สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
มีเยอะเพราะ ค่าครองชีพ ค่าเช่าบ้าน หรือ rent ในต่างประเทศแพงมาก ขั้นต่ำคือเดือนละ 30,000 บาท
นี่แค่ห้องเช่าธรรมดาๆ นะ อย่าว่าแต่พวกคน homeless เลย พนักงานมนุษย์เงินเดือนบางคนเค้าก็ไม่มีบ้านอยู่ครับ
เค้าอาศัยนอนในรถกัน เคยดูสารคดีคนที่ทำงานดีๆ มนุษย์ออฟฟิศนี่ แต่เค้าเลือกที่จะนอนในรถเพราะเค้าบอกว่า
ช่วยเซฟค่าใช้จ่าย คนอเมริกันที่มีบ้านอยู่ส่วนใหญ่ ถ้าไม่รวยมาก ก็คือ มีพ่อแม่ที่สามารถสนับสนุนเรื่องที่อยู่ให้
ผมเคยไปไล่อ่านตามเพจที่เกี่ยวกับคนไร้บ้านเค้าบอกว่า เค้าไม่เคยเป็น homeless แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่
เค้าก็ต้องออกไปนอนตามถนน เพราะรายได้ไม่พอค่าเช่า วัฒนธรรมฝรั่งสมัยก่อน คื้อพอเรียนจบแล้วต้องย้ายออก
ไปเช่าห้องอยู่ เพื่อสร้างตัว แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปมาก ค่าเช่าห้องแพงหูฉี่ รายได้ไม่สมดุลกับรายจ่าย
การว่างงานมีสูง เพราะยุค disrutpion เริ่มรุ่งเรื่อง เมื่อปีที่แล้ว general motor ก็เพิ่ง เลยืออฟคนงานไปหลายพันคน
ลองไปหาดูตามช่องในยูถูปนะ คนเมกันส่วนนึงเค้าเริ่มดัดแปลงรถตัวเองให้กลายเป็นบ้าน น่าอยู่มาก
ไม่ใช่เฉพาะในอเมริกานะ ในอังกฤษ homeless ก็มีเยอะมาก ปัญหาคนไร้บ้าน ในสังคมตะวันตกมีหลาย
เหตุหลายปัจจัย การว่างงาน ตกงาน ถูกครอบครัวทอดทิ้ง ยาเสพติด ฯลฯ แม้แต่นักแสดงในลอสแองเจลิส
ที่ไม่โด่งดัง เป็นแค่ตัวประกอบ ก็กลายเป็นคนไร้บ้าน คนตามไปดูคลิปเค้าเป็นล้านเลย
นี่แค่ห้องเช่าธรรมดาๆ นะ อย่าว่าแต่พวกคน homeless เลย พนักงานมนุษย์เงินเดือนบางคนเค้าก็ไม่มีบ้านอยู่ครับ
เค้าอาศัยนอนในรถกัน เคยดูสารคดีคนที่ทำงานดีๆ มนุษย์ออฟฟิศนี่ แต่เค้าเลือกที่จะนอนในรถเพราะเค้าบอกว่า
ช่วยเซฟค่าใช้จ่าย คนอเมริกันที่มีบ้านอยู่ส่วนใหญ่ ถ้าไม่รวยมาก ก็คือ มีพ่อแม่ที่สามารถสนับสนุนเรื่องที่อยู่ให้
ผมเคยไปไล่อ่านตามเพจที่เกี่ยวกับคนไร้บ้านเค้าบอกว่า เค้าไม่เคยเป็น homeless แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่
เค้าก็ต้องออกไปนอนตามถนน เพราะรายได้ไม่พอค่าเช่า วัฒนธรรมฝรั่งสมัยก่อน คื้อพอเรียนจบแล้วต้องย้ายออก
ไปเช่าห้องอยู่ เพื่อสร้างตัว แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปมาก ค่าเช่าห้องแพงหูฉี่ รายได้ไม่สมดุลกับรายจ่าย
