เปิดเรื่องมาด้วยความน้อยอกน้อยใจของทานตะวันกับหมอเป้งอีกครั้งที่ชวนหมอเป้งไปงานศพด้วยกัน
แต่ครั้งนี้ดูจะยิ่งชัดเจนขึ้น จุดนี้อาจจะดูซ้ำๆ หลายตอนนี่ก็เปิดด้วยน้อยใจ แต่คราวนี้บทเพิ่มความเข้มข้นขึ้นด้วยเงื่อนไข นี่จะเป็นครั้งท้ายๆ แล้ว ชวนให้นึกถึงเป้าหมายหลักของเธอคือแต่งงานมีครอบครัว
เรื่องต่อไปที่พิธีศพของย่าเล็ก ค่อยๆ ใส่เงื่อนไขซึ่งเรารู้กันตั้งแต่ตัวอย่างแล้วว่าเล็กจะทำอะไร ก็เฝ้าดูไปตามเรื่องราวเท่านั้น
หและหลังจากเล็กถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย หลังจากตรงนี้ EP นี้ก็เข้าสู่แอ็คชั่น EP ที่ค่อยไต่ระดับขึ้น
เรียบเรียงอุปสรรค์ที่ตัวละครต้องเจอเข้ามาอย่างหลากหลาย จุดนี้ทำให้ไม่เบื้อ และมากกว่านั้นก็เริ่มชักจะคาดเดาไม่ถูก เพราะซีรีส์นี้ฆ่าตัวละครอบอุ่นอย่างย่าของเล็กให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว
โหดไปมั้ยเขียนแบบนี้ แต่ทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่ามีภาวะที่ เฮ่ย มันตายได้นะ ย่าเล็กของEP ก่อน เป็นอะไรที่อยู่ๆ ก็ไปมาก ไม่มีเตือนก่อน มีสัญญาเล็กๆ ว่าแก่แล้ว แต่โทนของซีรีย์ก็แอบทำให้รู้สึกว่าคงช่วยได้ ทว่าบทจะไป ดันไปแบบดื้อๆ ไม่มียื้อชีวิตด้วยซ้ำ
ดังนั้นแอ็คชั่นซีเควน (หลายๆ ซีนรวมๆ กัน) ของ EP นี้มันจึงเป็นไปด้วยความระทึก ดนตรีทำได้โดดเด่นอยู่แล้ว แต่ไม่เลือกใช้ซาวด์เหมือน EP ก่อนๆ ซึ่งเอาจริงๆ ซาวด์ปฏิบัติการของหน่วยฉุกเฉิน ทำให้รู้สึกถึงความเท่ ความเก่ง ให้อารมณ์ลุ้นระทึกและในอีกทางมันทำให้รู้สึกปลอดภัยมากกว่า
ความไม่ปลอดภัยค่อยๆ คุกคามเข้ามาตั้งแต่บทมอบให้ทานตะวันเป็นคนตามเล็ก เล่นกับความคิดว่าจะเหม่อมั้ย (อาวนี่ก็คิดแบบหมอเป้ง 55+)
เล่าผ่านมุมเต่ากับทิวเขาตามหา และไม่เสียเวลากับเซอร์วิสวายเกินควร คือปล่อยให้สถานการณ์ทำงานด้วยตัวมันเอง หรือตามจังหวะที่เอื้ออำนวย อันนี้ดี และเนียนๆ ชมๆ
จนเรื่องมาค่อยๆ เพิ่มระดับทานตะวันเจอ เกลี่ยกล่อมเหมือนจะได้ เพราะพล๊อตทานตะวันก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และทำแบบเดียวกัน จังหวะนั้นเองที่ทานตะวันฉวยโอกาสยื้อจับห้ามปรามไว้ได้ แต่ทั้งสองก็ยื้อกัน เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย
ชุลนุมมาที่เต่ากับทิวเขาเพิ่มตามทันกำลังปลี่ขึ้นช่วยอีกแรงหมายหยุดเหตุบานปลาย
