แชร์ประสบการณ์ทำเลสิกที่โรงพยาบาลกลาง (ไม่ใช่รีวิวนะจ๊ะ)

เพื่อนๆคะ นี่ไม่ใช่กระทู้หน้าม้ารีวิวใดๆ ทั้งสิ้นนะจ๊ะ
เราแค่อยากมาเล่าประสบการณ์การทำเลสิกให้ฟัง เพราะในตอนที่เราจะทำ เราก็ค้นหาข้อมูลพอสมควร เรื่องวิชาการว่าการทำเลสิกคืออะไร มีกี่แบบ ทำแบบไหนจะดี ทำที่ไหนดี เราไม่รู้นะจ๊ะ บอกไว้ก่อน แต่ถ้าถามว่าทำเลสิกที่ รพ.กลางเป็นไงบ้าง การเตรียมตัว ความรู้สึก สิ่งที่ควรปฏิบัติ อันนี้เราแชร์ได้นะ
เริ่มเลยค่ะ
เนื่องจากเราไม่ได้ทำงานประจำแล้วจึงมีเวลาเตรียมตาและพักฟื้น เลยรีบตัดสินใจทำ ก่อนหน้านี้สนใจทำที่ รพ.ตำรวจ เพราะ Femto แค่ 35,000 บาท แต่ได้คิว พ.ค.63 เลยรอไม่ไหว จึงทำที่ รพ.กลาง 50,000 บาท
เราเริ่มอายุเยอะแล้ว 36ครึ่ง กลัวมีปัญหากับการพักฟื้นของตาเลยเอาวิธีที่แพงที่สุด ถ้าถามว่าดีที่สุดหรือเหมาะสมกับแต่ละคนหรือเปล่าต้องไปตรวจตากับหมอนะคะ ท่านจะช่วยประเมินให้ว่าเราทำวิธีไหนได้บ้าง โดย Femto จะผ่ากระจกตาโดยเลเซอร์และใช้เลเซอร์ยิงแก้ปัญหาสายตา เรื่องเลสิกแต่ละวิธีลองหาอ่านกันนะจ๊ะ ในเว๊บแต่ละที่ที่รับทำจะมีบอกละเอียด และในพันทิปก็มีคนรีวิวไว้เยอะ
เราผ่ากับ นพ.จิรพล วันอังคาร เราไว้ใจท่านนะ ดูจากประวัติมีการทำงานที่ รพ.อื่นด้วย และไม่แก่เกินไป(เราคิดเรื่องความมือเที่ยงเพราะเราเคยมีประวัติผ่าฟันคุดกับอาจารย์แก่ๆที่ดังๆ)และเด็กเกินไป(เรากลัวเรื่องประสบการณ์หมอไปเอง)

ทีนี้เราจะสรุปทีละข้อ เพื่อเป็นการแชร์และแนะนำนะคะ (เฉพาะ Femto ที่ รพ.กลางนะ ย้ำอีกที555)
1. ก่อนทำเลสิกต้องดูแลตาตัวเองให้อย่างดี ใส่แว่นเท่านั้นและบำรุงสายตาด้วยอาหารที่มีวิตามินเอ หาเองตามที่ชอบนะ ของเรากิน ดอยคำมิกซ์เบอร์รี่ เพราะวีต้าเบอร์รี่แพง แต่มีกินบ้าง อย่างน้อย 7 วัน
2. เราเป็นเคสที่ดูแลตัวเองมาดี พอนัดตรวจตาตอนเช้าก็ผ่าตอนบ่ายแก่ๆเลย ก่อนวันผ่าเราดูมือถือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ใช้เครื่องสำอางค์ที่ตา 3 วันก่อนผ่า พร้อมนอนเร็วให้ตาได้พัก
3. วันที่มาตรวจตาก่อนผ่าตอนเช้าจะมียาขยายม่านตา ทำให้สู้แสงไม่ค่อยได้ วันนี้พอกลับเองได้ แต่ห้ามขับรถนะ (ถ้าไม่ผ่าวันนี้)
