Joker 2019 กับการตีความใหม่ของผู้กำกับ กำลังจะนำทุกท่านให้ดำดิ่งลงไปในความมืดมนของชีวิต
หนังเปิดตัวด้วยเรื่องราวของโจ๊กเกอร์และแสดงให้เห็นว่าโจ๊กเกอร์เป็นคนรักเด็ก [ฉากบนรถ] อดทนอดกลั้น ไม่อยากจะสร้างปัญหาหรือพยายามเลี่ยงปัญหา [ฉากที่เพื่อนจะเอาปืนมาขายในห้องแต่งตัว] นอกจากนี้เค้ายังมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้เค้าดำเนินชีวิตมาอยู่ทุกวันนี้คือ
1. การได้ทำงานเป็นตัวตลก
2. การได้พูดคุยระบายกับนักสังคมสงเคราะห์
3. การที่เป็นลูกที่ดีที่เลี้ยงดูแม่ที่ป่วยอย่างสุดความสามารถ
3. การที่มี Idol ตลกอย่าง เมอร์รี่ แฟรงค์กินส์
Part I 50 เมตรแรกของการจมดิ่ง
- โจ๊กเกอร์โดนไล่ออกจากงาน หลังจากที่ไปแสดงเป็นตัวตลกในโรงพยาบาล และทำปืนตกหล่นพื้นลงมา แม้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ให้ไม่ให้เด็กๆตื่นตกใจกลัว แต่หมอพยาบาลแสดงสีหน้าหวาดวิตก หลังจากนั้นมีการรายงานไปยังหัวหน้า และหัวหน้าโทรมาไล่โจ๊กเกอร์ออกจากงาน พร้อมทั้งด่าว่าโจ๊กเกอร์โกหกอีก เพราะเพื่อนอ้วนเป็นคนบอกว่าโจ๊กเกอร์มาตื้อเค้าเพื่อขอซื้อปืน "เค้าพูดอยู่นั้นหรอครับ" นี่คือคำพูดของโจ๊กเกอร์ แสดงถึงความผิดหวัง ว่าทำไมเพื่อนถึงทำแบบนั้น
- ฉากพาไปให้เห็นตอนโจ๊กเกอร์เก็บของในที่ทำงาน ทุกคนดูไม่ได้ร็สึกเสียใจ หรือยินดียินร้ายกับโจ๊กเกอร์ นอกจากนี้เพื่อนอ้วนยังดูไม่แยแสหรือรู้สึกผิดใดๆ โจ๊กเกอร์เลยบอกให้คนอื่นๆถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ให้ไปถามเพื่อนอ้วนสิ หลังจากนั้นเดินไปตอกบัตรออก [ต่อยจนเครื่องหล่นลงมากองที่พื้น] จะเห็นว่าตอนนี้โจ๊กเกอร์ สูญเสียเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการเป็นอาการชีพตลกของเค้าไปแล้ว และเริ่มแสดงความโกรธออกมาให้เห็น จนไปเขียนฆ่าคำว่าอย่าลืมที่จะยิ้มกลายเป็น "อย่ายิ้ม"
- ดำดิ่งแรก 50 เมตรจากการถูกไล่ออกจากงาน หลายๆคนอาจจะดำอยู่ในระยะนี้สักระยะแล้วสามารถรีบขึ้นมาจากน้ำเพื่อมาหายใจและลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ แต่แน่นอนโจ๊กเจอร์ไม่ใช่แบบนั้น
Part II 100 เมตรแห่งความสิ้นหวัง