แต่กลายเป็นทานตะวันถูกผลักตกบันได (จังหวะนี้พอรู้จากตัวอย่างแบบงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนดูก็ไม่รู้แล้วแหละ กำลังอิน 5+)
มาจบที่ทานตะวันผลัดตกกับเต่าจนเต่าซึ่งเป็นหมออินเทิร์นคนเดียวในเหตุการณ์บาดเจ็บขยับไม่ได้
ช๊อตกว่านั้น ทานตะวันมองไปอีกทาง เล็กกระโดดลงมาที่พื้นแล้ว สถานการณ์ยิ่งวิกฤตชั้นสุดเมื่อทานตะวันค่อยๆ ล้มไปอีก
ซึ่งจุดทานตะวันล้มนี่รู้สึก อะไรจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้ แต่หลังจากนี้ เราให้อภัยอย่างง่ายดายเพราะกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเล่าอีโมชั่นนัล หรือการกระทำเชิงอารมณ์ที่เกิดขึ้นและมันขับเคลื่อนประเด็นเรื่องให้คลี่คลายออกไปด้วยกลพล๊อตที่เรื่องวางมาจากตอนก่อน
แต่เท่านั้นยังไม่วิกฤตพอ พอทานตะวันเรียกหมอเป้งมา หมอทิ้งระเบิดอีก 55+ (เทนชั่นขึ้นแบบงงๆ) คือพึ่งพูดไปว่า หยุดก่อเรื่องได้แล้ว มาตอนนี้สงสัยก่อนเลย วูบอีกแล้วเหรอ
คือประโยคมันสั้นๆ ก็แอบรู้สึกขัดใจนิดๆ แต่เข้าใจได้ว่า เรื่องกำลังปูนำไปสู่ปัญหาของทั้งคู่ และปูไปสู่ฉลามนั่นเอง
และเงื่อนไขที่คนเจ็บแบบเคราะซ้ำกรรมซัดนี้เองที่วางให้หมอเป้งต้องทำอะไร ส่งให้ทานตะวันต้องทำอะไร ผลักให้ฉลามต้องทำอะไร
ซีนช่วยชีวิตผลก็อย่างที่ทุกคนดูมาแล้ว
ทว่าระหว่างนั้นมีอารมณ์ของหลายตัวละครที่ขับเคลื่อน มันไม่ใช่ฉากช่วยชีวิตที่ลุ้นระทึกกับการยื้อชีวิตเฉยๆ แต่เป็นลุ้นว่าตัวละครมันจะช่วยแบบนี้
ใจคนดูลุ้นพอๆ กับทานตะวันว่าหมอเป้งจะมาช่วยทานตะวันมั้ย
ขณะที่คู่ของทิวเขากับเต่านั้น ไม่แวะเว้นให้เซอร์วิสแล้ว กลายเป็นใส่ข้อมูลถึงการตัดสินใจของหมอเป้งแทน
หมอเป้งกลายเป็นเห็นบะหมี่ทำงานเก่ง มีมองมือน้องยก (โนโมเมนต์โรแมนนะ แต่ใส่ไว้วางไว้ค่อยไปสานต่อ ดีๆ)
ฉลามเหมือนถูกผลักมาถึงขีดสุด คือถูกต้อนมาตั้งแต่ตอนก่อนเรื่องมือสั่น พลังวาร์ปไปหาทานตะวัน หนีอีกคือจบ สุดท้ายก็คลี่คลายด้วยเรื่องมือสั่นด้วยทั้งคำแนะนำของหมอเป้งร่วมกับคำแนะนำของคำพูดของทานตะวัน(ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันเป็นคำพูดของหมอเป้งที่ฉลามเคยบอกทานตะวันเองอีกที 55+)
