หุ่นตัวนี้ เคลื่อนไหวข้อต่อทุกข้อได้เหมือนร่างกายคนจริง สร้างขึ้นในราวปี1580-1600 เป็นหุ่นคนทั้งตัวๆแรกๆ ทำด้วยเหล็ก หมุด ตะปูควง. ลักษณะหุ่นแบบนี้ยังดูเทอะทะ เป็นเพียงกรอบนอกของร่างกาย ยังไม่มีองค์ประกอบภายในของร่างกาย มีส่วนทึบตรงหน้าท้องที่ซ่อนแบ็ตเตอรีไว้ ที่ทำให้ร่างกายเดินได้เท่านั้น และไม่เหมือนหุ่นกลอัตโนมัติที่ใช้ไขลานเอา.
แขนเทียม ทำจากเหล็กกล้าและทองสัมฤทธิ์ มีแผ่นหนังเชื่อมให้เข้ากัน เป็นแบบประดิษฐ์ขึ้นในยุโรประหว่างปี1850-1910. แขนเทียมนี้คล่องตัวมากอย่างน่าพิศวง อาจสวมและล็อคติดข้อศอกได้หลายจุด นิ้วมือก็เคลื่อนไหวได้จากการใช้ปุ่มทองเหลืองตรงข้อมือ มือนี้ประดิษฐ์และประดับตามแนวศิลปะนีโอกอติค. เมื่อไปใช้กับคนป่วยแขนด้วน ไม่ปิดทั้งแขน ผู้ใส่มือเทียมนี้กลายเป็นคนเครื่องกลอย่างแท้จริง.
ความรู้เรื่องกายภาคศาสตร์สำคัญมาก การประดิษฐ์หุ่นยนต์ต้องใส่ใจกับทุกรายละเอียดของทุกส่วน มือ นิ้วและแขน ให้กระดุกกระดิกได้ทุกข้อ. มือเป็นส่วนสำคัญที่พัฒนาขึ้นให้ใช้งานได้ให้มากที่สุด มากกว่าส่วนใดของร่างกาย เป็นส่วนที่เคลื่อนไหวและ“ทำงาน” หยิบ จับ ยื่นออกและหดเข้าได้ทั้งซ้ายและขวา. ประเด็นสำคัญประเด็นแรกเมื่อเริ่มสร้างหุ่นยนต์ คือต้องเคลื่อนไหวได้ทั้งตัวเหมือนคนในทุกอิริยาบท.
(ภาพหุ่นมาเรีย ที่เห็นในนิทรรศการหุ่นยนต์ เป็นตัวจำลองทำขึ้นปี2016).
Maria เป็นหุ่นยนต์หน้าตาผู้หญิง (gynoid หรือ female android). เป็นหุ่นมนุษย์ตัวแรกในภาพยนต์ เป็นตัวประกอบสำคัญในภาพยนต์เยอรมันเรื่อง Metropolis ของ Fritz Lang ในปี1927.
Walter Schulze-Mittendorff ออกแบบลักษณะรูปร่างทั้งตัว เหมือนออกแบบเสื้อผ้าให้เป็นชุดหุ่นยนต์สำหรับนักแสดงชื่อ Brigitte Helm ที่แสดงเป็นทั้งมาเรียนางเอกผู้เป็นคนดีมีศีลธรรมและหุ่นแฝดมาเรียนางร้าย.
การค้นพบหน้ากากของแฟโรห์อียิปต์ Tutankhamun(ผู้ครองอีจิปต์ระหว่างปี 1332-1323BC) ในปี1925 มีส่วนดลใจให้เขาสร้างหน้าตาของมาเรียดังที่เห็นในภาพ และยังวางรูปแบบหน้าตาหุ่นยนต์รุ่นต่อๆมาในภาพยนต์แนวนิยายวิทยาศาสตร์อีกด้วย เช่นหุ่นที่ชื่อ C-3PO ในภาพยนต์ชุด Star Wars (ของ George Lucas ตั้งแต่ปี1977).