- โจ๊กเกอร์มักจะไปพบนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อพูดคุยเล่าความรู้สึกนึกคิดให้ฟัง จะเห็นว่าโจ๊กเกอร์พยายามจะเล่าสิ่งต่างๆมากมาย นอกจากคำถามประจำของนักสังคมสงเคราะห์ ที่ถามแบบเดิมว่า รู้สึกยังไง มีความคิดแย่ๆอะไรมั้ยในช่วงที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนทุกๆครั้ง จากการผ่านเรื่องที่แย่ๆใน 50 เมตรมา เค้าอดทนอดกลั้นน้อยลง ถึงกับระบายออกมาว่า "จริงๆแล้วคุณไม่เคยที่จะสนใจฟังผมเลย คุณไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมรู้สึกยังไง และเจออะไรมาบ้าง คุณเอาแต่ถามคำถามซ้ำๆเดิม แน่นอนชีวิตผมมีแต่สิ่งร้ายๆมาตลอดอยู่แล้ว" ซึ่งแทนที่นังสงคมสงเคราะห์จะเข้าใจและรับฟังโจ๊กเกอร์ กลับตอบกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชาที่ว่า
- "นี่อาจจะเป็นการพูดคุยและพบกันครั้งสุดท้ายของเรา เนื่องจากเราถูกรัฐบาลตัดงบ และหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลง" และ "แน่นอนว่าไม่มีใครใส่ใจหรือสนใจคนอย่างคุณ[ผู้ป่วยทางจิต] และฉัน [นักสงคมสงเคราะห์ที่ดูแลด้านนี้]"
- ถึงตอนนี้ ความรู้สึกของโจ๊กเกอร์คงแตกสลายกลายเป็นผงธุลี จากที่โดนไล่ออกจากงาน ที่ระบายของเค้าที่เป็นที่เดยวที่เค้าสามารถพูดแบบเปิดใจ และระบายทุกสิ่งทุกอย่างได้ ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว แล้วต่อจากนี้เค้าต้องไปรับยาจากไหน เค้าจะไประบายหรือพูดคุยความอัดอั้นกับใครได้อีก อย่าลืมน่ะครับโจ๊กเกอร์ไม่มีเพื่อนที่จะมารับฟังปัญหาและความรู้สึก และแม่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำได้ ดังนั้นความสูญเสียครั้งนี้นำโจ๊กเกอร์ไปสู่ความสิ้นหวัง
3. 150 เมตรแสงที่ริบรี่ ณ ความสว่างที่ปลายอุโมงค์
- โจ๊กเกอร์มีแม่คนนึงที่ป่วย โจ๊กเกอร์จะอาบน้ำให้แม่ ดูโทรทัศน์พร้อมกับแม่ ในทุกๆวัน โจ๊กเกอร์เข้าใจว่า ตัวเองดูแลแม่ได้ดีที่สุดจนทุกๆคนยกย่อง [จากฉากที่โจ๊กเกอร์คิดไปเองว่า เมอรรี่ กล่าวชมว่า "ผมพร้อมจะแลกทุกอย่างในชีวิต ชื่อเสียง เงินทอง ทุกๆอย่างเพื่อแลกกับการที่จะมีลูกดีๆอย่างคุณ]
- ในวันที่เค้ากลับมาบ้านและพบว่าแม่ป่วยหมดจนต้องไปนอนโรงพยาบาล ความรู้สึกของปัญหาถาโถมเข้ามาในชีวิต งานไม่มีให้ทำ รายได้หดหาย ยาที่กินก็ไม่มีให้กิน หนำซ้ำแม่ที่ป่วยก็มาป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ความเครียดต่างๆเริ่มก่อตัวสะสมมากขึ้น
- เพราะว่าแม่คือ ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเค้า เค้าจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยแม่ คนที่เค้าสามารถขอความช่วยเหลือได้นั่นก็คือ โทมัส เวน เพราะตอนนี้โจ๊กเกอร์เข้าใจว่า นี่คือพ่อ และเมื่อเค้าและแม่กำลังอยู่ในจุดที่ย้ำแย่ที่สุด พ่อคือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ที่จะพาเค้าออกไปจากความมืดมิด
