สู่ต้นกำเนิดของรถไฟที่พวกเรารู้จัก ณ Shildon และ Darlington

สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาเครื่องกล กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร ขณะนี้อยู่ระหว่างการพักผ่อนในช่วงรอเปิดภาคเรียนปี 3 ครับ
 
ในกระทู้นี้ ผมจะขอนำเสนอเรื่องราวการเดินทางไปยังต้นกำเนิดของรถไฟในรูปแบบที่พวกเรารู้จักกันดี ผ่านการชมพิพิธภัณฑ์ 2 แห่งและเมือง 2 เมืองที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมรถไฟอายุเกือบ 200 ปี 
 
ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ผมเห็นกิจกรรมน่าสนใจอย่างหนึ่งขึ้นมาในฟีดข่าว นั่นก็คือกิจกรรมโดยสารรถจักรไอน้ำ Flying Scotsman ที่ว่ากันว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ซึ่งมีให้เลือกทั้ง
- การโดยสารในรถลาก (สนนราคา 5 ปอนด์ หรือประมาณ 190 บาท)
- การโดยสารในห้องคนขับ (สนนราคา 50 ปอนด์ หรือประมาณ 1,900 บาท)
 
การจองตั๋วโดยสารรถจักรไอน้ำ Flying Scotsman นั้นทำได้โดยการโทรศัพท์ไปจองที่พิพิธภัณฑ์ เลือกวันเวลาที่จะไป จากนั้นก็ชำระเงินผ่านการแจ้งข้อมูลบัตรเดบิต/เครดิตทางโทรศัพท์ 
 
สำหรับสถานที่จัดกิจกรรมนั้น อยู่ที่เมืองชิลดอน (Shildon) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 400 กิโลเมตร เนื่องจากช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไม่มีฝึกงาน ผมจึงจองตั๋วแล้วเริ่มวางแผนการเดินทาง
 
บริเวณเมืองที่จัดงานถือว่าเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ ในฐานะทางรถไฟสาธารณะสายแรกของโลกที่ใช้รถจักรไอน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงมีพิพิธภัณฑ์รถไฟถึง 2 แห่ง ได้แก่ Locomotion และ Head of Steam เพื่อที่จะสามารถชมเมืองและพิพิธภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ ผมจึงวางแผนว่าจะค้างคืนที่แถว ๆ นั้น 1 คืน เลยวางแผนออกมาได้ตามภาพครับ


เริ่มเดินทาง การเดินทางก็เรียบร้อยดีครับ ไม่มีปัญหา นอกจากรถไฟล่าช้าไป 3 นาที แต่ก็ไม่ได้กระทบกับแผนอะไร 
 
ในสหราชอาณาจักรนั้น มีพิพิธภัณฑ์รถไฟมากมายหลายแห่งสมกับเป็นบ้านเกิดของอุตสาหกรรมรถไฟ แต่พิพิธภัณฑ์รถไฟ ‘แห่งชาติ’ นั้น มีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน นั่นคือ 

1. National Railway Museum ซึ่งตั้งอยู่ที่ York (ค่อนข้างเป็นที่รู้จักมากกว่า) 
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.railwaymuseum.org.uk/
2. Locomotion ซึ่งตั้งอยู่ที่ Shildon 
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.locomotion.org.uk/
 
สำหรับเหตุผลที่มาตั้งพิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งชาติในเมืองเล็ก ๆ อย่าง Shildon นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาแคว้นเดอรัม (Durham County Council) ให้การสนับสนุน นอกจากนี้ Shildon ถือว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของ ‘รถไฟเที่ยวแรกที่ใช้รถจักรไอน้ำบนทางรถไฟสาธารณะ’ กล่าวได้ว่าเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของแนวคิดเกี่ยวกับรถไฟที่พวกเรารู้จักกันดี 
 
ส่วนชื่อ Locomotion นั้นเป็นการตั้งชื่อตามหัวรถจักรไอน้ำ Locomotion No.1 ซึ่งเป็นหัวรถจักรประวัติศาสตร์ที่ลากจูงรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์จาก Shildon 
 
หลังจากเดินทางมาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดก็เดินทางมาถึง Locomotion ขณะที่เดินจากสถานีไปพิพิธภัณฑ์ Flying Scotsman ก็มาต้อนรับ (และพ่นไอน้ำใส่) 


 
จากนั้นก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับตั๋วที่จองไว้และดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารอีกเล็กน้อย

รถด่วนพิเศษ Flying Scotsman และ หัวรถจักร Flying Scotsman
 
ในต้นศตวรรษที่ 20 ผู้ให้บริการรถไฟในสหราชอาณาจักรกำลังแข่งขันกันด้านความเร็วในการเดินทาง มีการปรับปรุงรถไฟระหว่างเมืองให้มีอัตราเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้น หัวรถจักรตามภาพบนเป็นหัวรถจักรแรกของโลกซึ่งได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าสามารถแล่นได้เร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (100 ไมล์ต่อชั่วโมง) และสามารถแล่นจากลอนดอนถึงเอดินบะระโดยไม่จอดพักระหว่างทางได้ ด้วยเหตุนี้ ส่วนเก็บถ่านหิน (tender) ของหัวรถจักรคันนี้จึงมีทางเดินเชื่อมห้องคนขับ (footplate) ไปยังตู้โดยสารด้วย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการออกแบบหัวรถจักรไอน้ำที่รองรับการเปลี่ยนทีมงานขับรถโดยไม่ต้องจอดพัก
 