ฉากในภาพยนต์ Metropolis เมื่อ Rotwang คนสร้างหุ่น(คนสวมเสื้อคลุมตัวยาว) เปิดเผยตัวหุ่นที่เขาสร้างโดยเลียนแบบหน้าตาของมาเรีย นางเอกในเรื่อง. Fredersen ผู้สั่งหุ่นตัวนี้พออกพอใจมาก. ตามด้วยการช้าร์จประจุไฟฟ้าเพื่อให้หุ่นมีชีวิตขึ้นมา. เล่ากันว่า การถ่ายทำตอนนี้ใช้เวลาถ่ายแล้วถ่ายใหม่ทั้งหมดเก้าวันในเดือนมกราคมปี1926.
หุ่นยนต์คู่หูในเรื่อง Star Wars หุ่นตัวสูงชื่อ C-3PO และหุ่นตัวกลมป้อมชื่อ R2D2. หุ่นตัวสูงนั้น ไม่ใช่หุ่นทั้งตัว เป็นเครื่องแบบของตัวละครที่เป็นหุ่น คนแสดงคือ Anthony Daniels นักแสดงชาวอังกฤษ. หุ่นตัวกลมป้อมนั้นเป็นหุ่นทั้งตัว..
หุ่นตัวนี้ชื่อเอริค-Eric ที่หน้าอก มีอักษร R.U.R. ทำให้นึกถึงหุ่นในบทละคร Rossum's Universal Robots ของ Karel Čapek ปี1920. ต่อมามีผู้นำบทละครมาทำเป็นภาพยนต์เรื่องสั้นใช้หุ่นหน้าตาแบบนี้. หุ่นตัวนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสิบสามตัว และมีระบบควบคุมอย่างใกล้ชิดเพื่อทำให้หุ่นยืนตรง โค้งคำนับ พูดสุนทรพจน์สี่นาทีและตอบคำถามได้ถึงหกสิบคำถาม. ความสามารถของเอริค ทำให้ถูกนำไปโชว์ตัว ตระเวนไปรอบสหราชอาณาจักร. ผู้คนตื่นเต้นติดตามไปชมเขาทั้งในสหราชอาณาจักรและในสหรัฐอเมริกา. หุ่นเอริคออกแบบโดย Captain William H. Richars and Alan Reffell, Surrey, UK.
Goerge & Tony Sale
จอร์จ-George เป็นมนุษย์หุ่นยนต์ตัวแรกๆของสหราชอาณาจักร สร้างขึ้นในปี1949 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง. ผลงานของ Tony Sale, Essex, UK. (Source : The National Museum of Computing). ขนาดเท่าคน
Sale สร้างหุ่นยนต์ George นี้ ตั้งแต่อายุ12. ตัวนี้เป็นตัวที่ห้า สูงหกฟุต.
ปี1949 เขารับราชการในกองทัพอากาศ ประจำที่ RAF Debden (Essex) เขามีหน้าที่สอนนักบินให้รู้จักใช้เครื่องเรดาร์. ระหว่างเวลาว่าง เขาสร้างหุ่นตัวที่ห้าขึ้น ใช้เศษอลูมีเนียมและดูราลูมิน(duralumin)ของเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ตกลงใกล้ๆฐานของเขามาประกอบกัน. ใช้แบ็ตเตอรีสองชุดจากจักรยานยนต์เก่ามาเป็นพลังงานกระตุ้นให้หุ่นเดิน หมุนหัวไปมา ยกแขนขึ้นและนั่งลงได้.