เจาะปอดที่ย้อนนึกถึงหมอเป้งนี้ดีมาก เพราะมันให้เอฟเฟคสองทาง ทั้งด้านเสริมเหตุผลว่าคราวนี้ฉลามไม่พลาด และกลับไปฟื้นความสัมพันธ์พี่น้องที่ต้นเรื่องจะเห็นว่าหมอเป้งกับฉลามไม่คุยกัน มาคุๆ กันอยู่
หลังช่วยได้หมดจบซีเควนฉลามหายแล้วช่วยชีวิตได้ ก็เว้นให้พักหายใจกับคู่วาฬกับพี่ตั๊ก (ลืมชื่อทุกทีจะเรียกคุณโฉมตลอด ฮาา) กลายเป็นคู่นี้เล่นดีกว่าที่คิด ดูน่ารักไม่เลวในซีนนี้ แอบรู้สึกว่าอ่อยแรงของสาวอายุมากกว่ามันดูเนียนตานะ
ชอบช๊อตที่ฉลามกอดหมอเป้ง กระทู้ก่อนลืมเขียนคือ เรารู้สึกว่าหมอเป้งมีคาแลกเตอร์เดียวๆ กับไข่ย้อย ถ้าใครทันดูนะ 55+ คือจะแสดงออกทางความรู้สึกไม่มาก แต่หลายครั้งก็ชวนให้เรายิ้ม และรู้ว่าตัวละครนี้คิดอะไรอยู่ บทซันนี่กับเรื่องนี้เหมือนเขากลับไปสุ่จุดเริ่มต้นด้วยสกิลการแสดงปัจจุบันที่เวลเต็มแล้ว เลยเอาอยู่มากในทุกๆ ซีน เป็นอีกตัวละครที่ออกมาทีไรก็รู้สึกแบกตอนไว้ได้มากๆ บทก็ออกแบบมาให้ตัวละครนี้ได้ดีด้วย คือคุณเป็นคนน้อยๆ นะ แต่แสดงออกทีนึงมันจะชัดและคมเลยนะ ต้องแสดงให้ละเอียด
ซีนหมอเป้งหาบะหมี่ อันนี้ชอบ กุ๊กกิ๊กกำลังดี มีเป้าหมายเดียวกันนะ ทำงานๆ แล้วมาหาที่รถฉุกเฉินมันพอเหมาะมากกว่าการปิดรถแล้วกรี๊ด ยิ่งทวีความน่ารักและบอกว่า เออ กรี๊ด ดีใจเว่ย แต่ไม่อยากให้ใครรู้ 55+
ซีนหมอเป้ง(เกือบ)ง้อทานตะวัน กลายเป็นซีนนี้คือทานตะวันอยากเคลียร์แล้ว บอกเลยรู้สึกยังไง สถานการณ์เลยเปลี่ยนข้างกัน จากเดิมตอนก่อนโน่นทานตะวันแสดงออกรักเป้งๆ พยายามรั้งไว้ ตอนนี้คำถามเดียวกันว่าเป้งรักเรามั้ย มันกลายเป็นสื่ออีกนัยหนึ่งว่า นี่ไม่มั่นใจความรักแล้วนะ คือก่อนนั้นคำถามเดียวกันมันยังเป็นอาการน้อยใจ น้อยใจมาก เสียใจ แต่อันนี้มันกระทุ้งไปแรงกว่าวันที่เกิดรถชนใน EP แรก (เพราะใจเริ่มไปทางฉลามด้วย)
เลยเป็นหมอเป้งจูบบ้าง แล้วหัวใจไม่ขึ้น จุดนี้จบไปแบบไม่คำพูด คำพูดตัวละครไม่มีครับ แต่ในหัวคนดูนี่เต็มไปหมด
ช่วงจบที่ทิ้งให้หมอเป้งไปซื้อแหวน ผมรู้สึกเศร้ามาก เหมือนหมอเป้งเป็นตัวละครตอนนี้เขาโตและกลายมาเป็นคนที่แสดงออกด้านความรักได้อย่างจำกัดมากๆ เวลาก็ไม่มี นี่คือสิ่งเดียวที่เขาอยากทำให้คนที่เขารัก นั่นคือสะสากปมจากตอนก่อนที่ไม่พร้อมสร้างครอบครัว เฮ่ย ตอนนี้พร้อมแล้ว คิดได้แล้ว ตลอดมาเราไม่ได้เห็นมุมความรักของหมอเป้งนัก แต่ตัวละครที่น้อยแต่มากอย่างแท้จริง ซีนพูดตรง อยากได้แหวนแบบแหวนแต่งงาน มันคือหมอเป้งรักทานตะวันนะ ก็ผู้ใหญ่มากๆ
