ผมเครียดเรื่องแม่มากเลยครับมีใครให้คำปรึกษาได้บ้าง ปัจจุบันผมอาศัยอยู่คนละที่กับแม่เพื่อเดินทางไปทำงานสะดวก เรื่องราวมันเริ่มจาก ผมมีความวิตกกังวลและรู้สึกผิด เวลาที่ต้องพูดความจริงอันแสนธรรมดาให้แม่ฟังเนื่องจากแม่เป็นห่วงผมมากเกินไป เช่นผมจะขับรถไปซื้อของในที่ไกลๆ หรือนอนดึกเพื่อทำงานให้เสร็จ หรือเที่ยวกับเพื่อนจนดึก ทุกครั้งที่บอกความจริงแม่จะมีอาการเป็นห่วงวิตกกังวลออกนอกหน้าจนเห็นได้ชัด หรือฟังแล้วรู้สึกได้เช่น
ผม : วันนี้ผมไปเตะบอลกับเพื่อนนะครับ น่าจะกลับหอประมาณ 22.30 - 23.00 น.
แม่ : ทำไมดึกจัง แล้วพรุ่งนี้ทำงานไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ห่วงสุขภาพ กลับดึกอย่างนี้จะนอนพอได้ไง ก็แล้วแต่นะ
ผม : ครับ
หรือ
20.30 น.
แม่ (โทรศัพท์มาหา) : อยู่ไหนลูก
ผม : ซื้อกับข้าวอยู่ที่ตลาดใกล้ๆครับ
แม่ : แล้วทำไมเพิ่งซื้อล่ะ เลิกงาน 17.00 ไม่ใช่หรอ แล้วไปไหนมา
ผม : พอดีออกจากที่ทำงานช้า เพราะนั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ครับ
แม่ : ขับรถระวังด้วยนะฝนมันตก เดี๋ยวนี้เห็นในข่าวรถชนบ่อย เราไม่ชนเค้าเค้าก็มาชนเรา มองซ้ายมองขวาดีๆ รถบรรทุกก็ไม่ต้องไปขับใกล้ รถเราก็คอยซ่อมมันด้วยนะ
ผม : ครับ
ซึ่งจริงๆมีอีกหลายเคส ตามที่ยกตัวอย่างมาเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรมากเพราะคล้ายๆเป็นห่วงตามปกติ แต่มีเคสหนึ่ง ผมอึดอัดมากๆอาจด้วยความเป็นคนไม่ดีของผมด้วยมั้ง แต่ผมสาบานว่าผมไม่ได้ทำสิ่งที่ไม่ดีที่ทำให้เสียคนเลยแม้แต่น้อย เคสนั้นคือ
เนื่องจากผมและแฟนทำงานอยู่ใกล้กันในระยะทางที่ขับรถไปรับได้ทุกวันซึ่งผมเลิกงาน 17.00 หรือบางทีทำงานช้าก็อาจ 18.00 แล้วแต่วัน ทุกวันหลังจากเลิกงายผมจะขับรถไปรับแฟนซึ่งแม่จะโทรมาระหว่างขับรถบ้าง หรือระหว่างที่ผมช้อปปิ้งกับแฟนบ้างหรือ เดินซื้อกับข้าวกับแฟนบ้าง ซึ่งบางครั้งผมก็ไม่รับสาย เพราะไม่อยากให้รู้ว่าผมมาอยู่กับแฟนบางครั้งก็รับสายแล้วโกหกว่าอยู่คนเดียว ซึ่งรวมๆคือทุกครั้งที่คุยไม่เคยบอกว่าอยู่กับแฟนเลยสักครั้ง ทำให้ผมอึดอัดมากที่จะบอกแม่ว่าอยู่กับแฟน เพราะก่อนหน้านี้แม่เคยแสดงอาการน้อยใจให้เห็น หรือแม้กระทั่งเป็นคำพูดออกมาให้เห็น เช่น "..ให้ความสำคัญกับแม่บ้างสิ.." "..