ตามรอย MOTOGP แชร์ประสบการณ์ลงไปขี่สนามช้าง

[CR] ตามรอย MOTOGP แชร์ประสบการณ์ลงไปขี่สนามช้าง

กระทู้รีวิว

กราบสวัสดีสมาชิกชาวพันทิปห้องมอเตอร์ไซค์ทุกท่านครับ นี้ก็ผ่านพ้นไปกว่าสองสัปดาห์แล้วกับรายการแข่งขันระดับโลกอย่าง MotoGP ที่สนามช้างบ้านเรา แถมเป็นสนามฉลองแชมป์โลกของมาร์ค มาเควส ครั้งแรก และอาจจะเป็นครั้งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย ตัวผมเองได้ไปดูด้วยตาตัวเองเมื่อปีที่แล้ว ปีนี่ก็ตั้งใจอยากจะไปดูเช่นกัน แต่ประจวบเหมาะที่เวลาของกิจกรรมอีก 1 อย่างที่ผมใฝ่ฝันอยากจะทำและมันค่อนข้างกระชั้นชิดจนเกินไป ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งงบประมาณ และเวลา ผมจึงจำเป็นต้องเลือก และผมก็เลือกที่จะยอมไม่ไปดู Motogp ที่บุรีรัมย์ แต่เลือกที่จะดูอยู่บ้านแทน ค่อยไปตามรอยทีหลัง อิอิ

กิจกรรมที่ว่านั้นก็คือ การได้ลงไปขี่ในสนามระดับโลก ซึ่งก็คือรายการแข่งขัน Yamaha championship 2019 สนามสุดท้าย หรือ สนามที่ 4 ที่จัดที่สนามช้าง บุรีรัมย์ ในวันที่ 12-13 ตุลาคม หรือก็คือ 1 สัปดาห์หลังการแข่งขัน MotoGP นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ผมยอมอดไปดู MotoGP นั้นเอง สนามระดับโลกอย่างสนามช้าง ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันที่ไบค์เกอร์หลาย ๆ คน อยากจะลงไปสัมผัสด้วยตัวเองกันทั้งนั้น !!

ก่อนอื่น ก็ต้องบอกกันก่อนว่าสนามช้าง สำหรับคนอย่างผมใช่ว่าจะมีโอกาสได้ไปสัมผัสง่าย ๆ ระยะทางที่ไกล ไหนจะค่าพิท ค่าสนาม ค่าเดินทาง ค่าที่พัก เอาเป็นว่ามันค่อนข้างจะลำบากและใช้เงินพอสมควรสำหรับคนธรรมดาที่เป็นผู้ใช้งานทั่วไป ไม่ใช่นักแข่ง

แต่สำหรับงานแข่งขันรายการ Yamaha championship 2019 นี้ ค่อนข้างที่จะดูแลลูกค้าที่สนใจอยากลงไปสัมผัสสนามช้างได้ดีมาก เอาเป็นว่าคุณจ่ายเงิน แล้วทำรถให้ถูกกฏกติกา แล้วขนรถไปบุรีรัมย์อย่างเดียวได้เลย จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้สัมผัสสนามระดับโลก แถมเพิ่งผ่านความดุเดือดจาก Motogp มาสัปดาห์เดียว เลือดกำลังร้อนเลย อิอิ เพี้ยนแว๊น

ต้องกล่าวก่อนว่า รายการนี้มีทั้งหมด 4 สนามทั้งปี สำหรับลูกค้า Yamaha Rider Club (คือเป็นกิจกรรมลงสนามแข่งขันแบบทางการสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถและไม่ใช่นักแข่ง) แต่ตัวผมได้ลงไปขี่แค่สนามเดียว คือ สนามแรก ที่ไทยแลนด์เซอร์กิต และ สนามที่ 2 และ 3 ที่พีระเซอร์กิตนั้น ผมไม่ได้ลงเพราะตรวจสุขภาพไม่ผ่าน !! (ก่อนลงสนามจะมีทีมแพทย์สนามมาตรวจร่างกาย)

ความดันของผมเกินไปเยอะมาก ผมใช้เวลา 6 เดือน ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร เพื่อให้ทันลงสนามช้าง เพราะผมอยากลงไปสัมผัสมาก จนในที่สุดก็ทำได้ น้ำหนักลดลงไปนิดหน่อย แต่ได้ใบรับรองแพทย์ จนสามารถลงไปสนามช้างได้สักที !!!! เป็นช่วงเวลา 6 เดือนที่ทรมาณมาก 55

จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการเตรียมรถลงสนาม และทำให้ถูกต้องตามกฏกติกา ไม่มีอะไรมาก แต่เคร่งสุด ๆ หลัก ๆ ก็คือ ร้อยลวดตามจุดต่าง ๆ และใส่ อกล่าง (ที่สามารถรองรับน้ำมันเครื่องกรณีน้ำมันเครื่องรั่วได้ประมาณ 1-2 ลิตร ห้ามมีรูเว้า ๆ ใต้อกเด็ดขาด) เซ็ตรถให้เหมาะกับการลงสนาม (เพราะขี่เที่ยวบนถนน กับในสนาม เซ็ตต่างกัน) และอย่างสุดท้าย เปลี่ยนยางเพื่อความมั่นใจ

สำหรับเรื่องยางหลายคนสงสัยว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนไหม สำหรับคนที่มั่นใจในยางที่ตัวเองใช้อยู่ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้เปลืองเงินก็ได้ครับ แต่สำหรับยางที่ผมใช้อยู่นั้นคือตัว Pilot Road 4 ซึ่งมันเป็นยางทัวร์ริ่งค์ ถ้าไปขี่ในสนามก็มีโอกาสหลุดกลิ้งได้ อัตราการเกาะของยางมันไม่ดีเท่ายางสำหรับสนามแท้ ๆ อยู่แล้ว เพื่อความมั่นใจก็เปลี่ยนให้สบายใจหน่อยครับ ไปขี่ทั้งทีไม่อยากมากลัวกังวลว่ายางจะไหวไหม จะดิ้นตอนเปิดไหม จะแหกโค้งสไลด์ไหม 555

ขั้นตอนต่อมา คือการเดินทางไปสนามช้าง ณ บุรีรัมย์ โดยมีหลายวิธีในการเดินทางไป อันแรก คือ การชิปรถไปกับทางศูนย์ยามาฮ่าเกตรษนวมิตร ราคาจะตกคันละ 4000 บาท โดยต้องมีขั้นต่ำ 12 คัน
หรืออีกวิธีคือหารถสไลด์ หรือ รถบรรทุก ขนรถไปหลาย ๆ คันพร้อมกัน แล้วหารค่ารถกัน โดยรถจุได้ประมาณ 10-20 คัน แล้วแต่บริษัท ราคาเฉลี่ยต่อคันก็ประมาณพันกว่าบาท โดยผมได้เลือกวิธีไปก็คือ ขอติดรถพี่ในทีมไปด้วยแทนโดยกระบะบรรทุกไป 2 คัน จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางในวันศุกร์ พัก 1 คืน เตรียมพร้อมสำหรับวันแรกของรายการ Yamaha Championship 2019 สนามที่ 4 ณ สนามช้าง

กว่าจะถึงก็ค่ำ ๆ แล้ว ก็จัดการจับจองลงทะเบียนพิท และ นำรถลง และแยกย้ายกันกลับที่พักกันก่อน

เช้าวันแรก สำหรับวันแรกหลัก ๆ ก็จะมีการตรวจสุขภาพนักแข่ง ตรวจสภาพรถ และเข้าประชุมบรีฟกติกาต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่ การประชุมนักแข่งนี้ทำทุกสนามนะครับไม่ใช่แค่ช้าง เสร็จก็แจกคูปองอาหารฟรี ของกินเยอะทีเดียว จากนั้นก็เตรียมขี่ซ้อมในวันแรก โดยจะแบ่งไปตามรุ่น วิ่งกันรุ่นละประมาณ 10 - 15 นาที โดยวันแรกจะเป็นการขี่ซ้อมเก็บไลน์และการเซ็ตปรับจูนรถ แต่ผมไม่ได้ลงซ้อม เปลี่ยนยางไม่ทัน 555 เม่าแพนด้า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จากนั้นในช่วงบ่ายของวันแรกหลังจากขี่ซ้อมเก็บไลน์ เซ็ตรถไปแล้ว (ได้ขี่ซ้อมช่วงเช้าไปรุ่นละ 10 นาที) ช่วงบ่ายก็จะเป็นช่วงเวลาของการ Qualifying จัดกริดสตาร์ท มาร์คยาง และตรวจสภาพรถว่าถูกกติกาไหมลืมรอยลวดตรงไหนหรือไม่ พร้อมติดทรานสปอนเดอร์ แล้วทำการลงสนาม Qualifying ใช้เวลารุ่นละประมาณ 10 นาที เอาเวลาที่ดีที่สุดมาจัดอันดับกริดสตาร์ท

ซึ่งช่วงบ่ายจะมี Qualifying 2 รอบ แต่ทีนี้ช่วงเที่ยงดันมีฝนกระหน่ำตกอย่างแรง กว่าจะซาก็ใช้เวลานาน แต่ทีมงานสนามช้างก็ออกมาเคลียร์พื้นที่กันอย่างไว แต่ก็ทำให้เวลาเลทลงไปอีก เลยเหลือรอบ Qualifying แค่รุ่นละ 1 รอบ รอบละ 15 นาทีแทน

