[CR] 🇫🇷 J’AIME by Jean-Michel Lorain - แฌมบายชอง-มิเชลโลรองต์ หนึ่งในเชฟชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนี้

มาชิมอาหารฝรั่งเศสของเชฟชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนี้ เชฟ Jean-Michel Lorain กันบ้าง ร้านนี้เราว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสที่เราชอบ เพราะรู้สึกว่าทานง่ายกว่าร้านอื่นๆ 55 ไปลองชิมกันได้น้าาา

ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะค้าาา

ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining 
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ

🇫🇷 J’AIME by Jean-Michel Lorain - แฌมบายชอง-มิเชลโลรองต์

⭐️ 1 Starred Michelin - 1 ดาวมิชลิน

👨🏻‍🍳 J’AIME ร้านอาหารสาขากรุงเทพของหนึ่งในเชฟชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนี้ เชฟ Jean-Michel Lorain  เจ้าของร้าน La Côte Saint-Jacques ร้านอาหารฝรั่งเศสระดับ 2 ดาวมิชลินในเมือง Joigny แคว้น Burgundy ตัวร้านตั้งอยู่ในโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวอย่าง U Sathorn ภายในตกแต่งในรูปแบบ Upside Down โดยจัดวางเฟอนิเจอร์ตกแต่งแบบ “กลับหัว” ตั้งเต่หมากรุกที่เพดานหน้าร้านไปจนถึงแกรนด์เปียโนขนาดใหญ่ตรงกลางร้าน ภายในใช้โทนสีม่วงเป็นหลักตัดกันกับผ้าปูโต๊ะสีขาว มีแชนเดอเลียร์ห้อยลงมาจากเพดาน มีครัวแบบเปิดโดยลูกค้าสามารถเห็นทีมเชฟรังสรรค์อาหารตั้งเเต่เริ่มจนยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะเลยทีเดียว

🦐 ตัวร้านมีเมนูให้เลือกหลากหลายแบบคือ

- Set Lunch Menu เป็นเมนูที่นิยมมากที่สุดและเป็นสุดยอดเมนูอาหารกลางวันปริมาณ 5 คอร์สในราคาสุดคุ้มค่าชนิดที่ว่าหาราคานี้จากที่อื่นในประเทศไทยไม่ได้เเล้วคือ 1,200 บาทเน็ทต่อคน โดยเน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาปรับเเต่งให้เป็นอาหารจานหรู เราแนะนำให้เพื่อนๆที่อยากลองชิมอาหารฝรั่งเศสมาลองทานกันดูเพราะคุ้มค่ากับราคามากๆ

- Tasting Menu ถัดมาคือเมนูปกติของทางร้านแบ่งออกเป็น 5 และ 8 คอร์ส ในราคา 3,399 และ 4,399 เน็ทต่อคนโดยเราเคยลองชิม Tasting Menu ชุดเล็กของทางร้านเเล้วประทับใจเป็นอย่างมาก

- Special Menu by Chef Jean-Michel Lorain เป็นเมนูที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ คือสุดยอดเมนูที่เชฟฌอง-มิเชล โลรองต์ จะบินตรงจากฝรั่งเศสมาทำอาหารให้เราชิมกันที่ร้าน J’aime ราวๆ 3-4 ครั้งต่อปี โดยใช้วัตถุดิบชั้นสูง พ่วงด้วยเทคนิคการปรุงอาหารชนิดที่หาใครเทียบได้ยากของสุดยอดเชฟจากร้านมิชลินสตาร์ระดับทอปของยุโรป ในราคาพอจะจับต้องได้ซึ่งเราแนะนำเป็นอย่างมาก

