[SR] รีวิว Samsung Galaxy A80 กล้องหน้ากล้องหลังชัดเท่ากัน มี Super Steady สำหรับวีดีโอด้วย

รีวิว Samsung Galaxy A80 กล้องหน้ากล้องหลังชัดเท่ากัน มี Super Steady สำหรับวีดีโอด้วย

 

สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกเช่นเคยครับ วันนี้ผมก็มีโอกาสได้รีวิว Samsung Galaxy A80 ซักทีครับ หลังจากที่รีวิวแต่ Xiaomi มาตลอด...ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้ลองอะไรใหม่ๆบ้างครับ ระยะเวลาที่ได้อยู่กับเจ้า Galaxy A80 สำหรับผมนั้นอาจจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ผมก็ได้ทดสอบในแบบที่ใครที่อ่านจะรู้ว่าผมจะทดสอบให้ครอบคลุมการใช้งานให้ได้มากที่สุด ถ้ารีวิวนี้มีอะไรผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องตรงไหนไปก็ขออภัยด้วยครับ

ส่วนตัวที่ผ่านมา ผมเคยใช้มือถือซัมซุงมาก่อน และแต่ละรุ่นที่ผมใช้จะเป็นรุ่น S และ Note มาทุกตัว ไม่เคยใช้รุ่นที่เป็นซีรีย์รองท็อปมาก่อน Galaxy A80 เป็นรุ่นแรกที่ผมได้ใช้ ส่วนตัว สิ่งที่ผมคิดว่าซีรีย์รองท็อปอย่าง Galaxy A80 ฟีเจอร์โดยรวมแทบไม่ต่างจากซีรีย์ S กับ Note ซักเท่าไหร่ และอาจจะมีบางอย่างที่ดีกว่าด้วยซ้ำไป

 

ถึงจะเป็นมือถือที่ออกมาซักพักนึงแล้ว และได้ทำการอัพเดตแก้ไขอะไรหลายๆอย่าง ทำให้ฟีเจอร์ต่างๆที่ทำได้ไม่ค่อยดีนัก ก็มีการปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มฟีเจอร์บางอย่างเข้ามาอีกด้วย ในรุ่นนี้ Galaxy A80 ถือว่าเป็นรุ่นหนึ่งที่ทำกล้องออกมาได้ต่างจากรุ่นอื่นๆของซัมซุง...คือมีการใส่กลไกการสไลด์กล้องขึ้นลงมาครั้งแรก และยังเป็นกลไกที่ไม่เหมือนใคร...หลายคนอาจจะคิดว่า เหมือน OPPO N1 N3 สมัยก่อนไง...บางอย่างอาจจะดูเหมือน แต่จริงๆแล้วมันไม่เหมือนกันเลยครับ...ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เชิญอ่านรีวิวได้เลยครับ

 

หน้ากล่อง Galaxy A80 ก็จะมีรูปมือถือ และชื่อรุ่นอยู่หน้ากล่องให้เห็นชัดเจน ส่วนกล่องไหนเป็นสีอะไรก็จะมีสติกเกอร์บอกอยู่ข้างกล่องครับ

 

สีที่วางจำหน่ายมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีชมพู Angel Gold สีขาว Ghost White และสีดำ Phantom Black และมีความจุ 128 แรม 8GB ความจุเดียวเท่านั้น

ส่วนเครื่องที่ผมได้มาริวิว เป็นสี Ghost White ที่สีของเครื่องจะไม่ใช่สีขาวซะทีเดียว จะเป็นสีขาวมุขก็ไม่ใช่ มองบางมุมจะเป็นสีเทาก็ไม่เชิง...คือจะเป็นสีออกสีขาวแบบหม่นๆนิดนึงครับ ถึงฝาหลังจะไม่ได้มีลวดลายพิเศษอะไร แต่ก็สวยไปอีกแบบครับ...ส่วนตัวผมชอบสี Angel Gold มากกว่าครับ 555+