หลังจากฟ้าเปิด สนามเริ่มแห้ง (แต่มีน้ำขัง กับ เปียก ๆ บางจุด) ก็เตรียมตัวลงไปขี่คลอลิฟายกันครับ

รอบคลอลิฟายก็วิ่งไปจนครบ 15 นาที เสร็จก็กลับเข้าพิทครับ โครตเหนื่อย โมโตจีพีวิ่งกัน 27 รอบ แข็งแกร่งมาก.. เป็นอันจบพิธีวันแรกครับ
ส่วนผลคลอลิฟาย ผมก็บ๊วยอยู่ท้ายตารางครับ 55 เม่าฝนตก

จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับที่พัก เตรียมแข่งจริงในวันรุ่งขึ้น

สำหรับตารางเวลาในวัน Race Day หรือวันแข่ง ก็จะมีการซ้อมเช้า 1 รอบ 10-15 นาที และแข่งจริง 4-5 Laps แล้วแต่รุ่น มีการเข้าประชุมก่อนแข่งครั้งสุดท้าย พร้อมกับบอกว่า งาน Yamaha Championship 2019 สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบทุกรายการในไทยด้วยจำนวนรถที่เข้าแข่งถึง 249 คัน! นักแข่งกว่า 200 ชีวิต! มากที่สุดในทุกรายการแข่งในไทย

หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด และถ่ายรูปหมู่ ก็จะเริ่มการแข่งขันโดยเรียงตามนี้ X max / YZF-R6 / T max / 321 cc. / MT 680 cc UP (รุ่นผมเอง) / 155 cc.

นาทีที่ได้เหยียบบนกริดสตาร์ทโครตตื่นเต้น ไม่ตื่นเต้นได้ไง เพราะนี้เป็นกริดเดียวกับที่รายการ MOTOGP ใช้แข่งกับสนามระดับโลก ได้ลงมาสัมผัสหลังจากดูระดับโลกแข่งกันไปอาทิตย์ที่แล้ว บอกตามตรงถึงผมจะอยู่กริดบ๊วยอันดับสุดท้าย แต่ก็ดีใจและภูมิใจมาก ๆ ที่ครั้งนึงตัวเองได้มาลงสัมผัสกับสนามระดับโลกด้วยตัวเอง

แข่งเสร็จก็เป็นพิธีมอบถ้วยรางวัล แต่ความเจ๋งก็คือ ได้ลงมาเดินสัมผัสกับสนามระดับโลก ถ่ายรูปสวย ๆ โอกาสแบบนี้ใช่จะหาง่าย ๆ ลืมสนามไทยแลนด์เซอร์กิจกับพีระเซอร์กิตไปเลย 555

สำหรับการที่ได้มาตามรอย MOTOGP และได้ลงมาขี่สนามระดับโลก สนามในฝันที่ใครหลาย ๆ คนอยากลงมาสัมผัส ถึงผมจะไม่ได้ขึ้นโพเดี้ยม แต่การที่ได้มาอยู่กริดเดียวกับรอซซี่ พิทเดียวกับมาเควส แค่นี้ก็ดีใจและภูมิใจที่ตัวเองฟิตร่างกายจนทำให้สามารถมาขี่สนามระดับโลกได้สำเร็จ เลยอยากจะเอาเรื่องราวมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ชาวพันทิปได้อ่านกัน และอยากเชิญชวนสำหรับคนที่ใช้รถยามาฮ่าและชื่นชอบความเร็ว อยากจะชวนมาลงสนามด้วยกันเถอะครับ มันปลอดภัยมาก ๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเลย ได้มาเจอกับคนทัศนะคติแบบเดียวกัน มันสนุกไม่แพ้การออกทริปท่องเที่ยวเลย ผมไม่ได้ขี่เก่งกาจ เวลาดีเยี่ยม หรือได้โพเดี้ยม แต่ผมอยากทำสิ่งที่ชอบ นั้นคือขี่รถมอเตอร์ไซค์ โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เร็วให้สุดในสนาม และขับขี่ปลอดภัยบนถนน เช็คอินที่พักและกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย

ผมคงไม่อาจเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่สังคมมองบิ๊คไบค์ได้ หรือตัดสินกลุ่มไหนว่าดีหรือเสื่อม แต่ผมเลือกที่จะเป็นได้ และมีความสุขกับการขี่บิ๊คไบค์ต่อไป
ขอบคุณที่อ่านกระทู้จนจบครับ ผิดพลาดตรงไหนขออภัย ณ ที่นี่อีกครั้งครับผม