จะเป็นนีท(NEET)ได้ต้องมีอะไรบ้าง

คำนี้ผมรู้จักครั้งแรกน่าจะมาจากเรื่อไลท์โนเวล+เมะเรื่อง  Kamisama no Memo-chou มั้ง+เลือดสายหมีค่อนข้างแรง (ตอนแรกรู้จักแต่คำว่า"โอตาคุ"คือคนติดอนิเมะนั้นแหละ ถ้านึกภาพไม่ออกให้เอาไปเทียบกับคำว่า"ติ่งเกาหลี" แค่เปลี่ยนจากติดดาราเกาหลีเป็นอนิเมะญี่ปุ่น) 
จึงเป็นที่มาให้ผมเลยตามไปสืบหาความหมายคำนี้มา

ความหมายจริงๆของคำว่า NEET ตามความรู้เดิมที่เคยอ่านเจอคือ มาจากคำว่า Not in Education Employment or Training ซึ่งแปลว่า  ไม่เรียน, ไม่ทำงาน หรือ ไม่ฝึกฝน   
คำนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษใช้เรียกกลุ่มบุคคลที่มีลักษณะไม่เรียนหนังสือหรือไม่ทำงาน   วันๆจะอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์  มักจะเก็บตัว มีกิจวัตประจำวันไปกับการเล่นเกมส์  ดูหนัง ดูซีรี่ ฯ เสียส่วนใหญ่  แต่ยังคงออกจากบ้านไปโน่นมานี่ด้วยตัวเองอยู่ 
คำนี้ใช้และพบได้มากในชาวญี่ปุ่น ฮ่องกง  โดยเฉพาะในชาวญี่ปุ่น  พบว่าหลายคนมักจะเป็นโอตาคุด้วย    และบางคนเป็น NEET หนักถึงขั้นที่เข้าข่ายเป็น"ฮิกิโกะโมะริ"   
***NEETกับฮิกิโกะโมะริ ผมถือว่าเป็นคนละอย่างกัน    เนื่องจากคนที่เป็นฮิกิโกะโมะริบางคนไม่ถือว่าเป็นNEETเพราะยังทำงานหาเงิน เรียนหนังสือได้ แม้จะขังตัวเองในบ้านในห้องไม่พบปะสังคมเลยก็ตาม  ยุคนี้เป็นไปได้และทำได้จริงแล้วในสภาพเมืองใหญ่ที่มีระบบพื้นฐานในการจำหน่ายและขนส่งรองรับอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพดีระดับนึงแล้ว   แค่คุณมี Internet+Computer/Smartphone/Table 

ในไทย   ผมยังไม่เจอนักจิตวิทยาหรือนักวิชาการคนไหนทำการสำรวจ หรือ รักษาให้คำแนะนำกับ หรือให้ความหมาย NEET ในไทย ผมเลยเข้าใจว่า ส่วนใหญ่จะถูกDiagnosisว่าเป็น MDD ไม่ก็  SAD ไปจนถึงASโดยเฉพาะในรายที่เป็นเด็ก หรืออาจมองว่า เป็นหน้าที่ของนักสังคมสงเคราะห์เสียมากกว่า เพราะปัญหาและลักษณะสำคัญของคนกลุ่มนี้คือ   "ไม่เรียน" หรือ  "ไม่ทำงาน"   เลยไม่ค่อยมีข้อมูลส่วนนี้ในไทยมากนัก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งลักษณะของคนกลุ่มนี้  น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า "โรคขี้เกียจ" ครับ แต่ตามความเห็นผมคือ NEET อาจเป็นประเภทหนึ่งของคนขี้เกียจ(แต่ไม่ได้ขี้เกียจจริงๆ) เนื่องจากคนกลุ่มนี้  แต่ไม่เรียนไม่ทำงานไม่ทำการ  เพราะ  ตกงาน ทำงานไม่ได้เรื่อง/เก่งมาก เรียนไม่เก่ง/เก่งมาก  จนไม่อยากทำงาน/เรียนเนื่องมาจากปัญหาสังคมและความเครียดจากการทำงาน/เรียน   จึงเลือกที่จะหลีกหนีสังคม กลายเป็นคนเก็บตัว  ซึ่งบางคนที่เป็นNEETมักจะอยู่แต่ในบ้านหรือในห้อง แทบไม่ออกไปไหนเลยพบปะใครเลย จึงมักจะมีความเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาเป็น"ฮิกิโกะโมะริ"ต่อครับ   
และส่วนสำคัญที่หล่อเลี้ยงเหล่า NEET หนีไม่พ้นเงินและครอบครัว+เพื่อน ครับ

ประเภทของNEETน่าจะมี4กลุ่ม ซึ่งมี2ชั้น ประเภท2 (ความสามารถกับฐานะ)

