แน่นอนว่ามันย่อมไม่เหมือนโลกที่เราท่านๆ อย่างมนุษย์เราแน่นอน มันต่างกันทั้งมุมมอง ขอบเขตการมองเห็น และสีสัน ตัวอย่างเช่น เคยสงสัยกันไหมว่าทำไม? แมลงวันจึงไวเสียเหลือเกิน จะตบจะตีนั้นไม่ทันมันเสียที ก็เนื่องจากแมลงวัน มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภาพช้า(สโลโมชั่น) พวกมันจึงมีเวลาเพียงพอ ในการบินหลบหนีได้ทันเกือบทุกครั้งไป
มองโลกผ่าน ดวงตาหมา แมว
หมา และแมว มีดวงตาที่ไม่ดีนัก โดยมากพวกมันเป็นพวกตาบอดสี แต่ หมา และแมวก็มีประสาทรับกลิ่น และประสาทหูที่สุดวิเศษ เพื่อชดเชย แต่ในทางตรงกันข้ามพวกมัน กับ มีสายตาสำหรับมองในที่มืด เวลากลางคืนที่ดีเยี่ยม
ถึงพวกมันจะตามบอดสี และความสามารถในการมองเห็นในเวลากลางวันจะไม่ดีนัก แต่ในเวลากลางคืน พวกมันกับมีสายตาที่ดีกว่ามนุษย์มากนัก (หมายเหตุ ขอบเขตการมองเห็นของพวกมันไม่ใช่เป็นวงกลมตามรูปนะครับ แต่หารูปไม่ได้จริงรูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายจากกล้องมองกลางคืน ของเขตการมองเห็นจึงเป็นวงกลม)
จากงานวิจัยได้กล่าวว่า สุนัขมองเห็นได้คล้ายคนตาบอดสี ซึ่งไม่สามารถแยกสีแดงและสีเขียวออกจากกันได้ นอกจากนั้นโลกของสุนัขจะประกอบด้วยสี เหลือง น้ำเงิน และเทา โดยเมื่อคนเราเห็นสีแดงสุนัขจะเห็นเป็นสีเหลือง เราเห็นสีเขียวสุนัขจะเห็นสีขาวออกเทาๆ บริเวณสีขาวซึ่งเรียกว่า จุดไม่มีสี เกิดขึ้นที่บริเวณ 480 nm ของแถบสีที่มองเห็น (visual spectrum) ตามปกติที่จุด 480 nm จะปรากฏอยู่ในช่วงน้ำเงินแกมเขียว ทุกความยาวคลื่นแสงที่ยาวกว่าจุดไม่มีสีสุนัขจะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ และจะมองเห็นเป็นสีเหลือง
มองโลกผ่าน ดวงตางู
งูมีปราสาทการมองเห็นอยู่ 2 ชุดคือ ดวงตา และช่องสำหรับตรวจจับความร้อน ซึ่งทำให้พวกมันสามารถมองเห็นภาพเป็นเฉดสีแตกต่างกัน ตามความร้อนของพื้นผิว
ภาพที่งูมองเห็นจะเห็นเป็นเฉดสี แต่ไม่ใช่สีที่สะท้อนมาจากแสงอาทิตย์ แต่เป็นสีของคลื่นความร้อน
มองโลกผ่าน ดวงตาแมลง
แมลงมีจุดรับภาพบนดวงตาจำนวนมาก ทำให้พวกมันมองเห็นโลกเป็นภาพเล็กๆ เรียงรายปะติดปะต่อกันเต็มไปหมด พวกมันสามารถมองเห็นสีสันได้บ้างแต่ไม่ดีนัก บางสายพันธุ์มองเห็นภาพเป็นภาพสโลโมชั่น
ภาพที่แมลงมองเห็นนั้นจะเป็นจอภาพเล็กวางต่อกัน อย่างหยาบๆ
ส่วนการมองเห็นของแมลงวันจะมีการมองเห็นภาพเล็กๆ ปะติดปะต่อกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการมีจุดรับภาพนับพันที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างภาพๆ หนึ่งขึ้นมา พวกมันมองเห็นรังสีอัลตราไวโอเลต และพวกมันจะมองเห็นโลกเคลื่อนไหวได้ช้ากว่าที่มนุษย์เห็น
มองโลกผ่าน ดวงตาม้า
หากจะบอกว่าม้ามองเห็นโลกนี้อย่างไร คงจะคล้ายๆเรามองผ่านกล้องส่องทางไกล คือ ม้าจะไม่สามารถมองเห็นภาพตรงกลาง ระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง นั้นจึงเป็นสาเหตุว่าพวกมันจึงชอบก้มมองพื้นพร้อมกับส่ายหัวไปมา
มองโลกผ่าน ดวงตานก
นกเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีดวงตาพัฒนาไปอย่างสุดยอด เนื่องจากพวกมันบินอยู่สูงบนท้องฟ้า พวกมันจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสามารถแยกแยะสีสันได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อให้มองเห็นเหยื่อได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น นกพิราบ สามารถมองเห็นเฉดสีได้มากกว่า 1 ล้านเฉดสี
ภาพที่นกมองเห็นจะสามารถเห็นเฉดสีได้มากกว่าตาของมนุษย์
มองโลกผ่านดวงตาฉลาม
