเข้าใจว่าเรามาเที่ยวเว้ยเฮ้ย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ดังนั้น ควรลองกินทุกอย่าง มันสนุกดีนะ จะบ่นว่า อี๊...ไม่อร่อยเลยก็ไม่มีใครฟังรู้เรื่องหรอก 5555 จริงๆสำหรับทริปนี้ มันกินอะไรไม่ลงเท่าไหร่ เพราะอยู่บนรถเยอะ ขี้เกียจปวดขี้ ปวดเยี่ยว อาหารหลักที่กินบ่อยสุดก็ นมแพะกับไข่เจียวนี่แหละ
อ่ะทีนี้มาดูที่ค่าใช้จ่าย
1. ค่าวีซ่า เราทำวีซ่านักท่องเที่ยว 1 ปี เป็น multiple จะเข้าอินเดียอีกกี่รอบก็ได้ ถ้ายูมีตังเหลือๆบินไปบินมา จ่ายไป 80 US dollar (ตอนนี้ 40 US Dollar อยากร้องไห้เอาอีก 40 ของฉันคืนมา) นับเป็นเงินไทยช่วยนั้นประมาณ 2,6XX บาท โดยที่เราทำเป็น E-VISA กรอกข้อมูลผ่านเน็ตทั้งหมด รอ 2 วัน ก็ได้วีซ่ามา แล้วเราก็ต้องปริ้นวีซ่าที่เขาส่งมาแนบไปกับพาสปอร์ตเวลาที่เราเช็คอิน
2. ค่าเครื่องบิน ไปแคชเมียร์นั้นไม่มีบินตรง ต้องต่อเครื่องหรือใครจะบุ๊คแบบทรานสเฟอร์ไปเลยก็ได้จะได้ไม่เสียเวลารับกระเป๋า ส่วนเราบินการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า แล้วไปต่อสายการบินในประเทศอีกที รอบแรกเราไป Goair อันนี้ดี เครื่องใหม่ ไม่จู้จี้ รอบสองบิน AirAsia ก็จะจู้จี้เรื่องน้ำหนักกระเป๋ามาก แต่ก็โชคดีนะ ขากลับน้ำหนักกระเป๋าเกินมา 1 kg แต่พนง.น่ารัก หยวนๆให้เพราะเห็นว่าเราเป็นคนไทยเขาชอบ เลยแจกยิ้มกว้างและไหว้งามๆให้ 2-3 ที กลับมาที่ราคา ของTG ราคาอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 12,000 บาท ส่วนในประเทศอยู่ที่ไม่เกิน 4,000 บาท (ราคาไปกลับนะคะ)
3. ค่าทริป ที่ประกอบด้วยค่าน้ำมันรถขับไปกลับศรีนาการ์-เลห์ ค่าที่พักทั้ง 11 คืน(รวมค่าอาหารเช้าเย็น) ค่ารถและคนขับรถในเลห์ ของเราทั้ง 3 คนอยู่ที่ 100,000 บาทไทย เฉลี่ยแล้วตกคนละ 33,XXX บาท
สรุปแล้ว 12 วัน มีค่าใช้จ่ายที่ห้าหมื่นกว่าบาท เราก็ว่ามันคุ้มนะ คุ้มมากๆกับการท่องเที่ยวครั้งนี้
#วางแผนอะไรยังไงบ้าง
วันที่Big Boss(อาจุมป้า)ตัดสินใจว่าจะไปเลห์ เราก็แค่บอกแซมมี่แค่นั้นเอง บอกว่าจะไปวันไหน ไปกี่วัน เดินทางเมื่อไหร่ เท่านี้แซมมี่ก็จะออกแบบทริปให้เราเลย
หากว่าใครอยากไปเที่ยวแคชเมียร์หรือเลห์ (แม้กระทั่งอินเดียที่เป็นอินเดีย) ก็สามารถติดต่อ Mr.Sami ได้เลยนะคะ เขาสามารถออกแบบทริปให้เรา จัดการเรื่องที่พัก อาหาร รถ คนขับรถ(ที่ไว้ใจได้เลย) ให้เราได้ทุกอย่าง
Cell : +91-9906593333
Line Id : sami593333
Website : www.newjacqulinehouseboats.com www.7heavenholidays.com
หากใครมีข้อสงสัยอะไรถามกันเข้ามาได้นะคะ
ฝากกระทู้ที่ไปเที่ยวKashmir ด้วยน๊าาา https://pantip.com/topic/39320530
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้