หุ่นถูกทอดทิ้งให้จับฝุ่นในโรงรถของเขากว่า45ปี Sale จึงนำออกมาซ่อมแซมจนเดินได้และทำกิจกรรมได้เล็กน้อยเช่น หิ้วถุงช้อปปิ้งหรือดายหญ้า. Sale ใช้เครื่องส่งสัญญาณขนาดมือถือที่ติดระบบรีโมทคอนโทรฺสั่งหุ่นยนต์ด้วยรหัสมอส บรรดานักข่าวหนังสือพิมพ์ชื่นชอบจอร์จ มากว่าน่าจะเป็นหุ่นใช้ในบ้านได้ในอนาคต และอาจเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่ถูกส่งไปในสนามสงครามทำหน้าที่รบแทนคน(และตายแทนคน)ได้ด้วย. หุ่นตัวนี้มีศักยภาพค่อนข้างจำกัดเพราะระบบปัญญาประดิษฐ์ยุคนั้นยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นแบบหยาบๆเท่านั้น.
Dr.Piero Fiorito (จากเมือง Turin อิตาลี) สร้างหุ่นชื่อ Cygan ตัวนี้ในปี1957. หุ่นตัวนี้ที่มีน้ำหนักถึง 500 กิโลกรัม ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสิบสามเครื่องและควบคุมให้ทำงานด้วยระบบวิทยุ. ตอนต้น Cygan โดดเด่นมาก ถูกนำไปโชว์ตามที่ต่างๆ เขาเต้นรำได้และเหยียบกระป๋องให้แหลกต่อหน้าลูกค้าเพื่อให้พวกเขาสนุกสนานเฮฮา. ต่อมาเมื่อความตื่นเต้นลดน้อยลง หุ่นถูกละทิ้งไว้กลางแจ้งจนขึ้นสนิม ก่อนที่คนมาช่วยชีวิตมันไว้และซ่อมแซมขัดเกลาให้อยู่ในสภาพเดิม.
หุ่นยนต์ตัวแรกๆเช่น Eric และ Cygan เน้นการเดินยกมือยกขาและเท้าก้าวไปข้างหน้า. หน้าตาหุ่นยนต์ไม่เน้นให้เหมือนคน เป็นเพียงภาพคร่าวๆ เหมือนภาพวาดของเด็กๆ อาจเพิ่มลักษณะบางประการให้ดูขบขัน เช่นใบหูใหญ่ เท้ามักดูหนาและหนัก. พวกมันยังไม่มีจิตใจหรือมันสมองของมันเอง เพราะเบื้องหลังการแสดงของหุ่นเหล่านี้ มีคนเป็นผู้คุมด้วยรีโหมตหรือไมโครโฟน.
นักวิจัยในทศวรรษที่1950s เริ่มค้นหาวิธีให้หุ่นยนต์เดินได้ มีพฤติกรรมด้วยตัวมันเองโดยไม่มีคนช่วย บางคนมุ่งหวังจะสร้างระบบสมองกลให้หุ่นยนต์ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมหรือบริบทต่างๆในวิถีชีวิตจริงของคน.
ภาพของหุ่น Shakey ที่พิพิธภัณฑ์ Computer History Museum
Shakey ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี1966-1972 ในโครงการที่ Charles Rosen เป็นหัวหน้า ที่ศูนย์ Artificial Intelligence Center ของสถาบัน Stanford Research Institute (ปัจจุบันคือ สถาบันนานาชาติ SRI). เป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่สร้างให้เป็นหุ่นอเนกประสงค์ เคลื่อนไหวไปมาได้ ไม่มีหน้าตารูปร่างเหมือนคน มันฉลาดรู้ที่มาที่ไปเกี่ยวกับพฤติกรรมของมันเอง. เมื่อได้คำสั่ง มันวิเคราะห์คำสั่งด้วยตัวมันเอง ก่อนลงมือทำ
โครงการวิจัยดังกล่าวได้รวมวิทยาการด้านคอมพิวเตอร์และกระบวนการเรียนรู้ภาษาธรรมชาติ. เมื่อเกิดระบบคอมพิวเตอร์ดิจิตัลในศตวรรษที่20 นักวิจัยต่างมองว่า คอมพิวเตอร์คือสมองอีเล็กทรอนิค จึงเริ่มคิดสร้างหุ่นยนต์ที่มีสมองคอมพิวเตอร์. หุ่นยนต์ที่ใส่และเปลี่ยนโปรแกรมได้ตัวนี้เป็นตัวแรกและตัวเดียวที่ไม่เหมือนหุ่นใดๆที่มีมาก่อน.