รายงานผลวิจัยล่าสุดของทีมนักวิจัยจากออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่า ปลาฉลาม เป็นสัตว์ที่ตาบอดสี จากการศึกษา พวกเขาได้ทำการวิเคราะห์เรติน่าจากดวงตาของปลาฉลาม 17 สายพันธุ์ และพบว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีเซลล์ที่ใช้แยกแยะสีที่เรียกว่าเซลล์รูปกรวย เพียงแค่ 1 ชนิดเท่านั้น ขณะที่มนุษย์มีถึง 3 ชนิดด้วยกัน
มองโลกผ่านดวงตาของกุ้งและปู
หากใครสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่าตาปูจะเหมือนกับตาของหอยทากไม่มีผิด ซึ่งข้อดีของตาเป็นก้านเหมือนเสาอากาศจะทำให้พวกมันสามารถมองได้กว้างไกลยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตอนว่ายน้ำ จริงอยู่ที่การมองเห็นของปูอาจไม่ดีเท่าสัตว์นักล่า แต่พวกมันก็สามารถแยกสีสันได้ไม่ต่างจากสัตว์อื่น นอกจากนี้กระบอกตายาวๆ ยังช่วยปูในการพรางตัวได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นตอนที่พวกมันหลบอยู่หลังโขดหินก็จะใช้ตาโผล่ออกไปสำรวจลู่ทางรอบๆ นั่นเอง
ที่สำคัญห้ามดูถูกกันเลยเชียว เพราะภายในตาคู่นั้นประกอบด้วยเลนส์ตาเล็กๆ นับร้อยทำงานอยู่
ขอบคุณรูปภาพ Cr.image.dek-d.com/25/1284875/110280862
เพิ่มเติมการมองผ่านโลกจากดวงตาของสัตว์อื่นๆ
มองโลกผ่าน ดวงตาตุ๊กแก
ตุ๊กแกมีการมองเห็นในตอนกลางคืนที่ดีมาก โดยดวงตาของพวกมันมีความไวแสงมากกว่ามนุษย์มากถึง 350 เท่า จึงไม่แปลก ถ้ามันจะสามารถมองเห็นดวงดาวได้เต็มท้องฟ้า ในขณะที่มนุษย์มองเห็นได้แค่นิดเดียว
มองโลกผ่าน ดวงตากิ้งก่า
กิ้งก่าเป็นสัตว์ที่มีการมองเห็นที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะดวงตาของพวกมันแต่ละข้างเป็นอิสระต่อกัน และนั่นทำให้พวกมันสามารถมองเห็นโลกได้ถึง 360 องศา แถมมันยังเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังเพียงชนิดเดียวที่สามารถโฟกัสสิ่งต่างๆ โดยรับรู้ความลึกของวัตถุ ได้ด้วยตาเพียงข้างเดียวเท่านั้น
มองโลกผ่าน ดวงตาวัว
สำหรับมนุษย์จะมองเห็นหญ้าเป็นสีเขียว แต่สำหรับวัวกลับต่างกันออกไป เพราะมันจะมองเห็นเป็นสีส้มและแดง และทุกสิ่งที่มันเห็นจะขยายใหญ่กว่าที่มนุษย์เห็นเล็กน้อย และมันสามารถมองเห็นได้กว้างถึง 300 องศา
มองโลกผ่าน ดวงตาหนู
ตาของหนูแต่ละข้างเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจากกัน ดังนั้นพวกมันจะเห็นโลกเป็นภาพ 2 ภาพ แถมโลกของมันยังออกเบลอๆ เคลื่อนไหวช้า และออกเป็นโทนสีฟ้าเขียว
การมองเห็นภาพต่างๆ ของหนูไม่ดีนักเมื่อเทียบกับสายตามนุษย์ เนื่องจากระบบโครงสร้างในการมองเห็นภาพและการรับแสงของมัน ถูกสร้างขึ้นให้มี ลักษณะคล้ายนิ้วมือซึ่งมีพื้นที่รับแสงมากขึ้น จึงเหมาะต่อการหากินในเวลากลางคืนและมีเซลล์รอดเท่านั้นที่ทำหน้าที่ในการ รับภาพ แต่ไม่สามารถให้ข้อ มูลเกี่ยวกับสีได้
(หนูจะใช้หนวดในการคลำทางหาอาหาร ส่วนขนที่ใต้ท้องและการสัมผัสของอุ้งตีนบนพื้นผิวที่มันวิ่งผ่าน จะช่วยให้หนูเรียนรู้และจดจำถึง สภาพพื้นที่ที่มันวิ่งผ่านได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหนูมักจะออกหากินไปตามทางเดิมอยู่เสมอทำให้เกิดเป็นรอยทางเดินนอกจาก ประสาทสัมผัสที่ไวมากที่ขนดังกล่าวแล้ว หนูยังมีจมูกที่มีประสาทรับกลิ่นต่างๆ ที่ดีเยี่ยม ใช้ดมกลิ่นเพื่อค้น หาแหล่งอาหารที่อยู่ไกลๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ประสาทในการชิมรสอาหารที่ลิ้นก็ไวมากสามารถตรวจหรือรู้รส แปลกปลอมที่เป็นพิษในอาหารได้โดยง่าย)
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม
มองโลกผ่าน ดวงตาสัตว์ ( Animal Eye View)
ที่สำคัญห้ามดูถูกกันเลยเชียว เพราะภายในตาคู่นั้นประกอบด้วยเลนส์ตาเล็กๆ นับร้อยทำงานอยู่