EP นี้เป็นอีกตอนที่ดี และเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ รู้สึกได้ว่าไม่เร่งรีบเกิน คือค่อยๆ ใส่เหตุผล ใส่รายละเอียดที่ทำให้คนดูเริ่มลุ้นว่า 4 คน 2 คู่นี้จะยังไงกันต่อไป บะหมี่ก็ใสใส สู้เหมือนกัน พยายามเหมือนกันก็น่าเอาใจช่วย หมอเป้งก็น่าสนว่าลึกๆ แล้วคิดอะไรอยู่ เห็นแล้วว่าทานตะวันหมดรัก เขาจะทำยังไงต่อไป ทานตะวันเองก็ยึดมั่นในรักหรือจะมุ่งทางใหม่ เรื่องก็ดูจะเล่ามาจนรู้สึกรับได้แล้วไม่ว่าตัวละครจะตัดสินใจยังไง ส่วนฉลามเอาจริงๆ ไปๆ มาๆ กลับเป็นตัวละครที่ไม่ได้อะไรกับความรักมากนัก คือชอบบะหมี่แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญนัก (หรือเรื่องไม่ได้เล่ามุมนั้น) ดูจะยังมุ่งมั่นกับการรักษาคนไข้มาก แต่บังเอิญคนไข้เป็นพี่ทานตะวันบ่อยๆ เจ้าหมอนี่ไม่น่าเอาใจช่วยก็ตรงมีแต้มต่อที่ความบังเอิญนี่แหละ
สุดท้ายนี้ มันมีมุกขำๆ ในทวีตเตอร์พูดถึงความรัก
เมื่อคุณเป็นหวัด
ถ้าแฟนให้คุณกินยา แปลว่าแฟนคุณรักคุณ
ถ้าแฟนพาคุณไปหาหมอ แปลว่าแฟนรักคุณมาก
แต่ถ้าแฟนบอกให้คุณนอนพักเดี๋ยวก็หาย นั่นก็แปลว่าแฟนคุณเป็นหมอ
รักฉุดใจ นายฉุกเฉิน EP 6 แอ็คชั่น - อีโมชั่นนัลที่ขับเคลื่อนเรื่องไปอีกระดับ (ดูแล้วมาคุยกัน)
แต่ครั้งนี้ดูจะยิ่งชัดเจนขึ้น จุดนี้อาจจะดูซ้ำๆ หลายตอนนี่ก็เปิดด้วยน้อยใจ แต่คราวนี้บทเพิ่มความเข้มข้นขึ้นด้วยเงื่อนไข นี่จะเป็นครั้งท้ายๆ แล้ว ชวนให้นึกถึงเป้าหมายหลักของเธอคือแต่งงานมีครอบครัว
เรื่องต่อไปที่พิธีศพของย่าเล็ก ค่อยๆ ใส่เงื่อนไขซึ่งเรารู้กันตั้งแต่ตัวอย่างแล้วว่าเล็กจะทำอะไร ก็เฝ้าดูไปตามเรื่องราวเท่านั้น
หและหลังจากเล็กถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย หลังจากตรงนี้ EP นี้ก็เข้าสู่แอ็คชั่น EP ที่ค่อยไต่ระดับขึ้น
เรียบเรียงอุปสรรค์ที่ตัวละครต้องเจอเข้ามาอย่างหลากหลาย จุดนี้ทำให้ไม่เบื้อ และมากกว่านั้นก็เริ่มชักจะคาดเดาไม่ถูก เพราะซีรีส์นี้ฆ่าตัวละครอบอุ่นอย่างย่าของเล็กให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว
โหดไปมั้ยเขียนแบบนี้ แต่ทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่ามีภาวะที่ เฮ่ย มันตายได้นะ ย่าเล็กของEP ก่อน เป็นอะไรที่อยู่ๆ ก็ไปมาก ไม่มีเตือนก่อน มีสัญญาเล็กๆ ว่าแก่แล้ว แต่โทนของซีรีย์ก็แอบทำให้รู้สึกว่าคงช่วยได้ ทว่าบทจะไป ดันไปแบบดื้อๆ ไม่มียื้อชีวิตด้วยซ้ำ