หน้าจอ ขนาด 6.7 นิ้ว Super AMOLED FHD+ 1080x2400 อัตราส่วน 20:9 New Infinity Display เป็นจอเต็ม ไม่มีติ่ง ไม่มีรู
ขนาดตัวเครื่อง 165.2 x 76.5 x 9.3 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวเครื่อง(ชั่งเอง ไม่อิงตามสเปก) 220 กรัม และ 240 กรัมเมื่อใส่เคส
หน่วยประมวลผล Snapdragon 730 Octa Core, (Dual 2.2 กิกกะเฮิร์ตซ์ + Hexa 1.7 กิกกะเฮิร์ตซ์)
หน่วยความจำ 128 GB แรม 8 GB
รองรับ 2 ซิมการ์ด
แบตเตอรี่ 3,700 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Super Fast Charge 25 วัตต์
ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 พร้อมกับ One UI 1.1
ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
กระจอหน้าเป็น Gorilla Glass 3 และกระจกด้านหลังเป็น Gorilla Glass 6
มีฟิล์มหน้าจอติดมาให้ตั้งแต่โรงงาน

 

อุปกรณ์ในกล่องที่ได้มาก็จะมี ตัวเครื่อง เคสแข็งแบบบาง แต่ไม่บางมาก ดูแข็งแรง หูฟังแบบ Type c มาให้ และสายชาร์จที่เป็น Type c ทั้งสองฝั่ง ที่ชาร์จ Super Charge 25W ที่จิ้มถาดใส่ซิม คู่มือและสมุดรับประกัน Galaxy A80 ไม่ช่อง 3.5 และไม่แถมหัวแปลง Type C เป็น 3.5 มาให้ครับ

 

เคสที่ได้มา ก่อนจะใส่ เราต้องลอกพลาสติดใส่ที่ติดอยู่ตรงยางสีดำนี้ก่อน มันเป็นแค่วัสดุเหนียวๆ ที่ไม่ทำให้เคสเลื่อนลงมาได้ครับ เพราะเคสไม่มีจุดยึดที่มุมบน เลยต้องทำสิ่งนี้มาเพื่อไม่ให้เคสมันเลื่อนลงแค่นั้นครับ

 

แน่นอนว่า Galaxy A80 เป็นรุ่นรองท็อปอย่าง S กับ Note แต่สิ่งที่ A ซีรีย์ได้มาเหมือนกันก็ถือวัสดุที่ดูดีสมราคา การจับถือต่างๆ ให้ความรู้สึกดีไม่แพ้ S และ Note

 

แต่สิ่งนึงที่ผมค่อนข้างตกใจคือ น้ำหนักของตัวเครื่อง ผมได้ลองนำ Galaxy A80 ไปชั่งน้ำหนักดูพบว่าตัวเครื่องหนักถึง 220 กรัม กันเลยทีเดียว...และเมื่อใส่เคสเข้าไปแล้ว ก็หนักถึง 240 กันเลย ถามว่าสำหรับผม มือถือที่หนักขนาดนี้ ส่วนตัวผมมองว่าปกติ และไม่ได้รู้สึกว่าหนักเกินไปจนน่ารำคาญ แต่อาจจะหนักสำหรับผู้หญิงแน่นอน

 

และด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว สำหรับผมเองก็ถือว่ากำลังดี แต่แค่เอื้อมนิ้วไม่ถึง ถ้าผมใช้งานมือเดียว แต่ด้วย One UI ของซัมซุงนั้น ออกแบบมาให้เราใช้งานมือเดียวได้ง่ายขึ้น ก็ทำให้ผมตั้งค่า Swipe นิ้วลงจากตรงไหนของจอ แถบการแจ้งเตือนก็จะลงมาให้แล้ว โดยที่เราไม่ต้องใช้สองมือในการดึงแถบการแจ้งเตือนลงมา

 

ด้วยความที่กล้องอยู่ด้านบนสุด และสุดขอบของตัวเครื่อง ทำให้การถือมือถือถ่ายรูปในแนวนอนอาจจะติดขัดไปบ้าง...โดยธรรมชาติของเราเวลาเราจะถ่ายรูปในแนวนอน เราต้องจับสองมืออยู่แล้ว แต่พอเราจับด้วยถ้าทางปกติจะทำให้นิ้วมือเราบังกล้องเต็มๆ เพราะฉะนั้น ท่าทางการถือในแนวนอน มือซ้ายผมจะใช้แค่นิ้วชี้และนิ้วโป้งจับด้านข้างของตัวเครื่องเท่านั้น และยิ่งเวลาเราใช้เลนส์ Ultra Wide ที่มุมกว้างมากๆ ถ้าเราไม่กางนิ้วที่เหลือออก ในกล้องมันก็จะเห็นนิ้วเราด้วย...กลายเป็นเรากางนิ้วเหมือนผู้หญิงไปเลย 555+