การว่างงานมีสูง เพราะยุค disrutpion เริ่มรุ่งเรื่อง เมื่อปีที่แล้ว general motor ก็เพิ่ง เลยืออฟคนงานไปหลายพันคน
ลองไปหาดูตามช่องในยูถูปนะ คนเมกันส่วนนึงเค้าเริ่มดัดแปลงรถตัวเองให้กลายเป็นบ้าน น่าอยู่มาก
ไม่ใช่เฉพาะในอเมริกานะ ในอังกฤษ homeless ก็มีเยอะมาก ปัญหาคนไร้บ้าน ในสังคมตะวันตกมีหลาย
เหตุหลายปัจจัย การว่างงาน ตกงาน ถูกครอบครัวทอดทิ้ง ยาเสพติด ฯลฯ แม้แต่นักแสดงในลอสแองเจลิส
ที่ไม่โด่งดัง เป็นแค่ตัวประกอบ ก็กลายเป็นคนไร้บ้าน คนตามไปดูคลิปเค้าเป็นล้านเลย
ความคิดเห็นที่ 8
Homeless ในอเมริกาส่วนใหญ่ จะเห็นกันได้ตามเมืองใหญ่ๆค่ะ อย่างเช่น แอลเอ ซานฟราน นิวยอร์ค เคยได้ดูสารคดีเกี่ยวกับคนเร่ร่อนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะสมัครใจเป็นคนเร่ร่อนเอง บางทีญาติพี่น้องติดต่อ จะเอาไปอยู่บ้านด้วย แต่เนื่องจากนิสัยของคนอเมริกัน ที่มีความอิสระ ส่วนตัวสูง เลยชอบไม่ชอบที่จะอยู่กับใคร ไม่เหมือนกับคนไทย ที่คุ้นเคยกับการอยู่อาศัยในบ้านเดียวร่วมกับคนอื่นมากมาย อย่างเช่น นอกจาก พ่อแม่ พี่น้องแล้ว คนไทยยังเคยชินกับ พี่ป้าน้าอา ลูกหลาน ปู่ย่าตายาย ถ้าใครโชคดี มีห้องนอนส่วนตัว ก็จะหาความเป็นส่วนตัวได้แค่ในห้องนอนตัวเอง ในห้องแคบแต่ก็สุขใจ คนไทยเคยชินเสียแล้วกับการอยู่ร่วมกันกับคนมากมายในบ้านหนึ่งหลัง ส่วนตัวเราเอง เกิดมาก็แชร์ห้องนอนกับพี่สาว จนกระทั่งมาอเมริกา ก็ยังแชร์ห้องนอนกับเพื่อนในหอนักเรียน พอแต่งงานก็มาแชร์ห้องนอนกับสามี คือตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนอนคนเดียวเลย เลยไม่มีปัญาหาที่จะอยู่กับคนมากๆ ในบ้านหนึ่งหลัง
แต่คนอเมริกัน ไม่ว่าจะจนจะรวยแค่ไหน อย่างน้อยที่สุด เขาจะมีห้องนอนส่วนตัวตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่เล็กๆ มันเป็นความอิสระที่พ่อแม่คนอเมริกันปลูกฝังหัวไว้ อาจจะเป็นเพราะพ่อแม่คนอเมริกันไม่ค่อยจะโอ๋ลูกมากเท่าไหร่ ไม่อยากให้ลูกติดตัวเองเท่าไหร่ เพราะพ่อแม่ก็ต้องการความเป้นอิสระ ความเป็นส่วนตัวด้วยเหมือนกัน เด็กๆเลยมีความเป็นอิสระสูง พอโตจบไฮสคูลแล้ว ก็เริ่มหางานทำ ที่จริงเขาขับรถกันเป็นตั้งแต่อายุ 16 ปีแล้ว กฎหมายแรงงานกำหนดว่าเด็กอายุ 16 ทำงานได้รับเงินเดือนได้ เขาก็เริ่มทำงาน หาเงิน ซื้อรถกันตั้งแต่อายุ 16 พอสิบแปด ก็เริ่มไม่อยากอยู่ใต้หลังคา กฎระเบียบเยอะของพ่อแม่ ก็เลยเริ่มที่จะออกไปเช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่กันเอง