1.NEET ชั้นต่ำ
1.1NEETมีความสามารถและฐานะต่ำ คือเรียนไม่เก่ง ทำงานไม่เก่ง  และฐานะไม่ดี       ในไทยไม่ค่อยพบ+นิสัยตัดหางปล่อยวัดของคนไทย NEET กลุ่มนี้จึงพบเห็นได้ยากมาก(หรือพบอีกทีคงเป็นขอทาน/เร่รอนนั้นแหละ)ประกอบกับอัตตราว่างงานที่ต่ำเรี่ยดินของไทยด้วยแล้ว 
จึงสรุปได้ว่า  ถ้าเป็น NEET ประเภทนี้ในไทยแล้วละก็ โอกาสรอดยากส์ ทำให้มีน้อยคนมากที่จะเป็นได้(จึงเป็นที่มา  ถ้าไม่ทำงานจะเอาอะไรแดรกนั้นเอง...)

1.2.NEETมีความสามารถต่ำแต่ฐานะดี คือเรียนไม่เก่ง ทำงานไม่เก่ง  และฐานะดี      มักเป็นคนที่เกิดในครอบครัวที่มีอันจะกิน แต่บุตรหลานไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้มีความสามารถ หรือถูกกดดันจากสภาพสังคม   จึงทำให้พบเห็นได้ตามวัยรุ่นม.ปลาย+มหาลัยที่ครอบครัวส่งเสียมาเรียนในเมือง 
สาเหตุหลักมาจาก  ไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน/ทำงาน  จึงทำให้ความสนใจลดลง พอผสมโรงกับการถูกเยาะเย้ยทั้งในห้องเรียน/ที่ทำงาน และ จากครู/นายจ้าง     ทำให้รู้สึกไม่มีคุณค่าหรือไม่ควรมีตัวตนอยู่ในที่แบบนั้นเลย   จนถึงจุดจุดหนึ่งที่รู้  ชั่งแมฺร่ง  แล้วก็พาตัวเองเข้าสู่โลกเกมส์/Social onlineเช่นPANTIP/หนัง เมะ ที่ตัวเองได้รับการยอมรับและผ่อนคลาย มีความสุขกับโลกสเหมือนนั้นมากกว่า + 
(สังเกตง่ายๆเลยคือ  ตอนกลับมาบ้าน แทบไม่ออกไปไหนเลย อยู่แต่คอมแต่TV ชวนไปไหนก็ไม่ไป ใช้โน่นใช้นี้ก็ไม่ยอมทำมีแต่ใช้เราที่เป็นพ่อแม่พี่น้องทำซะงั้น  จนกลับหอโน่นแหละ)
จึงสรุปได้ว่า  ถ้าเป็น NEET ประเภทนี้ในไทยแล้วละก็ มีโอกาสรอดในไทยได้ไม่ยากเพราะค่าครองชีพต่ำ  อยู่ได้สบาย ตราบเท่าที่ครอบครัวหรือมรดกยังหล่อเลี้ยง NEET พวกกลุ่มนี้ได้  แต่คงแทบอยากตายทันทีเมื่อไม่มีใครให้พึ่งหรือตังหมด  (อย่างว่า...  ตายก่อนตังหมดแค่เสียดาย ตังหมดก่อนตายชีวิตบัดซบ)

2.NEET ชั้นสูง
2.1  NEET มีความสามารถสูงแต่ฐานะไม่ดี คือเรียนเก่ง ทำงานดี  แค่ฐานะดีไม่    มักเป็นคนที่เกิดในครอบครัวที่ต้องด้นรนทำมาหากิน เพื่อมีให้เงินมีชีวิตที่ดี    แต่ถึงจุดจุดหนึ่ง  บางคนเลือกจะเป็น NEET เพราะ     ปัญหาสังคมเป็นหลัก เช่น 
            >ทำงานแล้วโดดเด่นเกินไปและการทำงานข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่หรือสายบังคับบัญชา(โดยเฉพาะงานราชการไทย)  จนโดนเขม่นเอา    
            >โสด(เพราะไม่มีใครเอาหรือนกแล้วนกอีกหรือโดนหักอกจนจิตใจบอบช้ำ จนต้องพึ่งไอดอลสาวโสด สามีแห่งชาติหรือสาว2Dมาเยียวยาจิตใจ )  
            >พอละชั้นเหนื่อยละ  /  ขอเกษียณตัวเอง แต่กลายเป็น NEET แบบไม่รู้ตัวหรือตั้งใจเป็น NEET
 แต่เนื่องจากคนพวกนี้หลายคนมีการมีงานทำมาก่อนแล้ว จึงทำให้มีทรัพย์สินและเงินสดเพียงพอหรือหาเงินได้ไม่ยาก   จึงเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างมากเป็นNEET  ซึ่งทำให้กลุ่มนี้  มีโอกาสอยู่รอดได้สูงที่สุดในบรรดา NEET ด้วยกัน  ในไทยเป็นได้แต่ทำได้ยากเพราะน้อยคนนักที่จะทิ้งเงินเดือนหลักแสนไปดื้อๆ นอกจากเจอปัญหาสังคมกระทบจนต้องออกจากการเรียน/การทำงาน มาเป็น NEET ครับ