 

แต่ถึงแม้ตัวเครื่องจะใหญ่ และมีน้ำหนักมากยังไง ผมว่าเค้าออกแบบการกระจายน้ำหนักมาดี ไม่หนักส่วนใดส่วนหนึ่งเกินไปจนรู้สึกได้ และฝาหลังที่โค้งรับกับฝ่ามือได้ดี ทำให้ตัวเครื่องรู้สึกไม่หนาจนเกินไป

 

ขอบจอด้านบนของตัวเครื่อง ค่อนข้างจะบางมาก และไม่มีรูลำโพง ไม่มีเซ็นเซอร์อะไรมาให้เราเห็นเลย ซึ่งตัวนี้ ลำโพงสนทนา จะอยู่ใต้หน้าจอ และเซ็นเซอร์ปิดหน้าจอและเซ็นเซอร์วัดแสงจะอยู่ใต้หน้าจอ บริเวณเกือบกลางหน้าจอ

 

ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง

 

เหนือปุ่มเพิ่มลดเสียงขึ้นไปหน่อย จะเป็นช่องว่างของชุดกล้อง และตัวเครื่อง ซึ่งมีรอยต่อเล็กมากๆ จนแทบจะเนียนกับตัวเครื่องจนแยกไม่ออกเลย

 

ด้านขวาของตัวเครื่องก็จะเป็นปุ่มปิดเปิดเครื่อง หรือ เราสามารถตั้งปุ่มนี้ให้เป็นปุ่ม Bixby ก็ได้ครับ

 

ด้านล่างซ้ายมือสุดก็จะเป็นช่องใส่ซิม ต่อมาก็จะเป็นช่องชาร์จ Type C และช่องไมโครโฟน และลำโพง

 

 

ถาดใส่ซิมการ์ดจะมีขนาดเท่ากับซิมการ์ด 1 ซิม แต่เราสามารถใส่ได้ 2 ซิม โดยจะแบ่งเป็นด้านบนและด้านล่าง ใส่ซ้อนกัน และแน่นอนว่า ไม่รองรับ Micro SD Card ครับผม แอบเสียดาย...

 

ด้านบนก็จะมีแค่รูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา

 
ด้านหลังจะเป็นกล้อง 3 ตัว รูปแบบการวางเป็นแนวนอน จากทางด้านซ้ายสุด จะเป็นกล้อง TOF หรือกล้องที่ใช้วัดความลึก ถัดมาก็จะเป็นแฟลช LED 1 ดวง ถัดมาตรงกลางจะเป็นกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล F2.0 และสุดท้าย กล้องที่อยู่ขวาสุดจะเป็นกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ หรือ Ultra Wide ขนาด 8 ล้านพิกเซล F2.2 และมุมกว้างสุดอยู่ที่ 123 องศา และฝาหลัง บริเวณโลโก้ Samsung เป็นที่อยู่ของ NFC 

 

 

หน้าจอของ Galaxy A80 เป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นจอ New Infinity Display ที่ไม่มีติ่งและไม่มีรูรุ่นแรกของค่าย และทำขอบจอออกมาได้บางมากๆ แต่ไม่โค้งเหมือน S กับ Note ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนคงชอบจอที่ขอบไม่โค้งมากกว่า หน้าจอเป็นจอ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว Full HD+ 2400 x 1080 

และอีกจุดนึงที่ผมเชื่อว่าหลายๆคนข้องใจคือ...เมื่อเปิดเครื่องมา เราจะเจอกับไอคอนที่ใหญ่มากๆ ทำให้ดูมีพื้นที่เอาไอคอนมาใส่หน้าจอได้น้อยลง ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้โดยการกดค้างตรงที่ว่างของหน้าจอแล้วเราจะเจอการตั้งค่า ให้เราตั้งค่าจำนวนไอคอนได้ตามต้องการไม่ว่าจะหน้าจอหลักหรือหน้าจอแอพทั้งหมดก็สามารถปรับขนาดจำนวนไอคอนได้ครับ