สำหรับชื่อ Flying Scotsman เป็นชื่อบริการรถไฟด่วนพิเศษเชื่อมระหว่างลอนดอนกับเอดินบะระ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2405 (ค.ศ.1862) แต่เริ่มใช้ชื่อ Flying Scotsman เมื่อปี พ.ศ.2467 (ค.ศ.1924) หัวรถจักรที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีก่อนหน้าก็เลยได้รับการตั้งชื่อว่า Flying Scotsman ด้วย  
 
Flying Scotsman ในฐานะบริการรถไฟด่วนพิเศษยังคงให้บริการจนถึงปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงรถไฟที่ให้บริการไปตามกาลเวลา


ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2562 เป็นต้นมา ไม้ผลัดได้รับการส่งต่อไปยังรถไฟ Azuma หรือ British Rail Class 800 ซึ่งผลิตโดยบริษัทฮิตาชิ (ขบวนด้านซ้ายมือ)

สามารถรับชมคลิปเกี่ยวกับรถไฟด่วนพิเศษ Flying Scotsman เที่ยวแรกที่ให้บริการโดย Azuma ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=78eqz5Jm2QU
 
 
สำหรับหัวรถจักร Flying Scotsman นั้น ถูกปลดระวางหลังจากให้บริการตามตารางเดินรถปกติจนถึงปี พ.ศ.2506 (ค.ศ. 1963) หลังจากนั้น หัวรถจักรไอน้ำคันนี้ได้มีโอกาสไปทัวร์สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย ในระหว่างทัวร์ออสเตรเลีย หัวรถจักรคันนี้สร้างสถิติโลกสำหรับการทำขบวนโดยรถจักรไอน้ำโดยไม่หยุดจอดพักเป็นระยะทาง 711 กิโลเมตร (442 ไมล์)  
 
ตั้งแต่ปลดระวาง เจ้าของหัวรถจักรไอน้ำคันนี้ก็เปลี่ยนมือไปหลายครั้ง โดยเจ้าของปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งชาติ (National Railway Museum) หลังจากการบูรณะใหญ่นาน 10 ปีเสร็จสมบูรณ์ในปี 2016 หัวรถจักรคันนี้ก็กลับมาโลดแล่นบนทางรถไฟได้อีกครั้งในฐานะสมบัติของชาติ นับเป็นการต่อชีวิตให้กับหัวรถจักรในตำนานที่นับได้ว่ามีชื่อเสียงที่สุดในโลก
 
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวรถจักรไอน้ำ Flying Scotsman: https://www.flyingscotsman.org.uk/
 
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงเวลาโดยสารรถไฟที่มีหัวรถจักรในตำนานลากจูง




 
เนื่องจากเป็นการแล่นในเขตพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีทางรถไฟที่เปิดใช้งานสำหรับกิจกรรมในลักษณะนี้ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น อัตราเร็วสูงสุดที่รถไฟขบวนนี้แล่นได้จึงถูกจำกัดไว้ที่ 16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (10 ไมล์ต่อชั่วโมง) 
 
แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมมีความสุขและได้รำลึกถึงยุครุ่งเรืองของหัวรถจักรคันนี้ 
 
สำหรับบรรยากาศในห้องคนขับก็ประมาณนี้ครับ 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ส่วนไอร้อนจากเตาเผานั้นคงลองนึกตามดูครับ  
 
สำหรับกิจกรรมนี้ มีคำเตือนว่าให้ระวังเขม่าและคราบสกปรกจากการเผาถ่านหินและน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ แต่เท่าที่ได้ลองสัมผัสมาก็พบว่ากิจกรรมนี้ไม่ได้สกปรกมากนัก ยกเว้นก็แต่ตอนที่เขม่าตกใส่หัวครั้งหนึ่งระหว่างโดยสาร 

หลังจากดื่มด่ำกับหัวรถจักร Flying Scotsman แล้ว ก็ได้เวลาชมนิทรรศการหลักของพิพิธภัณฑ์ สำหรับการจัดนิทรรศการ เข้าใจว่าจะเน้นไปที่สิ่งของที่จัดแสดง ซึ่งมีทั้งหัวรถจักร ตู้โดยสาร ตู้บรรทุกสัมภาระไปจนถึงรถไฟทั้งขบวน โดยจะมีการแทรกความรู้เกี่ยวกับรถไฟในภาพรวมและมีเกมที่เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้ลองเพื่อที่จะเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้นด้วย 