4. ให้คุยกับเจ้าหน้าที่ให้ชัดๆว่าต้องมองจุดไหนบ้าง และเวลาไม่เห็นแสงจุดที่ให้มองต้องมองที่เดิมหรือต้องกรอกตาหาแสงนั้น ตอนที่เข้าเครื่องผ่ามันเร็วมาก ทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่คอยบอกตลอดว่าให้มองจุดไหน แต่เรารู้สึกว่ามีบางส่วนเสียงเขาก็หายไปนิดนึง อาจเพราะตอนนั้นมันมีช่วงเหมือนเราเป็นคนตาบอด เราเลยกลัวและต้องการให้มีเสียงเจ้าหน้าที่อยู่กับเราตลอดเวลา เพราะจังหวะการทำมันไวมาก เราต้องมีสติมากๆ ห้ามกลัว ห้ามเกร็ง ต้องไว้ใจหมอและเจ้าหน้าที่ มีสติว่าต้องทำอะไรและเชื่อว่าฉันจะผ่านมันไปได้ด้วยดี พอเสร็จในใจเราคือ ฉันรอดตายแล้ว (จขกท.ไม่เคยผ่าตัด ไม่เคยฉีดโบ หรือศัลยกรรมใดๆ จึงอาจมีความกลัวเครื่องมือแพทย์-ขนาดเข็มฉีดยาก็จะเริ่มกลัวแล้ว บางคนอาจมองว่าเล็กน้อย แต่เราว่าความปลอดภัยและสติสำคัญสุด)
5. วันที่มาผ่า ย้ำ!!!!!!!!!! ตอนมามาเองได้ แต่ตอนกลับต้องมีคนพากลับเท่านั้นนะ เพราะเราเป็นเคสที่มาเองกลับเอง ชีวิตแขวนไว้กับพี่แท็กซี่เลย ตอนกลับ เราลืมตาได้แค่ 10% น้ำตาไหลพรากตลอด ปวดตึงตาและขมับมาก ต้องการหลับตานอนอย่างเดียว วันนั้นโชคดีมากที่แท็กซี่ไม่ใช่คนแย่ แค่เป็นคนที่ชวนคุยและบ่นแต่เรื่องตัวเอง และชวนเราคุยถามนู้นนี่เราตลอด (แค่ลำไย) เราก็ตอบบ้างตามมารยาท แต่พูดน้อยมาก
*****เจ้าหน้าที่คลีนิคบอกว่ามีคนกลับเองได้ไม่มีปัญหา เราว่ามันแล้วแต่คนนะ แต่สำหรับเรา เราผิดเองที่ไม่วิเคราะห์ดีๆว่าเราควรให้แฟนมารับ เราเกรงใจแฟนเลยกลับเอง ผลคือ วันนั้นเราแย่มากสำหรับอาการของเราและต้องมานั่งแท็กซี่กลับ เคสอื่นที่เจ้าหน้าที่บอกว่ากลับเองพอได้ อาจจะแล้วแต่อาการของคนนะ เราแค่มาเตือนว่าให้คนมารับเถิด เพราะเราประเมินไม่ได้หรอกว่าเราผ่าเสร็จแล้วเราจะไหวไหม ไหนจะต้องถ่างตาดูทางช่วยแท็กซี่บ้างและที่เราไม่รอแฟนเพราะ ผ่าเสร็จเกือบ4โมงเย็น รถเริ่มติด เจ้าหน้าที่เตรียมของให้รีบกลับเลย เราก็อยากถึงบ้านไวๆเพื่อนอน ถ้าเรารอแฟนมารับกว่าจะมาถึงอีก เราเลยลงไปให้เจ้าหน้าที่ด้านล่างเรียกแท็กซี่ให้
6. วันแรกที่ผ่ากลับถึงบ้านให้นอนอย่างเดียวเลยวันนั้นและหยอดยาตามเจ้าหน้าที่บอกมี 2 หลอดพร้อมน้ำตาเทียม พอเริ่มอาการทุเลาค่อยมากินข้าวอาบน้ำ เราตื่นได้และไหวตอน 2 ทุ่ม แฟนซื้อข้าวต้มให้ รีบกินและอาบน้ำ และเข้าห้องนอนหยอดตาหลับไปเลย
7. วันที่ผ่าเตรียมแว่นกันแดดและหมวกมีปีกกันแดดไว้ด้วย ต้องใช้แน่ๆ
8. หลังวันผ่า1วัน หมอนัดดูตา เอาแว่นกันแดดและหมวกไปด้วย วันนั้นจะเป็นวันแรกที่โลกจะ HD อย่าเพิ่งซ่าไปเดินเล่นเยาวราชนะ วัดมังกรธูปเยอะ ระวังด้วย ถ้าใจมันเรียกร้องก็แค่หาอะไรกินแถวนั้นแล้วรีบกลับบ้านไปนอนหยอดตา