- แต่ความเจ็บปวดกลับสะท้อนกลับมาหาเค้าเมื่อเค้าพบว่า ลูกชายอีกคนของโทมัส เวน อยู่อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ และมารู้ความจริงที่ว่า โทมัสเวน ไม่ใช่พ่อและ เพนนี ก็ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของเขา
- แน่นอนว่าเมื่อเค้าได้พบความจริงที่ว่า แม่ที่เลี้ยงดูเค้ามา แท้จริงแล้วไม่ใช่แม่ที่แท้จริง กลับเป็นเพียงหญิงโรคจิตคนนึงที่รับเค้ามาเป็นลูกบุญธรรม หนำซ้ำยังทนดูเค้าถูกพ่อเลี้ยงใจร้ายทรมานอย่างสาหัสสากรรณ์ จนทำให้มีบาดแผลในสมอง สมองกระทบกระเทือนจนกลายมาเป็นคนการแสดงออกทางอารมณ์ที่ผิดปกติ (PBA) และนี่นำไปสู่การจมดิ่งถึงก้นบึ้งความรู้สึกด้านมืดในจิตใจ เขาเดินเข้าไปเพื่อจบชีวิตหญิงที่ทำให้เค้าต้องมาทนกับชีวิตแบบนี้ ชีวิตที่ต้องมาเป็นตัวประหลาดของสังคม ความฝันลมๆแล้งๆที่แม่อยากให้เค้ายิ้มให้เค้าสร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆ ทั้งที่หญิงคนนี้เป็นคนสร้างบาดแผลให้กับเขา และนั้นทำให้เขากลายเป็นโจ๊กเกอร์
Final Part 200 เมตรสู่ความเวิ้งว่างอันสุดแสนจะไกลโพ้น
- เพราะเค้าเป็นนักแสดงตลก ดังนั้นเค้าคาดหวังว่าคนรอบๆข้างจะมองว่าเค้าตลก และมีความสุขไปกับความตลกของเขา แต่เหตุการณ์นึงทำให้เค้าได้รับรู้ว่า จริงๆแล้วคนรอบๆตัวเค้าไม่ได้มองเค้าว่าตลกเลย สิ่งนั้นคือ รายการของเมอร์รี่ ที่เอาคลิปที่เค้าไปแสดงแล้วหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ตามโรคของเขา พร้อมกับเล่าเรื่องของเขาและแม่ แน่นอนว่าทุกคนที่ดูรู้ได้ว่าไม่ตลก แต่เมอรรี่ idol ของเขาทั้งชีวิต กลับเอาคลิปนี้ของเขามาล้อเลียน ให้มันดูเป็นเรื่องตลกว่าจริงๆแล้ว มุขฝืดๆของโจ๊กเกอร์พอเอามา bully แล้วมันช่างตลกซะจริงๆ แน่นอนรายการของเมอรรี่นั้นดังมาก ซึ่งตอนนี้ชาวเมืองหลายหมื่นคนรับรู้กันหมดแล้วว่า โจ๊กเกอร์ไม่ตลก และคนที่ทำดันมาเป็น idol ที่เค้านับถืออย่างสุดหัวใจอย่างเมอรรี่ แฟรงค์กิน
- และในวันที่เค้าได้รับโทรศัพท์ให้ไปเข้าร่วมรายการสดของเมอรี่ เค้าได้จัดเตรียมการแสดงตลกครั้งสุดท้ายของเขาให้ผู้ชมทุกคนได้ดูสด นั้นคือ "น๊อค น๊อค น๊อค" เอาปืนกลอกปากแล้วยิงตัวตาย ซึ่งสอดคล้องกับมุกตลกที่เค้าจดไว้ "ความตายของฉันเป็นเรื่องตลก" นั้นแสดงให้เห็นว่า โจ๊กเกอร์ตั้งใจจะไปฆ่าตัวตายในวันที่ออกอากาศสดแน่นอนเพื่อเป็นการแสดงตลกให้ทุกๆคนได้ดู