 
หากลองอ่านป้ายบรรยายดี ๆ ก็จะได้พบกับอารมณ์ขันของเหล่าภัณฑารักษ์ด้วย

ในสมัยหนึ่ง มีกฎหมายกำหนดให้บริษัทรถไฟในสหราชอาณาจักรต้องรับขนส่ง ‘ทุกอย่าง’ ตามที่ลูกค้าร้องขอ ด้วยเหตุนี้จึงมีการสร้างตู้สินค้าเพื่อรองรับสัมภาระประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงปศุสัตว์ด้วย โดยตู้สินค้าสำหรับปศุสัตว์นั้นได้รับการออกแบบให้สัตว์สามารถขึ้นลงได้ง่ายด้วยทางลาดพับได้รวมถึงมีการแบ่งตู้สินค้าเป็นห้อง ๆ เพื่อป้องกันสัตว์บาดเจ็บขณะโดยสาร อย่างไรก็ตาม ตู้โดยสารประเภทนี้มักมีอายุการใช้งานสั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสัตว์พวกนี้หนักมาก นอกจากนี้มนุษย์ยังไม่สามารถสอนสัตว์เหล่านี้ว่าไม่ควรขับถ่ายเรี่ยราดบนตู้โดยสาร สิ่งปฏิกูลที่เกลื่อนกลาดจึงเร่งให้พื้นผุพังเร็วขึ้น 


 
สำหรับใครที่อยากให้บริษัทรถไฟขนของประหลาด ๆ ให้ ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่กฎหมายส่วนดังกล่าวไม่มีแล้วในปัจจุบัน
 
ตู้โดยสาร Mark I เป็นตู้โดยสารแบบเดียวกับที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องแฮรรี่ พอตเตอร์ ในป้ายบรรยายมีเขียนไว้ว่าพวกแฮรรี่ พอตเตอร์คงจะคุ้นเคยกับตู้โดยสารรุ่นนี้เป็นอย่างดี ส่วนภาพประกอบในช่วงที่ตู้โดยสารรุ่นนี้ยังให้บริการอยู่ก็มีคำบรรยายว่า ‘ไม่พบพ่อมดแม่มดแต่อย่างใด’


 
หนึ่งในสิ่งของที่นำมาจัดแสดงที่ผมเห็นว่าน่าสนใจมากคือ APT-E (Advanced Passenger Train Experimental) อันเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีเอียงรถไฟรับกับทางโค้งโดยใช้อุปกรณ์แอ็กทิฟ (Active Tilting Train) ในปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้สามารถพบได้ทั่วไปในรถไฟความเร็วสูงรถไฟระหว่างเมือง รถด่วนพิเศษ รถไฟท่องเที่ยวและรถไฟที่มุ่งเน้นให้ผู้โดยสารมีประสบการณ์ที่สบายขณะเดินทาง 


 
เทคโนโลยีรถไฟเอียงได้นั้นเกิดขึ้นเพื่อช่วยให้รถไฟไม่ต้องลดอัตราเร็วลงมากนักในขณะเข้าโค้ง โดยไม่ต้องปรับปรุงทางรถไฟเดิมซึ่งไม่ได้ออกแบบให้รองรับการเข้าโค้งด้วยอัตราเร็วสูง ก่อนหน้าที่ Active Tilting Train จะได้รับการพัฒนา นั้นมีเทคโนโลยี Passive Tilting Train หรือเทคโนโลยีเอียงรถไฟรับกับทางโค้งโดยใช้อุปกรณ์แพสซิฟอย่างลูกตุ้มอยู่แล้ว แต่ Passive Tilting Train นั้นมีปัญหาคือรถไฟจะเริ่มเอียงเมื่อเข้าโค้งไปแล้วสักพักหนึ่ง ซึ่งผลต่างของเวลาที่เริ่มเข้าโค้งกับเวลาที่รถไฟเริ่มเอียงจะทำให้ผู้โดยสารรู้สึกไม่สบายหรือเมารถไฟ (motion sickness) ได้
 
เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการเข้าโค้งด้วยอัตราเร็วสูงและลดอาการเมารถไฟของผู้โดยสาร จึงมีการพัฒนา Active Tilting Train ขึ้นจนนำไปสู่การสร้างและทดสอบ APT-E ในช่วง พ.ศ.2513 – 2522 (1970s) แม้ว่าสุดท้ายโครงการนี้ต้องยุติการพัฒนาในขั้นของรถต้นแบบ ATP-P (Advanced Passenger Train Prototype) หรือ British Rail Class 370 เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิค การเมืองและการเงิน แต่เทคโนโลยี Active Tilting Train ที่ถือกำเนิดในสหราชอาณาจักรก็ได้ไปเบ่งบานที่อื่น เฉกเช่นเดียวกับอะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นครั้งแรกในสหราชอาณาจักรแต่ไปรุ่งเรืองที่อื่น
   
สามารถรับชมเกี่ยวกับ Advanced Passenger Train ได้ที่ 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 
เนื่องจาก Locomotion จะมีอายุครบ 15 ปี จึงมีกิจกรรมเกี่ยวกับการฉลองครบรอบด้วย ทั้งการชวนคุยกับภัณฑารักษ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปในรอบ 15 ปี โดยมีสิ่งของดักแก่ต่าง ๆ เป็นสื่อไปจนถึงการเขียนข้อความอวยพรวันเกิดและความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในอนาคตของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้



 
***ติดตามต่อความคิดเห็นถัดไปนะครับ***
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่