9. เรื่องหยอดตา ขอแบบเคร่งครัดเลยนะ ตามฉลากเลยมี 2 ขวด หยอดห่างกัน 5 นาที ช่วงแรกๆตาจะเบลอๆสับสนบ้าง ให้หยอดหลอดทุก 2 ชม.ก่อนเป็นหลอดแรกเสมอและก็ต่ออีกหลอด เพื่อจะได้ไม่สับสน ดูฉลากชื่อยาด้วย เผื่อใส่ผิดซอง เจ้าหน้าที่บอกมีคนสับสนมาเยอะแล้ว
10.คนที่ทำงานประจำแนะนำให้ลางานเลย อังคารถึงศุกร์ 4 วัน หรือถ้าคอขาดจริงๆก็ ลา3วัน
สมมติผ่าวันอังคาร วันจันทร์เคลียร์งานให้รีบมาพักผ่อน อย่าหักโหม วันอังคารผ่า วันพุธและพฤหัสนอนพักหยอดตาวนไปทั้งวัน เพราะมียาที่หยอดทุกๆ2ชม.อยู่ด้วย 3 วันที่ผ่าตาให้ทำตัวเป็นป่วยเลย หาคนซื้อข้าวให้กิน พักฟื้นให้เต็มที่ พยายามอย่าออกจากบ้าน พอวันศุกร์ ค่อยๆมาใช้ชีวิตบ้าง แต่อย่าพึ่งใช้ชีวิตอย่างปกตินะ เสาร์อาทิตย์พักฟื้นไปอีก อย่าเพิ่งดีใจไปลัลลากับโลกสดสวยHDที่เห็นนะ ท่องไว้เราคือผู้อยู่ในระยะพักฟื้น มือถือและ Social ไม่จำเป็นตอนนี้ เรามีตาเพียงคู่เดียวที่จะอยู่กับเราไปจนกว่าเราจะตาย
11. ช่วงพักฟื้น พยายามกินอาหารที่วิตามินเอสูงและที่ช่วยบำรุงสายตา สรรหาตามที่ใจชอบเลย อย่างเราชอบทำซุปฟักทองกิน
12. ใน 10 วันหลังผ่า สระผมที่ร้านนะจ๊ะ และเอา Eye pad ที่เป็นผ้ากลอดหนาๆสำหรับปิดตาไปปิดตาตอนสระผมกันน้ำกระเด็ดด้วย
13. เรื่องน้ำห้ามเข้าตา 7 วันนี่สำคัญมากนะ ทนๆไปก่อนนะสาวๆ ของเราวันที่ 1-3 เช็คน้ำเกลือไม่ทาครีมใดๆ วันที่ 4-7 เริ่มล้างครึ่งหน้าและปาดหน้าผากด้วยเจลล้างหน้าและเอาสำลีชุดน้ำปากออก ระวังห้ามโดนตาสุด และมีใช้โทนเนอร์อ่อนๆบำรุงบ้าง แต่ยังไม่กล้าใช้ครีม
14. สรุปเราทำเลสิกผ่านไป 1 สัปดาห์เต็มๆแล้ว เราพอใจกับผลการทำเลสิกและการดูแลตัวเองระยะพักฟื้นของเรามาก 99.99% อีก 0.01% เผื่อไว้สำหรับความไม่แน่นอน เราไม่เห็นแสงรุ้งใดๆ มองกลางวันไม่ได้รู้สึกจ้ามาก มองเห็นกลางคืนปกติ ไม่มีแสงแฉกแสงจร้าใดๆ และเราก็พยายามมองแต่สวนที่บ้านแทนไอโฟน555
15. เราขอขอบคุณความแม่นยำของคุณหมอ ความมีน้ำใจของเจ้าหน้าที่ การดูแลของตัวเราเอง และโชคหรือกรรมดีๆ ที่ทำให้เรายังไม่พบข้อบกพร่องของการใช้สายตาหลังผ่าตัดเลย

หวังว่าที่เราเขียนมาซะยาวจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลนะคะ ซึ่งเราพยายามนำเสนอในสิ่งที่ยังไม่ค่อยเห็นคนอื่นเขาพูดถึงกันค่ะ
หากมีข้อสงสัยเรายินดีให้ข้อมูลตามที่เรารู้และมีประสบการณ์จริงนะคะ
เพี้ยนลาเวนเดอร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่