สวัสดีครับ ผมเป็นคนต่างจังหวัดอยู่ในภาคอีสาน ตอนนี้ผมว่างงานอยู่ จึงหาสมัครงานโดยผ่านกลุ่ม Facebook และฝากประวัติการทำงานไว้ที่ hoteljobมีอยู่วันหนึ่งมีโทรศัพท์จาก HR เป็นร้านอาหารยุโรป ตั้งอยู่ทองหล่อ ขอเรียนสายกับผม ผมก็ตอบไป แล้วถามอีกว่า ยังสนใจในตำแหน่งงานบริการอยู่ไหม? ผมก็บอกว่าสนใจ แล้วก็คุยกันไป จนเธอบอกว่า ถ้าสะดวกมาสัมภาษณ์งานวันไหน ให้แจ้งมาจะได้เตรียมนัดกับ head service ให้ ผมก็ตกลง แล้วผมก็บอกไปว่า นัดช่วงสุดสัปดาห์แทนล่ะกัน เราสองคนตกลงกันเป็นสุดสัปดาห์ ตอนเย็นๆ ผมจึงโอเค และเตรียมตัว จองโรงแรมในกรุงเทพพอถึงสุดสัปดาห์ผมจึงนั่งรถทัวร์เข้าไปกรุงเทพ ถึงเวลาประมาณ บ่ายสามโมง เช็คอินเข้าที่พัก ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก็เดินออกมาจากโรงแรมที่พัก ไปยังบริษัทที่นัดสัมภาษณ์งาน ผมจึงเดินไป เพราะโรงแรมกับจุดนัดพบอยู่ไม่ห่างกัน จนผมถึงที่หมายก่อนเวลานัดหมายไว้ครึ่งชั่วโมง ผมเลยไปติดต่อประชาสัมพันธ์ว่านัดคนนี้ไว้ กี่โมง แล้วผมบอกว่า รอได้ครับ เพราะยังไม่ถึงเวลานัด ทางประชาสัมพันธ์จึงให้ผมกรอกใบสมัครให้เรียบร้อย พอเรียบร้อย จึงโทรเข้าไปแจ้งกับ พี่ HR ที่ประสานงานกับผม แล้วพี่เค้าก็ออกมา พี่เค้ายังชมผมว่าตรงเวลา แต่งตัวดี ไม่ร้อนหรอ พี่เค้าก็บอกผมว่า เดียวเราไปหาที่คุยกันก่อนน่ะ ก็เลยพาผมไปแถวๆ ร้านอาหารที่ผมจะไปทำ เพื่อรอสัมภาษณ์งานกับหัวหน้า แต่ระหว่างนี้พี่เค้าก็สัมภาษณ์ผมเบื้องต้น การสัมภาษณ์งานกับ HR ผมก็โอเค พี่เค้ายิ้มแย้ม คุยเป็นกันเองทำให้ผมไม่รู้จักประหม่า ( ผมจะขี้อายและตื้นเต้นเวลาสัมภาษณ์งาน) เนื่องจากบุคลิกภาพผมพี่เขาอยากให้ผมสมัครงานร้านอาหาร fine dining ที่สาทร แต่ต้องสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม แต่ปัญหาคือเรื่องประสบการณ์ร้านอาหารยุโรปผมมีน้อย ผมจึงบอกว่า ขอเก็บประสบการณ์ก่อน พอจบ พี่เค้าจึงบอกผมว่าให้ขึ้นไปร้านอาหารเลยเพื่อสัมภาษณ์งานกับ head service ผมก็ขึ้นไปแล้วมี host ออกมาต้อนรับมาถามผม ผมเลยบอกไป ว่ามีนัดสัมภาษณ์กับคนนี้ คำตอบที่ได้ กรุณารอสักครู่ครับ พี่..... กำลังทานข้าว ( อะไรกันนัดคนเวลานี้ แต่มานั่งกินข้าว)ผมก็เลยไปนั่งรอที่โต๊ะในร้านอาหาร พนักงานก็เอาน้ำมาเสิร์ฟให้ แล้วผมก็นั่งรอไปประมาณ เกือบ 30 นาที แล้วหัวหน้าก็ออกมา เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ผมก็ยิ้มยกมือไหว้ทักทาย สิ่งที่ได้มาคือการรับไหว้ แต่ไม่มีรอยยิ้มออกมาจากพี่หัวหน้างานคนนี้แม้แต่มุมปาก