♟ ตั้งเเต่มาทานครั้งแรก J’AIME กลายเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่เราชอบมากที่สุดร้านหนึ่งในทันที ด้วยทั้งรสชาติอาหาร การบริการ และบรรยากาศ อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมถึงขนาดตั้งใจว่าต้องกลับมาร้านนี้อีกแน่นอน วันนี้เชฟ Jean-Michel Lorain บินตรงมาเพื่อจัดมื้อพิเศษเพียงไม่กี่วันโดยมีผู้ช่วยคือเชฟ Amerigo Sesti ซึ่งเป็น Chef de Cuisine ของที่นี่นั่นเอง ถือว่าอาหารมื้อนี้เรามีสุดยอดเชฟมิชลินถึง 2 คน ร่วมกันทำอาหารให้ชมเลยทีเดียว โดยมื้อนี้เชฟทั้งสองได้คัดเมนูที่ลูกค้าชอบที่สุดตั้งแต่ร้านเปิดมาสามปี มารวมเป็นคอร์ส 8 คอร์สคือ

📃 Michelin Star Celebration at J’AIME 8-Course Menu
(4899 THB + 450 THB for Australian Black Truffle)
Amuse-bouche
Creamy garlic soup with potato confit and chili bavarois

Brittany sardine terrine with marinated cucumber and miso gelée *

Foie gras, Gac fruit, and wild almonds remastered

Steamed sea bass served with celeriac julienne and truffle butter *

Pan-seared scallop with a pumpkin purée, wild mushrooms and Piron sauce

Roasted Maine lobster with an endive fondue and Fregula à la Carbonara *

Breast of Pigeon served with pea purée, Jerusalem artichokes and Arabica sauce

Red berry and spearmint Grappa-Baba

🛎 เราคนหนึ่งเลือกคอร์ส 5 จาน และอีกคนหนึ่งเลือกคอร์ส 8 จาน นอกจากนี้เราทั้งสองคนได้เลือกเพิ่ม Australian Black Truffle ปริมาณ 4 กรัมในจาน Breast of Pigeon โดยเพิ่มเงินอีก 450 บาทต่อคน

👍 โดยรวมแล้วเป็นมื้อที่น่าประทับใจมาก จาน Steamed sea bass คือที่สุดของมื้อนี้แล้ว และเป็นหนึ่งในจาน Sea bass ที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาจากหลายแห่ง อาหารจานอื่นก็รสชาติดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านแบบนี้ในประเทศไทยเลยจริงๆ

รสชาติ : 15/20
ราคา : 12/20
ความคุ้มค่า : 14/20
บรรยากาศ : 15/20
บริการ : 17/20

ความประทับใจโดยรวม : 16/20


ข้างหน้าเป็นเชฟสองดาวมิชลินอย่าง Jean-Michel Lorain กำลังตกแต่งจาน ข้างหลังเป็น Chef de Cuisine ระดับ 1 ดาวมิชลินของร้าน เชฟ Amerigo Sesti กำลังปรุงอาหาร


Amuse-bouche
Creamy garlic soup with potato confit and chili bavarois
จานแรกเป็นซุปทำจากกระเทียม และมันฝรั่งนำไปกงฟี และบาวารัวพริก โดยเราขอยกให้เป็นหนึ่งใน Amuse bouche ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยกินมาจากทุกร้านอาหารจริงๆ ทุกสัญชาติเลย ตัวซุปหอมมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นของกระเทียมเลย เหมือนคัดแต่เนื้อสัมผัสครีมมี่ของกระเทียมมา กินกับมันฝรั่งกงฟี อร่อยสุดๆ (17/20)


Amuse-bouche
Creamy garlic soup with potato confit and chili bavarois
หน้าตาและชื่อเมนูดูธรรมดา แต่รสชาติสมกับเป็นฝีมือเชฟฝรั่งเศสชื่อดังระดับสองดาวมิชลินจริงๆ (17/20)