บริษัท General Motors ได้นำหุ่นตัวแรกนี้ไปทำงาน(เคลื่อนย้ายโลหะร้อนๆ)ในโรงงานในปี 1961. หุ่นตัวนี้ทำงานตามโปรแกรมที่ใส่ไว้ให้อย่างอัตโนมัติ ทำงานที่เสี่ยงอันตรายซ้ำแล้วซ้ำอีก. เมื่อฟังคำสั่งเช่น ย้ายบล็อกออกไปที่โต๊ะ มันจะคิดเองว่าจะทำอย่างไร. เริ่มด้วยการมองไปรอบๆห้อง มองให้รู้ว่าบล็อกนั้นอยู่ที่ไหนและคิดวาดเส้นทางที่มันจะนำบล็อกผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆไปถึงโต๊ะได้อย่างไร. หุ่นยนต์ Shakey จึงเป็นหุ่นยนต์ที่คิดได้ด้วยตัวเองหุ่นแรก.

ในปี 1996 บริษัท Honda Motor Company สร้างหุ่นที่ให้ชื่อว่า Honda P2. ปีนั้น หุ่นยนต์ตัวนี้ทำให้โลกตะลึง เมื่อมันเดินก้าวเท้ายาวๆข้ามห้อง เดินขึ้นบันได และในที่สุดเดินเข้าในประวัติศาสตร์ว่าเป็นมนุษย์กลที่เดินได้เองตัวแรกของโลก. โครงการสร้างหุ่นยนต์ของฮอนดา ได้ดำเนินงานสร้างมาอย่างลับๆเกือบสิบปีแล้ว หุ่น P2 ตัวนี้ เป็นแบบที่เก้าที่ทำขึ้น เป็นผลจากการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนอย่างเจาะลึกของคณะวิศวกรฮอนดา. อย่างไรก็ดี หุ่นตัวนี้มีเท้าแบนราบ และต้องใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อยกขาขึ้นและวางเท้าลงไปข้างหน้าในแต่ละก้าว และใช้แบ็ตเตอรีในตัวหมดลงในเวลาเพียงสิบห้านาที.
ในราวปี1999 สถาบัน Massachusetts Institute of Technology สร้างหุ่นครึ่งตัว เรียกชื่อว่า Head of Cog.
Cog เป็นผลจากความพยายามค้นคว้าในประเด็นที่ว่า สติปัญญาแบบคนนั้น จะพัฒนาขึ้นได้ไหมโดยผ่านกระบวนการตอบโต้กับสภาพแวดล้อมรอบข้าง.
Cog เหมือนทารกร่างเหล็กตัวใหญ่ เรียนรู้โลกจากประสบการณ์ เหมือนเด็กเล็กที่สำรวจการเคลื่อนไหวของร่างกายและเรียนรู้การควบคุมร่างกาย ด้วยการยื่นมือออกไปจับ สัมผัสสรรพสิ่งรอบตัว สัมผัสของเล่นสีต่างๆ เป็นการเรียนที่ผสมผสานตากับมือ ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการหยิบของเล่นขึ้นดู มองดูมันและปล่อยให้มันตกลง จนเกิดทักษะใช้ประสบการณ์ตอบโต้กับสภาพแวดล้อม และมีปฏิกิริยากับคนที่ดูแลมัน Cog มีครูผู้สอน(ที่เป็นคน)
ในยุคเดียวกันนั้น(1996-2006)ในอิตาลี คณะ Giorgio Metta แห่ง University of Genoa ก็ได้ทดลองสร้างหุ่นในแนวเดียวกันนี้ที่เรียกว่า Babybot. (Source : Instituto Italiano di Tecnologia)
ในปี2000 บริษัทฮอนดาประเทศญี่ปุ่นสร้างหุ่นยนต์ชื่อ ASIMO ย่อมาจาก Advanced step in innovative mobility. เป็นหุ่นยนต์ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก. ยังไม่มีหุ่นยนต์ตัวใดที่ถูกใส่โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์และศักยภาพในการเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัว
อาซีโมถูกสร้างให้เป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวได้ตามลำพัง ที่วันหนึ่งในอนาคตอาจมีปฏิสัมพันธ์และช่วยเหลือมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ. วันนี้หุ่นยนต์ล้ำยุคอย่างอะซีโมได้ทำหน้าที่ของทูต ของตัวแทนบริษัทต่างๆที่ผลิตมันขึ้น.