2.2 NEET มีความสามารถสูงแต่ฐานะดี  คือเรียนเก่ง ทำงานดี  และฐานะดี   ประมาณชีวิตดีดี๊ไปหมด จนน่าเบื่อและถูกใจกับการเป็น NEET ซะงั้น
ปัญหาส่วนหนึ่งคือ  NEET กลุ่มนี้ มักจะเจอจากเหมือนที่ 2.2เจอทุกประการ    แต่เพิ่มเติ่มเรื่องอาจมีความเส็งเคร็งของชีวิตเข้ามาด้วย เพราะชีวิตเจอเรื่องลำบากน้อย  แต่กลับมีปัญหาทางสังคมและปัญหาทางบ้านที่ไม่ทราบต้นเหตุแน่ชัด  หรืออาจมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นน้อยเกินไป  จึงมี NEET แบบนี้ขึ้นมา
    เนื่องจากพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งใครนอกจากครอบครัวที่ทิ้งมรดกไว้ให้+พบปะผู้คนน้อยจากเหตุผลข้างต้นเลย คนกลุ่มนี้จึงมีโอกาสอยู่รอดได้สูงเป็นรองจาก2.1(อย่าลืมว่า2.1มีประสบการณ์การทำงานและหาเงินมาจริงๆมาแล้วพักใหญ่ ขณะที่กลุ่มนี้อาจไม่มีเลย ก็ได้)นอกจากกิจการหรือธุรกิจที่เป็นมรดกและความรู้ความสามารถที่มี  ทำให้ในไทยผมคิดว่า  น่าจะมีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน  ซึ่งกลุ่มนี้พบเจอได้ยากสุดๆจริงๆ  เป็น Rare NEET ของจริง
(จนมีคนนึงเล่นเกมส์ หัวร้อนเผาบ้านตัวเอง จนออกข่าวมานั้นแหละ ถ้าใครตามดู/อ่านข่าวอยู่ตลอด)

และเท่าที่ผมอ่านเจอความเห็นหลายท่านในpantipมา บางคนก็ให้ความเห็นว่า  "คนพวกนี้คือขยะสังคม"   เลยสรุปสาเหตุที่เป็น NEET  กันนั้นแล้วเลิกยากนั้น   ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสังคมที่ไม่ยอมรับและรังเกียจนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็น"ฮิกิโกะโมะริ" ได้สูงมากจากการโดนสังคมรังเกียจครับ
เพราะขนาดไม่ได้เจอกันและเข้าสังคมน้อยหรือยากอยู่แล้ว ถ้าเจอคนเหล่านี้หรือสังคมรังเกียจซ้ำเติมเข้าไป      คนพวกนี้จะไม่กล้าและเปลี่ยนความคิดเป็นทางลบที่มีต่อสังคมแน่นอน  ทำให้การดึงคนกลุ่มนี้มาเรียนหรือทำงานหลุดจากความเป็น NEET ยิ่งยากเข้าใหญ่ เพราะการดัดนิสัยเปลี่ยนNEET(โดยเฉพาะในประเภทที่3+4ที่มีโอกาสหลุดจากความเป็นNEETได้ดีกว่าแต่ดัดยากกว่ามา)เดิมทีมันก็ยากอยู่แล้วแม้จะทำในคนปกติก็ตาม

ปัญหาของที่สังคมได้รับผลกระทบ  ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจาก NEET สร้างปัญหา(ในไทยยิ่งน้อยเลยเพราะ 1.1 นั้นแหละ)แต่เป็นปัญหาที่สังคมไม่สามารถดึงศักยภาพของ NEET ประเภทที่ 2 มาปล่อยพลังและทำการทำงานให้ได้  แต่กลับทับถมกลบฝังให้หายๆไปซะ 
ทำให้ขาดแรงงานฝีมือ หรือทักษะดีไปอย่างน่าเสียดายจนเกิดเป็นความเสียหายทางเศรฐกิจที่มองไม่เห็น   อย่างที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นครับที่ปัจจุบันไม่พังไปมากกว่านี้  แต่ก็ไม่โต เพราะคนมีฝีมือและศักยภาพสูง  เป็น NEET ซะเยอะ  จากการถูกเคร่งเครียด แข่งขันสูง แล้วทับถมด้วยกันเองของคนในสังคม

***ทั้งหมดนี้เป็นการประมาณการณ์และคาดเดาจากสภาพที่ผมเห็นและลิ้มลองมาบ้างแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่