Brittany sardine terrine with marinated cucumber and miso gelée *
จานต่อมาเป็นเทอร์รีนปลาซาร์ดีนจากแคว้นบริตานีในฝรั่งเศส โดยเป็นเนื้อปลาสด พันรอบด้วยแตงกวาดอง เสิร์ฟแบบเย็น และมีซอสมิโสะด้วย จานนี้พอกินแล้วจะมีกลิ่นของทะเลจากปลาซาร์ดีนลอยนำมาก่อน มีกลิ่นแตงกวาตัดรสชาติกันเบาๆ และมีกลิ่นของของมิโสะปิดท้าย จานนี้ถือว่าแปลกดี (14/20)

จานนี้มีเสิร์ฟเฉพาะใน 8 คอร์สเท่านั้น


Foie gras, Gac fruit, and wild almonds remastered
จานต่อมาคือฟัวกราส์หรือตับห่าน แต่แทนที่จะเสิร์ฟตับห่านเซียแบบทั่วไป เชฟได้นำมาปรับรูปแบบใหม่ ทำให้เป็นลักษณะคล้ายมูสรสนุ่ม คู่กับเทอร์รีนชิ้นใหญ่ กินกับขนมปังปิ้ง ผัก และซอสสีแดงรสเปรี้ยวทำจาก Gac fruit หรือฟักข้าว โรยหน้าด้วยถั่วอัลมอนด์ป่าเพิ่มเนื้อสัมผัสความ Crunchy ให้ตัดกันกับรสนุ่มของฟัวกราส์ได้อย่างลงตัว (15/20)


Foie gras, Gac fruit, and wild almonds remastered
ฟัวกราส์มูสและเทอร์รีน เนื้อเนียน ละมุนสุดๆ (15/20)


Foie gras, Gac fruit, and wild almonds remastered
เสิร์ฟให้ทานกับขนมปังปิ้ง (15/20)


Steamed sea bass served with celeriac julienne and truffle butter *
ปลากะพงนึ่งสุกกำลังดี เสิร์ฟให้ทานคู่กับขึ้นฉ่ายฝรั่งนำมาจูเลียน หรือซอยบางๆเป็นเส้น ราดด้วยน้ำทรัฟเฟิลบัตเตอร์ เนื้อปลากะพงนุ่มมาก ราวกับไม่ใช่ปลากะพง ตัวขึ้นฉ่ายจูเลียนที่กินคู่กันก็อร่อย ไม่มีกลิ่นแรง ซึ่งจะพบได้บ่อยในกลุ่มขึ้นฉ่ายเลย กลิ่นทรัฟเฟิลบัตเตอร์หอมมากๆ บอกเลยว่าต่อให้เอาทรัฟเฟิลบัตเตอร์มาให้เรานั่งทานเปล่าๆยังได้เลย ทุกอย่างในจานนี้คือดีงามมากๆ และดีกว่าการมาทานร้านเดียวกันรอบที่แล้วอีก จานนี้จัดว่าเด็ดมากจริงๆ และสามารถเสิร์ฟในร้านอาหารระดับสองดาวมิชลินได้สบายๆเลย (17/20)


Steamed sea bass served with celeriac julienne and truffle butter *
จานนี้คือที่สุดของมื้อนี้เลย มีความว้าวสูงมาก กินแล้วเราสองคนหันมองหน้ากัน เป็นการเปิดประสบการณ์การกินให้กับจานปลาจริงๆ ไม่คิดว่าปลากะพงธรรมดาจะเอามาทำให้อร่อยได้ขนาดนี้ (17/20)


Pan-seared scallop with a pumpkin purée, wild mushrooms and Piron sauce
จานต่อมาเป็น Hokkaido Scallop หรือหอยเชลล์โฮตาเตะเซียบนกระทะจนสุกกำลังดี เนื้อนุ่ม ไม่สุกเกินไป กลิ่นหอมกระทะ มีรสหวานธรรมชาติ กินกับพูเรฟักทอง เห็ดป่าหลากชนิด และปิรงซอส 

ถึงจะเต็มไปด้วยฟักทอง แต่เน้นคัดเเต่รสชาติหวานหอมของฟักทอง ซึ่งเข้ากันได้ดีมากกับเนื้อเด้งๆนุ่มๆของหอยเชลล์ (15/20)