ดังนั้นแอ็คชั่นซีเควน (หลายๆ ซีนรวมๆ กัน) ของ EP นี้มันจึงเป็นไปด้วยความระทึก ดนตรีทำได้โดดเด่นอยู่แล้ว แต่ไม่เลือกใช้ซาวด์เหมือน EP ก่อนๆ ซึ่งเอาจริงๆ ซาวด์ปฏิบัติการของหน่วยฉุกเฉิน ทำให้รู้สึกถึงความเท่ ความเก่ง ให้อารมณ์ลุ้นระทึกและในอีกทางมันทำให้รู้สึกปลอดภัยมากกว่า
ความไม่ปลอดภัยค่อยๆ คุกคามเข้ามาตั้งแต่บทมอบให้ทานตะวันเป็นคนตามเล็ก เล่นกับความคิดว่าจะเหม่อมั้ย (อาวนี่ก็คิดแบบหมอเป้ง 55+)
เล่าผ่านมุมเต่ากับทิวเขาตามหา และไม่เสียเวลากับเซอร์วิสวายเกินควร คือปล่อยให้สถานการณ์ทำงานด้วยตัวมันเอง หรือตามจังหวะที่เอื้ออำนวย อันนี้ดี และเนียนๆ ชมๆ
จนเรื่องมาค่อยๆ เพิ่มระดับทานตะวันเจอ เกลี่ยกล่อมเหมือนจะได้ เพราะพล๊อตทานตะวันก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และทำแบบเดียวกัน จังหวะนั้นเองที่ทานตะวันฉวยโอกาสยื้อจับห้ามปรามไว้ได้ แต่ทั้งสองก็ยื้อกัน เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย
ชุลนุมมาที่เต่ากับทิวเขาเพิ่มตามทันกำลังปลี่ขึ้นช่วยอีกแรงหมายหยุดเหตุบานปลาย
แต่กลายเป็นทานตะวันถูกผลักตกบันได (จังหวะนี้พอรู้จากตัวอย่างแบบงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนดูก็ไม่รู้แล้วแหละ กำลังอิน 5+)
มาจบที่ทานตะวันผลัดตกกับเต่าจนเต่าซึ่งเป็นหมออินเทิร์นคนเดียวในเหตุการณ์บาดเจ็บขยับไม่ได้
ช๊อตกว่านั้น ทานตะวันมองไปอีกทาง เล็กกระโดดลงมาที่พื้นแล้ว สถานการณ์ยิ่งวิกฤตชั้นสุดเมื่อทานตะวันค่อยๆ ล้มไปอีก
ซึ่งจุดทานตะวันล้มนี่รู้สึก อะไรจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้ แต่หลังจากนี้ เราให้อภัยอย่างง่ายดายเพราะกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเล่าอีโมชั่นนัล หรือการกระทำเชิงอารมณ์ที่เกิดขึ้นและมันขับเคลื่อนประเด็นเรื่องให้คลี่คลายออกไปด้วยกลพล๊อตที่เรื่องวางมาจากตอนก่อน
แต่เท่านั้นยังไม่วิกฤตพอ พอทานตะวันเรียกหมอเป้งมา หมอทิ้งระเบิดอีก 55+ (เทนชั่นขึ้นแบบงงๆ) คือพึ่งพูดไปว่า หยุดก่อเรื่องได้แล้ว มาตอนนี้สงสัยก่อนเลย วูบอีกแล้วเหรอ
คือประโยคมันสั้นๆ ก็แอบรู้สึกขัดใจนิดๆ แต่เข้าใจได้ว่า เรื่องกำลังปูนำไปสู่ปัญหาของทั้งคู่ และปูไปสู่ฉลามนั่นเอง
