▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เลห์ ลาดักห์
เที่ยวอินเดีย
Trekking
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
[CR] Part 2 India again ติดใจอะไรขนาดน้านนนน REVIEW Leh Ladakh 2019
#Day6 #PangongLake เป็นภูมิทัศน์ที่สวยจนไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ไปในสถานที่แบบนี้จริงๆ นี่กะว่าไปว่ายน้ำเล่น แต่น้ำเย็นมากกกก นี่เราไปในช่วงที่ทะเลสาบแพงกองมีอากาศอุ่นเกือบสุดละนะ(อุ่นสุดเดือนกรกฎาคมนี่แหละ) น้ำยังเย็นมาก ที่นี่ลมแรงมาก อากาศที่หนาวอยู่แล้วก็ทวีความหนาวแรงขึ้นไปอีก ที่นี่ไม่มีโรงแรม เราต้องนอนเต็นท์กัน ลมก็พัดเต็นท์ตีพุบพับทั้งคืนอ่ะ แล้วต้องนอนคลุมโปงด้วย เพราะขืนหัวโผล่ออกไป แข็งตายกันพอดี ต่อให้ใส่หมวกไหมพรมนอนก็เหอะ ใครจะไปแนะนำให้จองเต็นท์เดียวแล้วนอนกองกัน อุ่นสุด
จริงๆทะเลสาปนี้ใหญ่โตมโหฬารมากส่วนที่เห็นเป็นส่วนที่อยู่ในเขตอินเดีย ส่วนทะเลสาปส่วนใหญ่นั้นอยู่ในประเทศจีน นั่งเรือไปโดนยิงเรือปลิวแน่นอน ส่วนใครคิดจะเอาโดรนมาบินถ่ายรูป ก็โดนยิงปลิวอีกเช่นกัน เพราะว่าเป็นเขตพรหมแดน พี่ทหารเขาคุม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#Day7 เช้านี้ ยังอยู่ที่ Pangong Lake ตื่นมากับความเย็นหัว เป็นคืนนอนน้อยที่สุดในทริปนี้ เพราะความหนาวและเดอะซาวด์ออฟมิวสิคจากนักท่องเที่ยวอินเดีย เข้านอนตั้งแต่สามทุ่มเพราะไม่มีอะไรทำ และนอกเต็นท์ก็หนาว ยืนดูดาวไม่ไหว ก็นอนพลิกไปมาหาท่าที่อุ่นที่สุดแต่ก็ไม่เจอ แล้วก็มีพี่อินเดียโขยงใหญ่เกือบสิบคน จองเต็นท์เดียวด้วยนะ ฉลาดฝุดๆ แหกปากร้องเพลง ปาร์ตี้เสียงดังยันตีสอง พี่ไทย พี่แคชเมียร์ก็นอนไม่หลับกันไปสิครับ พอตื่นเช้ามาก็ออกเดินทางกลับมาที่เลห์กันเลย ขากลับจากPangong ถนนอย่างกะโลกพระจันทร์ เอาคอตั้งไว้บนหัวดีๆยากมาก กว่าจะถึงเลห์ก็พากันสะบัดสะบอม จริงๆตรงนี้ต้องรีวิว #หมอนหมูของเราเซฟคอสุดๆอ่ะ
เรากลับมาถึงเลห์ก็บ่ายๆ นอนพักสัก 2-3 ชั่วโมงก็พอมีแรงออกไปเดินตลาดช๊อปปิ้งกันต่อ ของขายหลักๆที่นี่ก็ผ้าไหมแคชเมียร์(Pashmina) ถุงเท้าถักจากชาวบ้าน หินทิเบต(นี่ว่าปลอมซะส่วนใหญ่ แต่ก็สวยดี ราคาถูก) เครื่องทองเหลือง ที่ตลกคือ เราไปนั่งชิวกินกาแฟลาเต้ตอนทุ่มนึง ทั้งๆที่คืนที่ผ่านมาเราพากันนอนไม่หลับ นอนไม่อิ่ม กะว่าคืนนี้จะนอนเต็มที่ แต่ลาเต้แก้วนั้น(สั่งลาเต้กันทุกคน)เล่นเอาตาสว่างยันตีสอง โอ้มายก็อต อยากตบกะโหลกตัวเองเหลือเกิน กินไรไม่คิด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#Day8 