จึงเห็นได้ว่าเด็กอเมริกันส่วนมาก จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว การทำงานไปด้วย การเรียนไปด้วย การเริ่มมีชีวิตคู่ การอยู่ด้วยกันตั้งแต่ 18-19 การรับภาระเรื่องเงินเรื่องทอง ชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งงาน ใช้ชีวิตคู่ การมีลูกตั้งแต่ วัย 20 ต้นๆ เราว่าทุกอย่างมันไวไปหมด เมื่ออะไรมันมาเร็วเกินไป ปัญหามันมามากมาย เกินกว่าวุฒิภาวะของคนอายุ 20-30 กว่าๆ จะรับได้ คนบางคนเลยเลือกที่จะทิ้งปัญหาทุกอย่าง แล้วเดินออกมา ออกมาเป็น คนเร่รอน กินนอนข้างถนน ใช้ชีวิตไปวันๆ งานก็ไม่ต้องทำ ภาษีก็ไม่ต้องเสีย แถมมีคนดูแลอีก เจ็บป่วยมาไปหาหมอ รักษาฟรีอีกต่างหาก
ทำไมพวกเขาเหล่านั้น ไม่เลือกที่จะเดินไปหา พ่อแม่ หรือครอบครัว แทนที่จะมาเร่ร่อน กินนอนข้างถนน คำตอบก็คือ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติโกโหติกา เขาก็มีแนวคิดเดียวกัน ก็คือ เขาโฟกัสที่ครอบครัวของเขา (พ่อ แม่ ลูก) การช่วยเหลือด้วยให้ที่พักพิง ก็อาจจะมี แต่ก็อยากจะช่วยเพียงระยะสั้นๆ ถ้าหากว่า สาม สี่เดือน ผ่านพ้น แล้วคนคนนี้ ยังไม่หางานทำ หาที่อยู่ให้ตัวเอง คนช่วยเหลือ ก็เริ่มที่จะไม่อยากช่วยแล้ว คนอาศัยก็เริ่มอึกอัด สุดท้ายคนพวกนี้ก็มานอนข้างถนนเหมือนเดิม
ทางรัฐช่วยไหม... ก็ช่วยสิคะ ถ้าไม่ช่วย จะมามีชีวิต รอดตาย มานอนข้างถนนได้ทุกวัน อย่างนี้หรือคะ
ทางรัฐจะช่วยเหลือบ้านพักชั่วคราว อาจจะเป็นที่พักแบบมานอนตอนกลางคืน อาบน้ำ อาบท่า กินอาหาร พอเช้าก็ขนของไป จะมาพักได้ทีละคืนเท่านั้น ใครมาก่อนได้พักก่อน ถ้าเต็มก็ต้องไปหาที่นอนที่อื่น สามีเราเรียกสถานที่แบบนี้ว่า Hobo Hilton หรือ Hobo Hotel พวกเขาจะมาพักกันมากในช่วงที่อากาศ ฝนตกมาก ร้อนมาก หรือหนาวมาก ถ้าอากาสกำลังสบายๆ กินนอนกันข้างนอก
ส่วนที่พักชั่วคราวแบบระยะสั้นก็มี แบบเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน แต่ที่นี่เขามีโปรแกรม มีคอร์สที่พยายามช่วยให้ คนพวกนี้ หางานทำ และสามารถช่วยตัวเองได้ ถ้า Homeless ที่เป็นทหารมาก่อน ก็มีเบี้ยหวัดทหารเลี้ยงต่อเดือน หรือคนเร่รอนบางคน ไม่ได้จน มีเงินในธนาคาร มีกิน มีใช้ แต่เลือกที่จะไม่มีบ้าน นอนเร่ร่อนตามข้างทางแบบนี้ เพราะเขาชอบแบบนี้ ก็มีมาก