และเงื่อนไขที่คนเจ็บแบบเคราะซ้ำกรรมซัดนี้เองที่วางให้หมอเป้งต้องทำอะไร ส่งให้ทานตะวันต้องทำอะไร ผลักให้ฉลามต้องทำอะไร
ซีนช่วยชีวิตผลก็อย่างที่ทุกคนดูมาแล้ว
ทว่าระหว่างนั้นมีอารมณ์ของหลายตัวละครที่ขับเคลื่อน มันไม่ใช่ฉากช่วยชีวิตที่ลุ้นระทึกกับการยื้อชีวิตเฉยๆ แต่เป็นลุ้นว่าตัวละครมันจะช่วยแบบนี้
ใจคนดูลุ้นพอๆ กับทานตะวันว่าหมอเป้งจะมาช่วยทานตะวันมั้ย
ขณะที่คู่ของทิวเขากับเต่านั้น ไม่แวะเว้นให้เซอร์วิสแล้ว กลายเป็นใส่ข้อมูลถึงการตัดสินใจของหมอเป้งแทน
หมอเป้งกลายเป็นเห็นบะหมี่ทำงานเก่ง มีมองมือน้องยก (โนโมเมนต์โรแมนนะ แต่ใส่ไว้วางไว้ค่อยไปสานต่อ ดีๆ)
ฉลามเหมือนถูกผลักมาถึงขีดสุด คือถูกต้อนมาตั้งแต่ตอนก่อนเรื่องมือสั่น พลังวาร์ปไปหาทานตะวัน หนีอีกคือจบ สุดท้ายก็คลี่คลายด้วยเรื่องมือสั่นด้วยทั้งคำแนะนำของหมอเป้งร่วมกับคำแนะนำของคำพูดของทานตะวัน(ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันเป็นคำพูดของหมอเป้งที่ฉลามเคยบอกทานตะวันเองอีกที 55+)
เจาะปอดที่ย้อนนึกถึงหมอเป้งนี้ดีมาก เพราะมันให้เอฟเฟคสองทาง ทั้งด้านเสริมเหตุผลว่าคราวนี้ฉลามไม่พลาด และกลับไปฟื้นความสัมพันธ์พี่น้องที่ต้นเรื่องจะเห็นว่าหมอเป้งกับฉลามไม่คุยกัน มาคุๆ กันอยู่
หลังช่วยได้หมดจบซีเควนฉลามหายแล้วช่วยชีวิตได้ ก็เว้นให้พักหายใจกับคู่วาฬกับพี่ตั๊ก (ลืมชื่อทุกทีจะเรียกคุณโฉมตลอด ฮาา) กลายเป็นคู่นี้เล่นดีกว่าที่คิด ดูน่ารักไม่เลวในซีนนี้ แอบรู้สึกว่าอ่อยแรงของสาวอายุมากกว่ามันดูเนียนตานะ
ชอบช๊อตที่ฉลามกอดหมอเป้ง กระทู้ก่อนลืมเขียนคือ เรารู้สึกว่าหมอเป้งมีคาแลกเตอร์เดียวๆ กับไข่ย้อย ถ้าใครทันดูนะ 55+ คือจะแสดงออกทางความรู้สึกไม่มาก แต่หลายครั้งก็ชวนให้เรายิ้ม และรู้ว่าตัวละครนี้คิดอะไรอยู่ บทซันนี่กับเรื่องนี้เหมือนเขากลับไปสุ่จุดเริ่มต้นด้วยสกิลการแสดงปัจจุบันที่เวลเต็มแล้ว เลยเอาอยู่มากในทุกๆ ซีน เป็นอีกตัวละครที่ออกมาทีไรก็รู้สึกแบกตอนไว้ได้มากๆ บทก็ออกแบบมาให้ตัวละครนี้ได้ดีด้วย คือคุณเป็นคนน้อยๆ นะ แต่แสดงออกทีนึงมันจะชัดและคมเลยนะ ต้องแสดงให้ละเอียด
ซีนหมอเป้งหาบะหมี่ อันนี้ชอบ กุ๊กกิ๊กกำลังดี มีเป้าหมายเดียวกันนะ ทำงานๆ แล้วมาหาที่รถฉุกเฉินมันพอเหมาะมากกว่าการปิดรถแล้วกรี๊ด ยิ่งทวีความน่ารักและบอกว่า เออ กรี๊ด ดีใจเว่ย แต่ไม่อยากให้ใครรู้ 55+