Roasted Maine lobster with an endive fondue and Fregula à la Carbonara *
จานต่อมาคือล็อบสเตอร์จากเมืองเมนหรือ Maine lobster  นำไปย่างสุกกำลังดีจนเนื้อหอมหวาน ทานกับเฟรกูลา หรือพาสตาเม็ดทรงกลมขนาดเล็ก อองดีฟฟงดูว์ และซอสคาโบนารา จานนี้ถือว่ารสชาติใช้ได้ ไม่ได้ว้าวอะไรมาก เเต่ด้วยความที่วัตถุดิบเป็นล็อบสเตอร์รสหวานอยู่แล้ว จึงกินกับเครื่องเคียงได้อร่อย (15/20)

จานนี้มีเสิร์ฟในเซ็ต 8 คอร์สเท่านั้น (15/20)


Breast of Pigeon served with pea purée, Jerusalem artichokes and Arabica sauce
จากหลักสุดท้ายเป็นอกนกพิราบเสิร์ฟแบบ Medium Rare   เสิร์ฟบน Jerusalem artichokes หรือภาษาไทยเรียกว่า แก่นตะวัน ข้างๆมีซอสพูเรถั่วลันเตารสหวานอร่อย ราดด้วยซอสกาแฟอราบิก้า ซึ่งเข้มข้นน้อยกว่าซอสไวน์แดง ทำให้เข้ากันได้ดีกับเนื้อนกพิราบ ซึ่งเบากว่าเนื้อวัว ถือเป็นการจับคู่ที่ลงตัว เราได้เพิ่มความซับซ้อนบนจทนไปอีกด้วยการเติม Australian Black Truffle หรือเห็ดทรัฟเฟิลปริมาณ 4 g ลงไป หอมทั้งกาแฟ หอมทั้งทรัฟเฟิล อร่อยมากเลย (15/20)


Breast of Pigeon served with pea purée, Jerusalem artichokes and Arabica sauce
เพิ่ม Australian Black Truffle 4 กรัมราคา 450 บาท (15/20)


Red berry and spearmint Grappa-Baba
จานสุดท้ายเสิร์ฟของหวาน คือบาบา โดยพนักงานจะมารินซอสให้ที่โต๊ะเลย (14/20)


Red berry and spearmint Grappa-Baba
Baba cake หรือเค้กฟองน้ำเนื้อนุ่ม ปกติแล้วจะเรียกว่า Rum Baba คือการนำเค้กไปแช่ในเหล้ารัม แต่สำหรับที่นี่ได้ดัดแปลงเมนูใหม่เป็น Grappa-Baba หรือการนำเค้กไปแช่ในเหล้ากรัปป้าแทน ให้รสชาติหอมหวาน และมี Aftertaste เป็นกลิ่นแอลกอฮอลล์จางๆ กินกับผลเบอรี่หลากชนิด และใบสะระแหน่ เพิ่มความสดชื่น และปิดท้ายมื้ออาหารอย่างดี (14/20)


Petit Four
เปอตีโฟว์ ประกอบไปด้วยเค้กช็อคโกแลตบราวนี่ ไวท์ช็อกโกแลต เค้กนุ่มทำจากมะพร้าว พายโรยหน้าด้วยสตรอเบอรี่ มูสลิ้นจี่ ทั้งหมดปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์ (13/20)


TWG Moroccan Mint Tea
ปิดท้ายด้วยชามิ้นท์โมร็อคโคจาก TWG และลาเต้เย็นซึ่งรวมอยู่ในเซ็ตเเล้ว


Complimentary Baguette
ขนมปังบาเก็ต มีสองแบบให้เลือกคือลูกเกดกับแบบธรรมดา (10/20)



ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining 
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
ชื่อสินค้า:   🇫🇷 J’AIME by Jean-Michel Lorain - แฌมบายชอง-มิเชลโลรองต์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่