เจ็บป่วยขึ้นมา ก็รักษาฟรี คนพวกนี้ไม่มีเจ็บป่วยตายหรอกค่ะ ที่เห็นตายๆกัน ก็เพราะกินเหล้า ตับแข็งตาย เสพยาเสพติดจนตาย หรือทะเลาะวิวาทฆ่ากันเอง ข่มขืนกันตายก็มี ซึ่งมันเป็นเหตุมาจาตัวคนเร่ร่อนทั้งนั้น ซึ่งทางรัฐ ทางหลวง ก็ต้องมาตามเช็ด ตามล้าง ตามสืบคดีกันอีก
Homeless ที่ชอบอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ เพราะทางรัฐ ทางหลวง ทางซิตี้ มีเงินมากพอ ที่ได้จากภาษีของคนทำงาน เอามาเลี้ยงคนเร่ร่อนพวกนี้ ดังนั้น เมืองจนๆ เมืองเล็กๆ อย่างที่เราอยู่นี้ มีคนเร่ร่อนพวกนี้ แต่ไม่มีเยอะมากขนาดนี้ เพราะงบประมาณเลี้ยงคนเร่ร่อน ในเมืองเล็กๆไม่มีมากเท่าเมืองใหญ่ๆ
แต่คนอเมริกัน ไม่ว่าจะจนจะรวยแค่ไหน อย่างน้อยที่สุด เขาจะมีห้องนอนส่วนตัวตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่เล็กๆ มันเป็นความอิสระที่พ่อแม่คนอเมริกันปลูกฝังหัวไว้ อาจจะเป็นเพราะพ่อแม่คนอเมริกันไม่ค่อยจะโอ๋ลูกมากเท่าไหร่ ไม่อยากให้ลูกติดตัวเองเท่าไหร่ เพราะพ่อแม่ก็ต้องการความเป้นอิสระ ความเป็นส่วนตัวด้วยเหมือนกัน เด็กๆเลยมีความเป็นอิสระสูง พอโตจบไฮสคูลแล้ว ก็เริ่มหางานทำ ที่จริงเขาขับรถกันเป็นตั้งแต่อายุ 16 ปีแล้ว กฎหมายแรงงานกำหนดว่าเด็กอายุ 16 ทำงานได้รับเงินเดือนได้ เขาก็เริ่มทำงาน หาเงิน ซื้อรถกันตั้งแต่อายุ 16 พอสิบแปด ก็เริ่มไม่อยากอยู่ใต้หลังคา กฎระเบียบเยอะของพ่อแม่ ก็เลยเริ่มที่จะออกไปเช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่กันเอง
จึงเห็นได้ว่าเด็กอเมริกันส่วนมาก จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว การทำงานไปด้วย การเรียนไปด้วย การเริ่มมีชีวิตคู่ การอยู่ด้วยกันตั้งแต่ 18-19 การรับภาระเรื่องเงินเรื่องทอง ชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งงาน ใช้ชีวิตคู่ การมีลูกตั้งแต่ วัย 20 ต้นๆ เราว่าทุกอย่างมันไวไปหมด เมื่ออะไรมันมาเร็วเกินไป ปัญหามันมามากมาย เกินกว่าวุฒิภาวะของคนอายุ 20-30 กว่าๆ จะรับได้ คนบางคนเลยเลือกที่จะทิ้งปัญหาทุกอย่าง แล้วเดินออกมา ออกมาเป็น คนเร่รอน กินนอนข้างถนน ใช้ชีวิตไปวันๆ งานก็ไม่ต้องทำ ภาษีก็ไม่ต้องเสีย แถมมีคนดูแลอีก เจ็บป่วยมาไปหาหมอ รักษาฟรีอีกต่างหาก