วันนี้ยังคงอยู่ที่เลห์ มีภารกิจไปเที่ยว 2 ที่คือ Leh Palace และ Shanti Stupa ช่วงสายๆเราไปที่ Leh Palace เอาจริงๆมีความมิวเซียมน้อยมาก เก็บค่าเข้าแพงมาก ตั้ง 900 รูปี(ถือซะว่าทำบุญ) แต่ข้างในไม่ค่อยมีอะไรจะว้าวเลย นอกจากเพดานและประตูที่ค่อนข้างจะเตี้ย ห้องแต่ละห้องค่อนข้างจะแคบ ไม่มีอุปกรณ์ใดๆแสดงว่าห้องคือไร (ต้องไปดูงานบ้านเมืองอื่นเขาบ้าง) เพราะอดีตเคยมีกษัตริย์อาศัยอยู่จริงนะ ด้วยความที่เห็นห้องหับเตี้ยเราเลยสันนิษฐานเอาเองว่าคนนี่ต้องตัวเล็กมากๆแน่ๆ นี่อ้างอิงจากหุ่นเตี้ยสั้นอ้วนกลมของตัวเองเลยนะ จากดาดฟ้าของที่นี่ก็มองเห็นเมืองทั้งเมือง เป็นภูมิทัศน์ที่ดีจริงๆ มื้อเที่ยงวันนี้มีหนุ่มหล่อมาขอเลี้ยงข้าว ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน น้องชายของแซมมี่ หนุ่มหล่อชาวแคชเมียร์ผู้ร่วมทริปกับเรา น้องชายเขาชื่ออามี่ (ทุกชื่อ เราออกเสียงง่ายๆตามสำเนียงบ้านเรา ถ้าพูดตามเขา ลิ้นคงพันกันแบบแกะไม่ออกแน่ๆ) อามี่เปิดร้านขายผ้าไหมแคชเมียร์ ที่เรียกกันว่า Pashmina มีทุกเกรด ทุกราคา เป็นคนที่ขายของเก่งมาก พรีเซ้นเก่งจนต้องยอมใจซื้อผ้ามา (เหมือนต้องมนตร์เลยทีเดียว) กลับมาต่อๆ อามี่พาเราไปกินข้าวกลางวันร้านอาหารทิเบตที่อร่อยที่สุดในย่านนั้น ซึ่งเราก็Enjoy Eating จนไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาเลย ชื่อร้านเราไม่จำ และหลังจากนั้นเราก็มาเอกเขนกอยู่ในร้านของอามี่นี่แหละ ก่อนจะไป Shanti Stupa ในเวลาประมาณ 6 โมงเย็น จริงๆแล้วแซมมี่จะพาเราไปต้องพระอาทิตย์ตกเพราะว่าบรรยากาศจะสวยมาก (ตกประมาณทุ่มครึ่ง) แต่ด้วยความที่เราเที่ยวกันมาหลายวัน เขากลัวว่าจะเหนื่อยและล้า(และเมื่อคืนนอนไม่หลับจากกาแฟลาเต้กันด้วยไง)เลยพามาก่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวก็เยอะมาก 99%อินเดียนกันไปเลยจ้า มีกะเหรี่ยงไทยอยู่ 3 คนนี่แหละ Shanti Stupa ที่จำได้พอสังเขปคือเป็นวัดญี่ปุ่น สร้างด้วยคนญี่ปุ่น ลวดลายทรวดทรงก็เป็นไปตามแบบญี่ปุ่น มีสองทางขึ้น ทางขึ้นแรกขับรถขึ้น ทางที่สองเดินขึ้นมา ซึ่งคนที่แอคทีฟอย่างเราต้อง...ขึ้นมากับรถนี้แหละ ใครจะเดินให้เหนื่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#LehSpecialReview
รีวิว “ห้องน้ำ” ระหว่างทางไปเลห์ให้ฟัง
ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ตลกและไม่มีวันลืมอีกเหตุการณ์นึงเลยทีเดียว😆