- ณ ห้องส่ง โจ๊กเกอร์ ได้ขอร้องให้แนะนำเค้าว่าเค้าคือ โจ๊กเกอร์ พอฉากเปิดตัว โจ๊กเกอร์ออกมาอย่างอลังการ มีการเต้นรำซึ่งบ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจอย่างขีดสุดของเค้า เค้าเข้าไปจูบปากกับหมอที่นั่งในรายการ หลังจากนั้นมีการพูดคุยและมีการตอบโต้ประเด็นกันไปมา สืบเนื่องจากโจ๊กเกอร์บอกว่า "เค้าเป็นคนฆ่าไอ 3 ตัวนั้นเอง" ทุกสิ่งทุกอย่างหลั่งพรูออกมา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า หากเปลี่ยนเป็นเค้าเป็นคนที่ถูกฆ่า คงไม่มีคัยจะหันมามองและเหลียวแลแบบไอ 3 คนนี้นั้นเอง ความดุเดือดเผ็ดมันส์ ตอบโต้ไปมาระหว่างเมอร์รี่และโจ๊กเกอร์เป็นไปอย่างสนุก และทุกอย่างจบลงด้วยการที่ฟางเส้นสุดท้ายของโจ๊กเกอร์สิ้นสุดลง การขาดยา การขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำให้เค้าลั่นกระสุนไปยังกลางกระหม่อนของ เมอร์รี่ แฟงรค์กิน ชายผู้ป่วย idol ของเขาจบชีวิตลงท่ามกลางการถ่ายทอดสดและความอลม่านต่างๆก็ตามมา
- และนี่เป็นการดำดิ่งลงไปในความืดมนอันสุดแสนจะสุดหยั่งถึง เมื่อสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่คอยประคับประคองให้เค้าเดินตามครรลองชอบธรรมได้สูญสลายมลาญสิ้น และนี่จึงเป็นแรงผลักดันให้เค้าลอยตัวขึ้นมาในนามของ โจ๊กเกอร์!!!!!
[spoil] Joker 2019 สิ่งเล็กๆที่เรียกว่าดำดิ่งลงไปในความมืดมนของชีวิต
หนังเปิดตัวด้วยเรื่องราวของโจ๊กเกอร์และแสดงให้เห็นว่าโจ๊กเกอร์เป็นคนรักเด็ก [ฉากบนรถ] อดทนอดกลั้น ไม่อยากจะสร้างปัญหาหรือพยายามเลี่ยงปัญหา [ฉากที่เพื่อนจะเอาปืนมาขายในห้องแต่งตัว] นอกจากนี้เค้ายังมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้เค้าดำเนินชีวิตมาอยู่ทุกวันนี้คือ
1. การได้ทำงานเป็นตัวตลก
2. การได้พูดคุยระบายกับนักสังคมสงเคราะห์
3. การที่เป็นลูกที่ดีที่เลี้ยงดูแม่ที่ป่วยอย่างสุดความสามารถ
3. การที่มี Idol ตลกอย่าง เมอร์รี่ แฟรงค์กินส์
Part I 50 เมตรแรกของการจมดิ่ง
- โจ๊กเกอร์โดนไล่ออกจากงาน หลังจากที่ไปแสดงเป็นตัวตลกในโรงพยาบาล และทำปืนตกหล่นพื้นลงมา แม้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ให้ไม่ให้เด็กๆตื่นตกใจกลัว แต่หมอพยาบาลแสดงสีหน้าหวาดวิตก หลังจากนั้นมีการรายงานไปยังหัวหน้า และหัวหน้าโทรมาไล่โจ๊กเกอร์ออกจากงาน พร้อมทั้งด่าว่าโจ๊กเกอร์โกหกอีก เพราะเพื่อนอ้วนเป็นคนบอกว่าโจ๊กเกอร์มาตื้อเค้าเพื่อขอซื้อปืน "เค้าพูดอยู่นั้นหรอครับ" นี่คือคำพูดของโจ๊กเกอร์ แสดงถึงความผิดหวัง ว่าทำไมเพื่อนถึงทำแบบนั้น