มีเวลาให้แม่บ้างสิ.." " ..รักคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัวอีกหรอ.." ต่างๆเหล่านี้ทำให้ผมไม่กล้าที่จะบอกว่าอยู่กับแฟนทุกวัน กลายเป็นทุกครั้งที่แม่โทรมาผมจะอึดอัดที่จะพูดเลยต้องโกหกทุกครั้ง ซึ่งมันผิด แต่ผมทำบ่อยแล้วรู้สึกว่าแม่สบายใจมากกว่าพูดว่าอยู่กับแฟนซึ่งเป็นความจริง เอาตรงๆคือกลัวแม่รับความจริงไม่ได้ กลัวแม่น้อยใจ กลัวแม่มีความทุกข์ ผมจึงใช้การโกหกเข้ามาช่วย แต่กลายเป็นผมมีความทุกข์มากมายเหลือเกินและอึดอัดที่จะบอกความจริงกับแม่ จริงๆไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่คิดว่าบอกแล้วทำให้แม่ไม่สบายใจผมจะไม่บอกเลิกใช้การโกหกแทนเพื่อให้แม่สบายใจโดยที่ผมยอมเป็นทุกข์ยอมตกนรก ยอมผิดศีลธรรมแต่ผมรู้สึกว่ามันดีกว่าการพูดความจริงแล้วทำให้แม่เป็นทุกข์อ่ะครับ ซึ่งสิ่งต่างๆที่ผมไม่ได้บอกแม่ว่าผมไปไหน ทำอะไร อยู่กับใคร ผมคิดว่าผมสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรดี ไม่ดี อะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ เพราะผลสุดท้ายที่ผ่านมาผมไม่เคยนอกลู่นอกทางใดๆ ผมรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานดี เวลาให้แม่ก็มีในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงแต่วันธรรมดา ไม่ได้อยู่ด้วยเฉยๆ เงินที่ทำงานมาผมก็ยกให้แม่ในจำนวนที่พอใช้ทั้งเดือน วันว่างๆก็พาแม่ไปเที่ยว ซื้อของ ทานอาหาร รวมๆผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ผมจึงคิดว่าถ้าเรารับผิดชอบตัวเราได้ แล้วการที่พูดความจริงกับแม่ว่าไปไหน ทำอะไร อยู่กับใคร แล้วทำให้แม่เป็นทุกข์ ผมเลือกที่จะไม่บอกดีกว่า เลยอยากปรึกษา คนอื่นบ้างว่าคิดเห็นอย่างไร เพราะตอนนี้ผมอึดอัดเหบือเกิน เอาง่ายๆคือไม่กล้าบอกความจริงอะไรกับแม่เลยสักอย่างในชีวิต เพราะมีแต่จะมอบความทุกข์ให้แม่ทั้งนั้น
ทั้งชีวิตแม่มีแต่ลูก แต่ทั้งชีวิตลูกไม่ได้มีแต่แม่ ชีวิตที่สวนทาง อิสระที่ไม่เป็นจริง ความอึดอัดที่เพิ่มพูน
ผม : วันนี้ผมไปเตะบอลกับเพื่อนนะครับ น่าจะกลับหอประมาณ 22.30 - 23.00 น.
แม่ : ทำไมดึกจัง แล้วพรุ่งนี้ทำงานไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ห่วงสุขภาพ กลับดึกอย่างนี้จะนอนพอได้ไง ก็แล้วแต่นะ
ผม : ครับ
หรือ
20.30 น.