ตอนนั้นเองผมจึงรู้ว่าผมคงไม่ได้งานแน่ๆ (คงจะเป็นความผิดผมเองแหละที่ไปขัดเวลาความสุขเวลากินของพี่เค้า แต่ทำยังไงได้ในเมื่อคุณนัดผมเวลานี้ อีกอย่างคุณคือหัวหน้าทำงานบริการ คุณเจอคนครั้งแรก คุณไม่สร้างความประทับใจให้กับผู้มาพบเลยหรอ แล้วคุณจะให้ลูกน้องคุณสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ยังไง ) ก็เริ่มเลยจากการแนะนำตัว การทำงาน ผมก็ว่าไป แล้วเธอก็มาสะดุดตรงอายุผม ถามว่า อายุ 28 หรอ เนื่องจากผมเรียน ปวส. คอมมา แล้วไปเรียนปี 1 ใหม่ในสายการจัดการโรงแรม จึงจบช้ากว่าชาวบ้านเค้า แล้วก็ถามผมอีกว่าหัวหน้างาน: "ทำไมทำงานมาแล้ว 1 ปี ทำไมยังไม่เลื่อนขั้น?" ผม:. "เนื่องจาก ระบบการพิจาณาช้าครับ อีกทั้งยังไม่มีโครงสร้างครับ" (ถามอะไรเนี่ย.... ทุกที่ไม่ใช่ว่าทำงานครบปีจะได้เลื่อนขั้นน่ะ)หัวหน้างาน:" ตอนจะออกทำไมไม่หางานรองรับ หรือว่าบ้านมีฐานะจึงไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน?" ผม

อ้าว.. คำถามสร้างสรรค์จริงๆ ล่ามมาถึงฐานะครอบครัวกุอีก) ผมต้องการหาประสบการณ์ใหม่ครับ เนื่องจากที่ผมทำมันตัน และดูแล้วไม่ได้รับความรู้มากกว่านี้แล้ว แล้วเธอก็ถามอีกว่า จากการหางานดูเหมือนอยากจะทำงานในโรงแรม มากกว่าร้านอาหารน่ะ ผมก็เลยตอบไปว่า "ไม่จำเป็นต้องเป็นงานโรงแรมครับ ขอให้เป็นงานบริการ ผมก็สามารถเรียนรู้และทำงานได้" ระหว่างการสัมภาษณ์มีแต่คำถามเชิงลบทั้งนั้นและคำถามกดดัน แล้วหัวหน้างานไม่ยิ้มแย้มออกมาสักนิดเดียว แม้แต่มุมปาก พอจบการสัมภาษณ์งาน เธอก็บอกผมว่า รอผลภายในวันอังคาร ถ้าไม่ติดต่อกลับไปก็อาจต้องหางานใหม่ โอเค ในใจผมคิดว่า คงไม่ได้ 100% เพราะวันนี้มีคนมาสัมภาษณ์แล้ว 2-3 คน พี่แกคงมีคนในใจแล้วล่ะ ผมก็เลยยกมือไหว้แล้วขอตัวกลับ คิดในใจเสียค่าที่พักไป 4000 บาท ค่าเดินทาง ถามว่า คุ้มไหม ก็คุ้ม ได้เจอประสบการณ์ใหม่ในชีวิตปล. เราหลายคนถูกสอนมาว่าควรให้เกียรติที่สถานที่ ตัวบุคคลเวลาไปสัมภาษณ์งาน การแต่งตัว การตรงต่อเวลา แต่ไม่เคยสอนผู้สัมภาษณ์งานก็ควรให้เกียรติผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วยเช่นกัน จากประสบการณ์ที่เจอ การได้งานอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถแต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของหัวหน้างานด้วยว่าเป็นอย่างไร ณ ช่วงเวลานั้น จากประสบการณ์ถ้าผู้สัมภาษณ์งานหน้าบูดตั้งแต่กล่าวทักทายกัน ก็เตรียมตัวเลยว่าเค้าไม่สนใจเราแล้ว เค้ามีคนในใจแล้ว
ประสบการณ์สัมภาษณ์งาน.... ร้านอาหารที่ เจอ ผู้สัมภาษณ์ไร้รอยยิ้ม