- ฉากพาไปให้เห็นตอนโจ๊กเกอร์เก็บของในที่ทำงาน ทุกคนดูไม่ได้ร็สึกเสียใจ หรือยินดียินร้ายกับโจ๊กเกอร์ นอกจากนี้เพื่อนอ้วนยังดูไม่แยแสหรือรู้สึกผิดใดๆ โจ๊กเกอร์เลยบอกให้คนอื่นๆถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ให้ไปถามเพื่อนอ้วนสิ หลังจากนั้นเดินไปตอกบัตรออก [ต่อยจนเครื่องหล่นลงมากองที่พื้น] จะเห็นว่าตอนนี้โจ๊กเกอร์ สูญเสียเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการเป็นอาการชีพตลกของเค้าไปแล้ว และเริ่มแสดงความโกรธออกมาให้เห็น จนไปเขียนฆ่าคำว่าอย่าลืมที่จะยิ้มกลายเป็น "อย่ายิ้ม"
- ดำดิ่งแรก 50 เมตรจากการถูกไล่ออกจากงาน หลายๆคนอาจจะดำอยู่ในระยะนี้สักระยะแล้วสามารถรีบขึ้นมาจากน้ำเพื่อมาหายใจและลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ แต่แน่นอนโจ๊กเจอร์ไม่ใช่แบบนั้น
Part II 100 เมตรแห่งความสิ้นหวัง
- โจ๊กเกอร์มักจะไปพบนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อพูดคุยเล่าความรู้สึกนึกคิดให้ฟัง จะเห็นว่าโจ๊กเกอร์พยายามจะเล่าสิ่งต่างๆมากมาย นอกจากคำถามประจำของนักสังคมสงเคราะห์ ที่ถามแบบเดิมว่า รู้สึกยังไง มีความคิดแย่ๆอะไรมั้ยในช่วงที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนทุกๆครั้ง จากการผ่านเรื่องที่แย่ๆใน 50 เมตรมา เค้าอดทนอดกลั้นน้อยลง ถึงกับระบายออกมาว่า "จริงๆแล้วคุณไม่เคยที่จะสนใจฟังผมเลย คุณไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมรู้สึกยังไง และเจออะไรมาบ้าง คุณเอาแต่ถามคำถามซ้ำๆเดิม แน่นอนชีวิตผมมีแต่สิ่งร้ายๆมาตลอดอยู่แล้ว" ซึ่งแทนที่นังสงคมสงเคราะห์จะเข้าใจและรับฟังโจ๊กเกอร์ กลับตอบกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชาที่ว่า
- "นี่อาจจะเป็นการพูดคุยและพบกันครั้งสุดท้ายของเรา เนื่องจากเราถูกรัฐบาลตัดงบ และหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลง" และ "แน่นอนว่าไม่มีใครใส่ใจหรือสนใจคนอย่างคุณ[ผู้ป่วยทางจิต] และฉัน [นักสงคมสงเคราะห์ที่ดูแลด้านนี้]"
- ถึงตอนนี้ ความรู้สึกของโจ๊กเกอร์คงแตกสลายกลายเป็นผงธุลี จากที่โดนไล่ออกจากงาน ที่ระบายของเค้าที่เป็นที่เดยวที่เค้าสามารถพูดแบบเปิดใจ และระบายทุกสิ่งทุกอย่างได้ ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว แล้วต่อจากนี้เค้าต้องไปรับยาจากไหน เค้าจะไประบายหรือพูดคุยความอัดอั้นกับใครได้อีก อย่าลืมน่ะครับโจ๊กเกอร์ไม่มีเพื่อนที่จะมารับฟังปัญหาและความรู้สึก และแม่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำได้ ดังนั้นความสูญเสียครั้งนี้นำโจ๊กเกอร์ไปสู่ความสิ้นหวัง