ทำไมพวกเขาเหล่านั้น ไม่เลือกที่จะเดินไปหา พ่อแม่ หรือครอบครัว แทนที่จะมาเร่ร่อน กินนอนข้างถนน คำตอบก็คือ พ่อแม่ พี่น้อง ญาติโกโหติกา เขาก็มีแนวคิดเดียวกัน ก็คือ เขาโฟกัสที่ครอบครัวของเขา (พ่อ แม่ ลูก) การช่วยเหลือด้วยให้ที่พักพิง ก็อาจจะมี แต่ก็อยากจะช่วยเพียงระยะสั้นๆ ถ้าหากว่า สาม สี่เดือน ผ่านพ้น แล้วคนคนนี้ ยังไม่หางานทำ หาที่อยู่ให้ตัวเอง คนช่วยเหลือ ก็เริ่มที่จะไม่อยากช่วยแล้ว คนอาศัยก็เริ่มอึกอัด สุดท้ายคนพวกนี้ก็มานอนข้างถนนเหมือนเดิม
ทางรัฐช่วยไหม... ก็ช่วยสิคะ ถ้าไม่ช่วย จะมามีชีวิต รอดตาย มานอนข้างถนนได้ทุกวัน อย่างนี้หรือคะ
ทางรัฐจะช่วยเหลือบ้านพักชั่วคราว อาจจะเป็นที่พักแบบมานอนตอนกลางคืน อาบน้ำ อาบท่า กินอาหาร พอเช้าก็ขนของไป จะมาพักได้ทีละคืนเท่านั้น ใครมาก่อนได้พักก่อน ถ้าเต็มก็ต้องไปหาที่นอนที่อื่น สามีเราเรียกสถานที่แบบนี้ว่า Hobo Hilton หรือ Hobo Hotel พวกเขาจะมาพักกันมากในช่วงที่อากาศ ฝนตกมาก ร้อนมาก หรือหนาวมาก ถ้าอากาสกำลังสบายๆ กินนอนกันข้างนอก
ส่วนที่พักชั่วคราวแบบระยะสั้นก็มี แบบเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน แต่ที่นี่เขามีโปรแกรม มีคอร์สที่พยายามช่วยให้ คนพวกนี้ หางานทำ และสามารถช่วยตัวเองได้ ถ้า Homeless ที่เป็นทหารมาก่อน ก็มีเบี้ยหวัดทหารเลี้ยงต่อเดือน หรือคนเร่รอนบางคน ไม่ได้จน มีเงินในธนาคาร มีกิน มีใช้ แต่เลือกที่จะไม่มีบ้าน นอนเร่ร่อนตามข้างทางแบบนี้ เพราะเขาชอบแบบนี้ ก็มีมาก
เจ็บป่วยขึ้นมา ก็รักษาฟรี คนพวกนี้ไม่มีเจ็บป่วยตายหรอกค่ะ ที่เห็นตายๆกัน ก็เพราะกินเหล้า ตับแข็งตาย เสพยาเสพติดจนตาย หรือทะเลาะวิวาทฆ่ากันเอง ข่มขืนกันตายก็มี ซึ่งมันเป็นเหตุมาจาตัวคนเร่ร่อนทั้งนั้น ซึ่งทางรัฐ ทางหลวง ก็ต้องมาตามเช็ด ตามล้าง ตามสืบคดีกันอีก
Homeless ที่ชอบอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ เพราะทางรัฐ ทางหลวง ทางซิตี้ มีเงินมากพอ ที่ได้จากภาษีของคนทำงาน เอามาเลี้ยงคนเร่ร่อนพวกนี้ ดังนั้น เมืองจนๆ เมืองเล็กๆ อย่างที่เราอยู่นี้ มีคนเร่ร่อนพวกนี้ แต่ไม่มีเยอะมากขนาดนี้ เพราะงบประมาณเลี้ยงคนเร่ร่อน ในเมืองเล็กๆไม่มีมากเท่าเมืองใหญ่ๆ
ความคิดเห็นที่ 20