อาซีโมสามารถวิ่งขึ้นหน้าและถอยหลังได้ โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. หลบหลีกสิ่งที่ขวางหน้าได้. เดินบนถนนต่างระดับได้ . เลี้ยวมุมตึกได้โดยไม่ต้องหยุด. กระโดดขึ้นลงหรือกระโดดข้ามได้ทุกทิศทาง. เล็งและเตะลูกบอลไปที่เป้าได้. จับฉวยและหยิบวัตถุในชีวิตประจำวันได้. จำหน้าตาคนได้ จำเสียงพูดได้ ใช้ภาษาเครื่องหมายได้. หากชาร์จไฟเต็มที่ มันทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นได้นานหนึ่งชั่วโมง.
หลังจากความหายนะที่เกิดขึ้นกับศูนย์พลังงานนิวเคลียส์ที่เมืองฟูกุชิมา ฮอนดาสร้างหุ่นยนต์อะซีโมรุ่นปี2017 ให้ชื่อว่า E2-DR ตามโครงการ “Development of Experimental Legged Robot for Inspection and Disaster Response in Plants” นั่นคือเพื่อใช้หุ่นยนต์แบบนี้ในการสำรวจ ช่วยเหลือและรับมืออุบัติภัยรุนแรงในโรงงาน. เรื่องหุ่นยนต์นี้ญี่ปุ่นไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลย.
Cr.
http://chotiroskovith.blogspot.com
วิวัฒนาการของการประดิษฐ์หุ่นยนต์ตั้งแต่รุ่นแรกๆ
แขนเทียม ทำจากเหล็กกล้าและทองสัมฤทธิ์ มีแผ่นหนังเชื่อมให้เข้ากัน เป็นแบบประดิษฐ์ขึ้นในยุโรประหว่างปี1850-1910. แขนเทียมนี้คล่องตัวมากอย่างน่าพิศวง อาจสวมและล็อคติดข้อศอกได้หลายจุด นิ้วมือก็เคลื่อนไหวได้จากการใช้ปุ่มทองเหลืองตรงข้อมือ มือนี้ประดิษฐ์และประดับตามแนวศิลปะนีโอกอติค. เมื่อไปใช้กับคนป่วยแขนด้วน ไม่ปิดทั้งแขน ผู้ใส่มือเทียมนี้กลายเป็นคนเครื่องกลอย่างแท้จริง.
ความรู้เรื่องกายภาคศาสตร์สำคัญมาก การประดิษฐ์หุ่นยนต์ต้องใส่ใจกับทุกรายละเอียดของทุกส่วน มือ นิ้วและแขน ให้กระดุกกระดิกได้ทุกข้อ. มือเป็นส่วนสำคัญที่พัฒนาขึ้นให้ใช้งานได้ให้มากที่สุด มากกว่าส่วนใดของร่างกาย เป็นส่วนที่เคลื่อนไหวและ“ทำงาน” หยิบ จับ ยื่นออกและหดเข้าได้ทั้งซ้ายและขวา. ประเด็นสำคัญประเด็นแรกเมื่อเริ่มสร้างหุ่นยนต์ คือต้องเคลื่อนไหวได้ทั้งตัวเหมือนคนในทุกอิริยาบท.