3. 150 เมตรแสงที่ริบรี่ ณ ความสว่างที่ปลายอุโมงค์
- โจ๊กเกอร์มีแม่คนนึงที่ป่วย โจ๊กเกอร์จะอาบน้ำให้แม่ ดูโทรทัศน์พร้อมกับแม่ ในทุกๆวัน โจ๊กเกอร์เข้าใจว่า ตัวเองดูแลแม่ได้ดีที่สุดจนทุกๆคนยกย่อง [จากฉากที่โจ๊กเกอร์คิดไปเองว่า เมอรรี่ กล่าวชมว่า "ผมพร้อมจะแลกทุกอย่างในชีวิต ชื่อเสียง เงินทอง ทุกๆอย่างเพื่อแลกกับการที่จะมีลูกดีๆอย่างคุณ]
- ในวันที่เค้ากลับมาบ้านและพบว่าแม่ป่วยหมดจนต้องไปนอนโรงพยาบาล ความรู้สึกของปัญหาถาโถมเข้ามาในชีวิต งานไม่มีให้ทำ รายได้หดหาย ยาที่กินก็ไม่มีให้กิน หนำซ้ำแม่ที่ป่วยก็มาป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ความเครียดต่างๆเริ่มก่อตัวสะสมมากขึ้น
- เพราะว่าแม่คือ ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเค้า เค้าจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยแม่ คนที่เค้าสามารถขอความช่วยเหลือได้นั่นก็คือ โทมัส เวน เพราะตอนนี้โจ๊กเกอร์เข้าใจว่า นี่คือพ่อ และเมื่อเค้าและแม่กำลังอยู่ในจุดที่ย้ำแย่ที่สุด พ่อคือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ที่จะพาเค้าออกไปจากความมืดมิด
- แต่ความเจ็บปวดกลับสะท้อนกลับมาหาเค้าเมื่อเค้าพบว่า ลูกชายอีกคนของโทมัส เวน อยู่อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ และมารู้ความจริงที่ว่า โทมัสเวน ไม่ใช่พ่อและ เพนนี ก็ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของเขา
- แน่นอนว่าเมื่อเค้าได้พบความจริงที่ว่า แม่ที่เลี้ยงดูเค้ามา แท้จริงแล้วไม่ใช่แม่ที่แท้จริง กลับเป็นเพียงหญิงโรคจิตคนนึงที่รับเค้ามาเป็นลูกบุญธรรม หนำซ้ำยังทนดูเค้าถูกพ่อเลี้ยงใจร้ายทรมานอย่างสาหัสสากรรณ์ จนทำให้มีบาดแผลในสมอง สมองกระทบกระเทือนจนกลายมาเป็นคนการแสดงออกทางอารมณ์ที่ผิดปกติ (PBA) และนี่นำไปสู่การจมดิ่งถึงก้นบึ้งความรู้สึกด้านมืดในจิตใจ เขาเดินเข้าไปเพื่อจบชีวิตหญิงที่ทำให้เค้าต้องมาทนกับชีวิตแบบนี้ ชีวิตที่ต้องมาเป็นตัวประหลาดของสังคม ความฝันลมๆแล้งๆที่แม่อยากให้เค้ายิ้มให้เค้าสร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆ ทั้งที่หญิงคนนี้เป็นคนสร้างบาดแผลให้กับเขา และนั้นทำให้เขากลายเป็นโจ๊กเกอร์
Final Part 200 เมตรสู่ความเวิ้งว่างอันสุดแสนจะไกลโพ้น