จากที่เคยไปสัมผัสช่วงเวลานึง(ซานฟราน) ถ้าเป็นประชากรที่เติบโตที่นู่นและสติสมประกอบดีอยู่ จะมีวิธีคิดที่อิสระ มโนเพ้อพกไปเรื่อย เพราะไม่เคยลำบาก ลำบากในที่นี้คืออดอยาก ไม่มีอะไรจะกิน แต่ที่อเมริกาไม่ใช่ แค่ค่าแรงขั้นต่ำชม.นึงคุณก็สามารถมช้ชีวิตอยู่ได้ และหาห้องเช่าราคาถูกได้ไม่ว่าจะอยู่รัฐไหนก็ตาม(มันจะมีย่านที่ราคาถูกเสมอ)
สวัสดิการ เท่าที่เคยอ่านผ่านๆรัฐจะช่วยอุ้มคนที่ไม่มีรายได้ อุ้มจนไม่รู้จะอุ้มยังไง ช่วยหางาน หาที่พัก เอาง่ายๆว่ารักษาก็ฟรี ไม่มีรายได้รัฐก็ช่วยก่อน คือสบายสุดๆแล้ว ไม่ต้องแสวงหาหรือกระ
กระสนอะไรเลย
Homelessในสายตาดิฉันคือ loser ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต และหาข้ออ้างโดยใช้หลักปรัชญาชีวิต(ข้ออ้าง) ลองไปคุยกับพวกเขาสิ่ ซานฟรานนี่ถ้าเดินตามถนน คุณจะเจอquoteปรัชญาบ้าบอเต็มไปหมด ฮิปปี้เยอะ(ไม่รู้ว่าเพราะอะไร) กัญชาเสรีอีก พอใจจะสูบตรงไหนก็สูบ เดินไปตามซอกซอย เผลอๆเคลิ้มก็มี555
ต่างจากเมืองไทย(ถ้าให้เทียบอะนะ) ประเทศโลกที่สาม ถ้าไม่ทำงานหรือสู้ให้ถึงที่สุด คือ อดตายได้เลย ประเทศเราจะต่างจากhomelessคือ ท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต แต่ยังทำงาน(ค่าแรงขั้นต่ำ) เพื่อใช้จ่ายไปวันๆ หรือสติไม่สมประกอบเสียส่วนใหญ่ถึงกลายเป็นคนจรจัด
ความเห็นส่วนตัวนะคะ
สวัสดิการ เท่าที่เคยอ่านผ่านๆรัฐจะช่วยอุ้มคนที่ไม่มีรายได้ อุ้มจนไม่รู้จะอุ้มยังไง ช่วยหางาน หาที่พัก เอาง่ายๆว่ารักษาก็ฟรี ไม่มีรายได้รัฐก็ช่วยก่อน คือสบายสุดๆแล้ว ไม่ต้องแสวงหาหรือกระ

Homelessในสายตาดิฉันคือ loser ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต และหาข้ออ้างโดยใช้หลักปรัชญาชีวิต(ข้ออ้าง) ลองไปคุยกับพวกเขาสิ่ ซานฟรานนี่ถ้าเดินตามถนน คุณจะเจอquoteปรัชญาบ้าบอเต็มไปหมด ฮิปปี้เยอะ(ไม่รู้ว่าเพราะอะไร) กัญชาเสรีอีก พอใจจะสูบตรงไหนก็สูบ เดินไปตามซอกซอย เผลอๆเคลิ้มก็มี555
ต่างจากเมืองไทย(ถ้าให้เทียบอะนะ) ประเทศโลกที่สาม ถ้าไม่ทำงานหรือสู้ให้ถึงที่สุด คือ อดตายได้เลย ประเทศเราจะต่างจากhomelessคือ ท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต แต่ยังทำงาน(ค่าแรงขั้นต่ำ) เพื่อใช้จ่ายไปวันๆ หรือสติไม่สมประกอบเสียส่วนใหญ่ถึงกลายเป็นคนจรจัด
ความเห็นส่วนตัวนะคะ
แสดงความคิดเห็น
เกิดอะไรขึ้นกับ San Francisco ทำไมคนไร้บ้าน (Homeless) อยู่จอแจแออัดตามท้องถนนกันเต็มไปหมดเลยครับ