Maria เป็นหุ่นยนต์หน้าตาผู้หญิง (gynoid หรือ female android). เป็นหุ่นมนุษย์ตัวแรกในภาพยนต์ เป็นตัวประกอบสำคัญในภาพยนต์เยอรมันเรื่อง Metropolis ของ Fritz Lang ในปี1927.
Walter Schulze-Mittendorff ออกแบบลักษณะรูปร่างทั้งตัว เหมือนออกแบบเสื้อผ้าให้เป็นชุดหุ่นยนต์สำหรับนักแสดงชื่อ Brigitte Helm ที่แสดงเป็นทั้งมาเรียนางเอกผู้เป็นคนดีมีศีลธรรมและหุ่นแฝดมาเรียนางร้าย.
การค้นพบหน้ากากของแฟโรห์อียิปต์ Tutankhamun(ผู้ครองอีจิปต์ระหว่างปี 1332-1323BC) ในปี1925 มีส่วนดลใจให้เขาสร้างหน้าตาของมาเรียดังที่เห็นในภาพ และยังวางรูปแบบหน้าตาหุ่นยนต์รุ่นต่อๆมาในภาพยนต์แนวนิยายวิทยาศาสตร์อีกด้วย เช่นหุ่นที่ชื่อ C-3PO ในภาพยนต์ชุด Star Wars (ของ George Lucas ตั้งแต่ปี1977).
Sale สร้างหุ่นยนต์ George นี้ ตั้งแต่อายุ12. ตัวนี้เป็นตัวที่ห้า สูงหกฟุต.
ปี1949 เขารับราชการในกองทัพอากาศ ประจำที่ RAF Debden (Essex) เขามีหน้าที่สอนนักบินให้รู้จักใช้เครื่องเรดาร์. ระหว่างเวลาว่าง เขาสร้างหุ่นตัวที่ห้าขึ้น ใช้เศษอลูมีเนียมและดูราลูมิน(duralumin)ของเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ตกลงใกล้ๆฐานของเขามาประกอบกัน. ใช้แบ็ตเตอรีสองชุดจากจักรยานยนต์เก่ามาเป็นพลังงานกระตุ้นให้หุ่นเดิน หมุนหัวไปมา ยกแขนขึ้นและนั่งลงได้.
หุ่นถูกทอดทิ้งให้จับฝุ่นในโรงรถของเขากว่า45ปี Sale จึงนำออกมาซ่อมแซมจนเดินได้และทำกิจกรรมได้เล็กน้อยเช่น หิ้วถุงช้อปปิ้งหรือดายหญ้า. Sale ใช้เครื่องส่งสัญญาณขนาดมือถือที่ติดระบบรีโมทคอนโทรฺสั่งหุ่นยนต์ด้วยรหัสมอส บรรดานักข่าวหนังสือพิมพ์ชื่นชอบจอร์จ มากว่าน่าจะเป็นหุ่นใช้ในบ้านได้ในอนาคต และอาจเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ที่ถูกส่งไปในสนามสงครามทำหน้าที่รบแทนคน(และตายแทนคน)ได้ด้วย. หุ่นตัวนี้มีศักยภาพค่อนข้างจำกัดเพราะระบบปัญญาประดิษฐ์ยุคนั้นยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นแบบหยาบๆเท่านั้น.
หุ่นยนต์ตัวแรกๆเช่น Eric และ Cygan เน้นการเดินยกมือยกขาและเท้าก้าวไปข้างหน้า. หน้าตาหุ่นยนต์ไม่เน้นให้เหมือนคน เป็นเพียงภาพคร่าวๆ เหมือนภาพวาดของเด็กๆ อาจเพิ่มลักษณะบางประการให้ดูขบขัน เช่นใบหูใหญ่ เท้ามักดูหนาและหนัก. พวกมันยังไม่มีจิตใจหรือมันสมองของมันเอง เพราะเบื้องหลังการแสดงของหุ่นเหล่านี้ มีคนเป็นผู้คุมด้วยรีโหมตหรือไมโครโฟน.