ถ้าดูจากในรูปก็จะเห็นหลุมดำอยู่เสี้ยวนึงใช่มะ พอเข้าไปในห้องก็มีแค่หลุมดำนั้นหลุมเดียวนั่นแหละ ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำ ไม่อะไรทั้งนั้นนอกจาก...กลิ่นเหม็นอันคละคลุ้ง😖 ยังไม่พอมองลึกลงไปในหลุมจะเจอศิลปะในเงามืดเป็นสีเข้มหลายๆเฉดสี 555 (ยังมีเวลาพินิจพิเคราะห์)
ประเด็นคือเราปวดฉี่มากกกก อดทนมาหลายสิบโล คิดว่าต้องปล่อยของออกแล้ว ที่เลห์ทุกความแปลกใหม่ โอปอล์จะต้องเป็นคนลองก่อนเสมอ ทั้งอาหาร ทั้งห้องน้ำ ก็ต้องเป็นเรานี่แหละที่เจ้าไปเทสดูก่อน นี่ต้องขอบคุณเทรนเนอร์อีกครั้งที่พาทำท่าสคอวทมาอย่างหนักหน่วงและถูกต้องทุกท่วงท่าการย่อ เราทำการอุดจมูกและสควอทฉี่ ให้มันจบๆกันไป...
เฮ้อ พอออกจากห้องน้ำเท่านั้นแหละแซมมี่หัวเราะลั่นเลย สะใจอะไรหนักหนา
ก็อยากบอกทุกคนว่าพกผ้าถุงมาที่นี่เถอะจ้ะ ดีกว่าแน่นอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#Day9 เป็นวันที่เดินทางกลับเมืองศรีนาการ์ แหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามากกกกตีสองครึ่ง นัดกันว่าล้อหมุนตีสาม แต่คุณชายแซมมี่มาตีสามครึ่ง ด้วยเหตุโดนปิดถนนเพราะเขามีงานแต่งกัน ออกเดินทางจริงๆก็ตีสี่ ถนนมืดมาก มืดสุดๆ แล้วด้วยความที่ต้องนั่งหน้าต้องถ่างตาอยู่เป็นเพื่อนคนขับ(แซมมี่นั่นเอง)หลับไม่ได้😫 บรรยากาศขากลับก็สวยมากเหมือนขาที่มา เราตั้งใจว่าจะถึงศรีนาการ์ตอนบ่ายโมง แต่แล้วอามี่(น้องชายแซมมี่ จำได้ใช่ป่ะ)บอกว่าไม่มีทาง ยังไงก็ถึงตอน 4 โมงแน่นอน ท้าทายกันเล็กน้อยว่าถ้าถึงhouseboatก่อนให้วิดิโอคอลมาโชว์เลย (เหมือนโดนแช่งอ่ะ) เพราะปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดนบล๊อกทางจ้า มีเหตุดินสไลด์หรือยังไงไม่รู้ เพราะรถขามาดันผ่านมาได้ แต่ขาไปไปไม่ได้ เราไปถึงด่านที่ต้องข้ามผ่านระหว่างเมืองศรีนาการ์กับเลห์ ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราต้องไปรายงานตัว กรอกแบบฟอร์ม โชว์พาสปอร์ต (ทำทั้งขาไปและขากลับ) อีก 50 km จะถึงSonamarg อีก 100 กว่ากิโลก็จะถึงศรีนาการ์ ซึ่งเราไปถึงตอน 11 โมงที่ด่านนั้น และเพิ่งปิดทางมาได้ครึ่งชั่วโมง แซมมี่หัวเสียมาก บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ 10 นาที ตอนแรกเจ้าหน้าที่บอกจะเปิดด่านบ่ายสอง แต่ในอินเดียเชื่อถือเรื่องเวลาอะไรไม่ได้เลย นู้นจ้าเปิดจริงๆ 5 โมงเย็น แล้วแบบรถทุกคันจอดออกันแบบไร้ระเบียบหน้าประตูกั้นทางเลยจ้า จอดกันอย่างไร้เลนถนนใดๆ พอได้ผ่านมาก็ถึง Zojira Mountain (ที่ทางน่ากลัวๆอ่ะ) รอบนี้เจอรถบรรทุกเยอะมากกก