แม่ (โทรศัพท์มาหา) : อยู่ไหนลูก
ผม : ซื้อกับข้าวอยู่ที่ตลาดใกล้ๆครับ
แม่ : แล้วทำไมเพิ่งซื้อล่ะ เลิกงาน 17.00 ไม่ใช่หรอ แล้วไปไหนมา
ผม : พอดีออกจากที่ทำงานช้า เพราะนั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ครับ
แม่ : ขับรถระวังด้วยนะฝนมันตก เดี๋ยวนี้เห็นในข่าวรถชนบ่อย เราไม่ชนเค้าเค้าก็มาชนเรา มองซ้ายมองขวาดีๆ รถบรรทุกก็ไม่ต้องไปขับใกล้ รถเราก็คอยซ่อมมันด้วยนะ
ผม : ครับ
ซึ่งจริงๆมีอีกหลายเคส ตามที่ยกตัวอย่างมาเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรมากเพราะคล้ายๆเป็นห่วงตามปกติ แต่มีเคสหนึ่ง ผมอึดอัดมากๆอาจด้วยความเป็นคนไม่ดีของผมด้วยมั้ง แต่ผมสาบานว่าผมไม่ได้ทำสิ่งที่ไม่ดีที่ทำให้เสียคนเลยแม้แต่น้อย เคสนั้นคือ
เนื่องจากผมและแฟนทำงานอยู่ใกล้กันในระยะทางที่ขับรถไปรับได้ทุกวันซึ่งผมเลิกงาน 17.00 หรือบางทีทำงานช้าก็อาจ 18.00 แล้วแต่วัน ทุกวันหลังจากเลิกงายผมจะขับรถไปรับแฟนซึ่งแม่จะโทรมาระหว่างขับรถบ้าง หรือระหว่างที่ผมช้อปปิ้งกับแฟนบ้างหรือ เดินซื้อกับข้าวกับแฟนบ้าง ซึ่งบางครั้งผมก็ไม่รับสาย เพราะไม่อยากให้รู้ว่าผมมาอยู่กับแฟนบางครั้งก็รับสายแล้วโกหกว่าอยู่คนเดียว ซึ่งรวมๆคือทุกครั้งที่คุยไม่เคยบอกว่าอยู่กับแฟนเลยสักครั้ง ทำให้ผมอึดอัดมากที่จะบอกแม่ว่าอยู่กับแฟน เพราะก่อนหน้านี้แม่เคยแสดงอาการน้อยใจให้เห็น หรือแม้กระทั่งเป็นคำพูดออกมาให้เห็น เช่น "..ให้ความสำคัญกับแม่บ้างสิ.." "..มีเวลาให้แม่บ้างสิ.." " ..รักคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัวอีกหรอ.." ต่างๆเหล่านี้ทำให้ผมไม่กล้าที่จะบอกว่าอยู่กับแฟนทุกวัน กลายเป็นทุกครั้งที่แม่โทรมาผมจะอึดอัดที่จะพูดเลยต้องโกหกทุกครั้ง ซึ่งมันผิด แต่ผมทำบ่อยแล้วรู้สึกว่าแม่สบายใจมากกว่าพูดว่าอยู่กับแฟนซึ่งเป็นความจริง เอาตรงๆคือกลัวแม่รับความจริงไม่ได้ กลัวแม่น้อยใจ กลัวแม่มีความทุกข์ ผมจึงใช้การโกหกเข้ามาช่วย แต่กลายเป็นผมมีความทุกข์มากมายเหลือเกินและอึดอัดที่จะบอกความจริงกับแม่ จริงๆไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่คิดว่าบอกแล้วทำให้แม่ไม่สบายใจผมจะไม่บอกเลิกใช้การโกหกแทนเพื่อให้แม่สบายใจโดยที่ผมยอมเป็นทุกข์ยอมตกนรก ยอมผิดศีลธรรมแต่ผมรู้สึกว่ามันดีกว่าการพูดความจริงแล้วทำให้แม่เป็นทุกข์อ่ะครับ ซึ่งสิ่งต่างๆที่ผมไม่ได้บอกแม่ว่าผมไปไหน ทำอะไร อยู่กับใคร ผมคิดว่าผมสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรดี ไม่ดี อะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ เพราะผลสุดท้ายที่ผ่านมาผมไม่เคยนอกลู่นอกทางใดๆ ผมรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานดี เวลาให้แม่ก็มีในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงแต่วันธรรมดา ไม่ได้อยู่ด้วยเฉยๆ เงินที่ทำงานมาผมก็ยกให้แม่ในจำนวนที่พอใช้ทั้งเดือน วันว่างๆก็พาแม่ไปเที่ยว ซื้อของ ทานอาหาร รวมๆผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ผมจึงคิดว่าถ้าเรารับผิดชอบตัวเราได้ แล้วการที่พูดความจริงกับแม่ว่าไปไหน ทำอะไร อยู่กับใคร แล้วทำให้แม่เป็นทุกข์ ผมเลือกที่จะไม่บอกดีกว่า เลยอยากปรึกษา คนอื่นบ้างว่าคิดเห็นอย่างไร เพราะตอนนี้ผมอึดอัดเหบือเกิน เอาง่ายๆคือไม่กล้าบอกความจริงอะไรกับแม่เลยสักอย่างในชีวิต เพราะมีแต่จะมอบความทุกข์ให้แม่ทั้งนั้น