นักวิจัยในทศวรรษที่1950s เริ่มค้นหาวิธีให้หุ่นยนต์เดินได้ มีพฤติกรรมด้วยตัวมันเองโดยไม่มีคนช่วย บางคนมุ่งหวังจะสร้างระบบสมองกลให้หุ่นยนต์ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมหรือบริบทต่างๆในวิถีชีวิตจริงของคน.
Cog เป็นผลจากความพยายามค้นคว้าในประเด็นที่ว่า สติปัญญาแบบคนนั้น จะพัฒนาขึ้นได้ไหมโดยผ่านกระบวนการตอบโต้กับสภาพแวดล้อมรอบข้าง.
Cog เหมือนทารกร่างเหล็กตัวใหญ่ เรียนรู้โลกจากประสบการณ์ เหมือนเด็กเล็กที่สำรวจการเคลื่อนไหวของร่างกายและเรียนรู้การควบคุมร่างกาย ด้วยการยื่นมือออกไปจับ สัมผัสสรรพสิ่งรอบตัว สัมผัสของเล่นสีต่างๆ เป็นการเรียนที่ผสมผสานตากับมือ ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการหยิบของเล่นขึ้นดู มองดูมันและปล่อยให้มันตกลง จนเกิดทักษะใช้ประสบการณ์ตอบโต้กับสภาพแวดล้อม และมีปฏิกิริยากับคนที่ดูแลมัน Cog มีครูผู้สอน(ที่เป็นคน)
ในยุคเดียวกันนั้น(1996-2006)ในอิตาลี คณะ Giorgio Metta แห่ง University of Genoa ก็ได้ทดลองสร้างหุ่นในแนวเดียวกันนี้ที่เรียกว่า Babybot. (Source : Instituto Italiano di Tecnologia)
อาซีโมถูกสร้างให้เป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวได้ตามลำพัง ที่วันหนึ่งในอนาคตอาจมีปฏิสัมพันธ์และช่วยเหลือมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ. วันนี้หุ่นยนต์ล้ำยุคอย่างอะซีโมได้ทำหน้าที่ของทูต ของตัวแทนบริษัทต่างๆที่ผลิตมันขึ้น.
อาซีโมสามารถวิ่งขึ้นหน้าและถอยหลังได้ โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. หลบหลีกสิ่งที่ขวางหน้าได้. เดินบนถนนต่างระดับได้ . เลี้ยวมุมตึกได้โดยไม่ต้องหยุด. กระโดดขึ้นลงหรือกระโดดข้ามได้ทุกทิศทาง. เล็งและเตะลูกบอลไปที่เป้าได้. จับฉวยและหยิบวัตถุในชีวิตประจำวันได้. จำหน้าตาคนได้ จำเสียงพูดได้ ใช้ภาษาเครื่องหมายได้. หากชาร์จไฟเต็มที่ มันทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นได้นานหนึ่งชั่วโมง.
หลังจากความหายนะที่เกิดขึ้นกับศูนย์พลังงานนิวเคลียส์ที่เมืองฟูกุชิมา ฮอนดาสร้างหุ่นยนต์อะซีโมรุ่นปี2017 ให้ชื่อว่า E2-DR ตามโครงการ “Development of Experimental Legged Robot for Inspection and Disaster Response in Plants” นั่นคือเพื่อใช้หุ่นยนต์แบบนี้ในการสำรวจ ช่วยเหลือและรับมืออุบัติภัยรุนแรงในโรงงาน. เรื่องหุ่นยนต์นี้ญี่ปุ่นไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลย.
Cr.http://chotiroskovith.blogspot.com