- เพราะเค้าเป็นนักแสดงตลก ดังนั้นเค้าคาดหวังว่าคนรอบๆข้างจะมองว่าเค้าตลก และมีความสุขไปกับความตลกของเขา แต่เหตุการณ์นึงทำให้เค้าได้รับรู้ว่า จริงๆแล้วคนรอบๆตัวเค้าไม่ได้มองเค้าว่าตลกเลย สิ่งนั้นคือ รายการของเมอร์รี่ ที่เอาคลิปที่เค้าไปแสดงแล้วหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ตามโรคของเขา พร้อมกับเล่าเรื่องของเขาและแม่ แน่นอนว่าทุกคนที่ดูรู้ได้ว่าไม่ตลก แต่เมอรรี่ idol ของเขาทั้งชีวิต กลับเอาคลิปนี้ของเขามาล้อเลียน ให้มันดูเป็นเรื่องตลกว่าจริงๆแล้ว มุขฝืดๆของโจ๊กเกอร์พอเอามา bully แล้วมันช่างตลกซะจริงๆ แน่นอนรายการของเมอรรี่นั้นดังมาก ซึ่งตอนนี้ชาวเมืองหลายหมื่นคนรับรู้กันหมดแล้วว่า โจ๊กเกอร์ไม่ตลก และคนที่ทำดันมาเป็น idol ที่เค้านับถืออย่างสุดหัวใจอย่างเมอรรี่ แฟรงค์กิน
- และในวันที่เค้าได้รับโทรศัพท์ให้ไปเข้าร่วมรายการสดของเมอรี่ เค้าได้จัดเตรียมการแสดงตลกครั้งสุดท้ายของเขาให้ผู้ชมทุกคนได้ดูสด นั้นคือ "น๊อค น๊อค น๊อค" เอาปืนกลอกปากแล้วยิงตัวตาย ซึ่งสอดคล้องกับมุกตลกที่เค้าจดไว้ "ความตายของฉันเป็นเรื่องตลก" นั้นแสดงให้เห็นว่า โจ๊กเกอร์ตั้งใจจะไปฆ่าตัวตายในวันที่ออกอากาศสดแน่นอนเพื่อเป็นการแสดงตลกให้ทุกๆคนได้ดู
- ณ ห้องส่ง โจ๊กเกอร์ ได้ขอร้องให้แนะนำเค้าว่าเค้าคือ โจ๊กเกอร์ พอฉากเปิดตัว โจ๊กเกอร์ออกมาอย่างอลังการ มีการเต้นรำซึ่งบ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจอย่างขีดสุดของเค้า เค้าเข้าไปจูบปากกับหมอที่นั่งในรายการ หลังจากนั้นมีการพูดคุยและมีการตอบโต้ประเด็นกันไปมา สืบเนื่องจากโจ๊กเกอร์บอกว่า "เค้าเป็นคนฆ่าไอ 3 ตัวนั้นเอง" ทุกสิ่งทุกอย่างหลั่งพรูออกมา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า หากเปลี่ยนเป็นเค้าเป็นคนที่ถูกฆ่า คงไม่มีคัยจะหันมามองและเหลียวแลแบบไอ 3 คนนี้นั้นเอง ความดุเดือดเผ็ดมันส์ ตอบโต้ไปมาระหว่างเมอร์รี่และโจ๊กเกอร์เป็นไปอย่างสนุก และทุกอย่างจบลงด้วยการที่ฟางเส้นสุดท้ายของโจ๊กเกอร์สิ้นสุดลง การขาดยา การขาดความยับยั้งชั่งใจ ทำให้เค้าลั่นกระสุนไปยังกลางกระหม่อนของ เมอร์รี่ แฟงรค์กิน ชายผู้ป่วย idol ของเขาจบชีวิตลงท่ามกลางการถ่ายทอดสดและความอลม่านต่างๆก็ตามมา
- และนี่เป็นการดำดิ่งลงไปในความืดมนอันสุดแสนจะสุดหยั่งถึง เมื่อสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่คอยประคับประคองให้เค้าเดินตามครรลองชอบธรรมได้สูญสลายมลาญสิ้น และนี่จึงเป็นแรงผลักดันให้เค้าลอยตัวขึ้นมาในนามของ โจ๊กเกอร์!!!!!