ซีนหมอเป้ง(เกือบ)ง้อทานตะวัน กลายเป็นซีนนี้คือทานตะวันอยากเคลียร์แล้ว บอกเลยรู้สึกยังไง สถานการณ์เลยเปลี่ยนข้างกัน จากเดิมตอนก่อนโน่นทานตะวันแสดงออกรักเป้งๆ พยายามรั้งไว้ ตอนนี้คำถามเดียวกันว่าเป้งรักเรามั้ย มันกลายเป็นสื่ออีกนัยหนึ่งว่า นี่ไม่มั่นใจความรักแล้วนะ คือก่อนนั้นคำถามเดียวกันมันยังเป็นอาการน้อยใจ น้อยใจมาก เสียใจ แต่อันนี้มันกระทุ้งไปแรงกว่าวันที่เกิดรถชนใน EP แรก (เพราะใจเริ่มไปทางฉลามด้วย)
เลยเป็นหมอเป้งจูบบ้าง แล้วหัวใจไม่ขึ้น จุดนี้จบไปแบบไม่คำพูด คำพูดตัวละครไม่มีครับ แต่ในหัวคนดูนี่เต็มไปหมด
ช่วงจบที่ทิ้งให้หมอเป้งไปซื้อแหวน ผมรู้สึกเศร้ามาก เหมือนหมอเป้งเป็นตัวละครตอนนี้เขาโตและกลายมาเป็นคนที่แสดงออกด้านความรักได้อย่างจำกัดมากๆ เวลาก็ไม่มี นี่คือสิ่งเดียวที่เขาอยากทำให้คนที่เขารัก นั่นคือสะสากปมจากตอนก่อนที่ไม่พร้อมสร้างครอบครัว เฮ่ย ตอนนี้พร้อมแล้ว คิดได้แล้ว ตลอดมาเราไม่ได้เห็นมุมความรักของหมอเป้งนัก แต่ตัวละครที่น้อยแต่มากอย่างแท้จริง ซีนพูดตรง อยากได้แหวนแบบแหวนแต่งงาน มันคือหมอเป้งรักทานตะวันนะ ก็ผู้ใหญ่มากๆ
EP นี้เป็นอีกตอนที่ดี และเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ รู้สึกได้ว่าไม่เร่งรีบเกิน คือค่อยๆ ใส่เหตุผล ใส่รายละเอียดที่ทำให้คนดูเริ่มลุ้นว่า 4 คน 2 คู่นี้จะยังไงกันต่อไป บะหมี่ก็ใสใส สู้เหมือนกัน พยายามเหมือนกันก็น่าเอาใจช่วย หมอเป้งก็น่าสนว่าลึกๆ แล้วคิดอะไรอยู่ เห็นแล้วว่าทานตะวันหมดรัก เขาจะทำยังไงต่อไป ทานตะวันเองก็ยึดมั่นในรักหรือจะมุ่งทางใหม่ เรื่องก็ดูจะเล่ามาจนรู้สึกรับได้แล้วไม่ว่าตัวละครจะตัดสินใจยังไง ส่วนฉลามเอาจริงๆ ไปๆ มาๆ กลับเป็นตัวละครที่ไม่ได้อะไรกับความรักมากนัก คือชอบบะหมี่แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญนัก (หรือเรื่องไม่ได้เล่ามุมนั้น) ดูจะยังมุ่งมั่นกับการรักษาคนไข้มาก แต่บังเอิญคนไข้เป็นพี่ทานตะวันบ่อยๆ เจ้าหมอนี่ไม่น่าเอาใจช่วยก็ตรงมีแต้มต่อที่ความบังเอิญนี่แหละ
สุดท้ายนี้ มันมีมุกขำๆ ในทวีตเตอร์พูดถึงความรัก
เมื่อคุณเป็นหวัด
ถ้าแฟนให้คุณกินยา แปลว่าแฟนคุณรักคุณ
ถ้าแฟนพาคุณไปหาหมอ แปลว่าแฟนรักคุณมาก
แต่ถ้าแฟนบอกให้คุณนอนพักเดี๋ยวก็หาย นั่นก็แปลว่าแฟนคุณเป็นหมอ