ถึงรถบรรทุกเหล่านี้เขามักจะวิ่งกลางถนน กลางถนน 2 เลนที่ฝั่งนึงเป็นภูเขาหินฝั่งนึงเป็นเหว รถที่จะขับสวนต้องมีสายตาอันแม่นยำ และต้องโคตรชำนาญทางอีกด้วย ขากลับรอบนี้ตื่นเต้นกันหลายรอบมาก ตื่นเต้นทั้งรถคันหน้า ตื่นเต้นทั้งรถเราเอง แล้วรถแซมมี่เป็นเกียร์กระปุกคงปวดขาน่าดู แล้วกว่าจะถึงศรีนาการ์ก็ปาไปหนึ่งทุ่ม ซึ่งที่บ้านเขาก็ยังสว่างอยู่นะ พอถึงhouseboat เราก็อยากกราบแผ่นดินกันเลยทีเดียว เพราะคิดถึงที่ราบต่ำมาก รู้สึกอบอุ่นใจ อยู่บนเขาเร้าใจเกิ๊นนนน หัวใจจะวาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
#Day10 Naranag, Srinagar
กลับมานอนศรีนาการ์คืนเดียวก็สดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง(เวอร์มากกก) เหมือนสภาพอากาศที่ราบต่ำจะเหมาะสมกับสภาพร่างกายเรามากทีเดียว ผิวที่เหี่ยวฟูก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้น วันนี้ยังคงตื่นตามนาฬิกาชีวิตประเทศไทย แต่ก็เหมือนนอนอิ่ม รู้สึกสดชื่นละไง แซมมี่มีแผนว่าจะไปเที่ยวหลายที่ สุดท้ายไปตกที่ Naranag เขาบอกว่าเป็นที่ๆเขาชอบมาตกปลาที่นี่ แล้วตรงนี้ก็เป็นที่นักท่องเที่ยวTrekkingผ่านด้วย เป็นเส้นทางธรรมชาติที่สวยมาก มีแม่น้ำลำธาร ภูเขา ต้นไม้ที่อยู่รวมกันแล้วสวยสบายตา แบบว่าเดินไปเรื่อยๆก็ไม่เหนื่อย เหมาะกับการมาเดินป่าเดินเขาจริงๆ(มีใครสนใจมาเดินป่าด้วยกันไหม จัดทริปกัน อันนี้แซมมี่เขาก็มีบริการจัดทริปนะ) ระหว่างทางเราก็จะเห็นบ้านของยิปซีและชาวยิปซีเป็นระยะๆ ด้วยความที่ศาสนาที่นี่เขาไม่ให้คุมกำเนิด ยิปซีบางบ้านก็ลูกเป็นพรวนเลย แถมเวลาคลอดยังคลอดธรรมชาติด้วยนะ แข็งแรงฝุดๆ และยังดีที่เด็กๆสามารถเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาลได้ฟรี(มีสาระมาฝากนิดหน่อย) ที่Naranagเนี่ยนักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักเยอะ (แต่ก็เป็นที่บอกต่อกันในกลุ่มเล็กๆ)ป่าก็เลยยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก แซมมี่เล่าให้ฟังว่าตอนที่เขามาตกปลาเคยเจอหมีตัวใหญ่ตั้ง 2 ครั้งแน่ะ ซึ่งก็อันตรายมากแหละ ต้องซ่อนตัวไม่ให้หมีเห็นความเคลื่อนไหวเดี๋ยวโดนหมีเขมือบ 555 ดีนะที่รอดชีวิตมาได้
ลืมเล่า ตอนที่เข้าไปถึงอย่างแรกเราจะเจอ temple ซึ่งเป็นวัดที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยไม่ได้ใช้เครื่องไม้เครื่องมือทุ่นแรงใดๆ เหมือนนครวัดนครธมเลยนะ อยู่มาหลายร้อยปีแล้วด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้