เล่าประสบการณ์เป็น Piriformis Syndrome จากเริ่มจนพบสาเหตุใน 1 ปีที่ผ่านมา พร้อมคำถามเรื่องการผ่าตัด

     ผมขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดว่า Piriformis Syndrome โดยทั่วไปมีการอาการอย่างไรนะครับ เนื่องจากมีข้อมูลมากมายใน Internet ให้สืบค้น และคนที่เคยเป็นคงรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ขอเล่าแค่อาการที่ผมเจอ และทำอะไรไปบ้าง และจะทำอะไรต่อไปเท่านั้นครับ
     ปัจจุบันผมอายุ 29 ปี สูง 173 หนัก 73 เริ่มวิ่งจริงจังเมื่อเดือน เม.ย. 61 โดยวิ่งสี่วันต่อสัปดาห์ วันละ 5km ความเร็วเพซ 5 ปลายๆ โดยไม่ค่อยได้วอร์ม/ยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างถูกต้อง รวมถึงวิ่งเสร็จจะนั่งขับรถเลย 1-2 ชม เป็นประจำ ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการที่จะเล่าต่อไปนี้ โดยผมหยุดวิ่งตั้งแต่เดือน ก.พ. 62 แล้ว ตอนนี้ออกกำลังกายโดยการว่าน้ำและเล่นโยคะเท่านั้น

     อาการของผมเริ่มตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. 61 จนถึงวันนี้ก็ครบ 1 ปี แล้ว อาการตอนแรกสุดคือผมรู้สึกปวดต้นขาขวาด้านนอกตอนนั่ง และเวลาลุกจากท่านั่งจะมีเสียงดัง "เปรี๊ยะ" บริเวณสะโพกทั้งสองข้าง รวมถึงตอนเดินลงบันไดจะมีเสียงเบาๆ ที่เข่าขวา ผมจึงใช้วิธีวิ่งลงบันไดตั้งแต่นั้นมาเพราะจะได้ไม่มีเสียง โดยตอนที่เริ่มมีการอาการช่วงแรกๆ ก็คิดว่าอาการจะหายไปเอง จนเดือน ต.ค. 61 ผมเห็นว่ายังมีอาการอยู่ จึงไปหาหมอคนที่ 1 หมอให้นอนบนเตียงและจับขาทำหลายท่าก็ไม่พบการขัดหรือผิดปกติ จึงจ่ายยาแก้อับเสบ diclofenac และยาคลายกล้ามเนื้อมาให้และรอดูอาการ จนสองสัปดาห์ต่อมา อาการยังไม่ดีขึ้น ผมจึงกลับไปหาหมอคนที่ 1 หมอได้จ่ายยาชุดเดิมมาให้ ซึ่งกินแล้วอาการไม่ดีขึ้นเลย จนผมไปสืบค้นเจออาการ Piriformis Syndrome ก็สงสัยว่าเป็นอาการนี้ ผมจึงเริ่มยืดกล้ามเนื้อโดยท่าตาม youtube เป็นประจำก็ยังไม่ดีขึ้น จนเดือน ม.ค. 2562 ผมกลับไปหาหมออีกครั้ง และถามหมอว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็น Piriformis Syndrome หมอบอกว่าไม่น่าใช่ เพราะผมไม่มีอาการชาร้าวลงขา แต่หมอสงสัยว่ากระดูกสันหลังเสื่อม จึงส่ง x-ray แต่ไม่เจออะไร รวมทั้งส่งทำ MRI ส่วน L-spine พบว่าปกติทุกอย่าง หมอจึงสรุปว่าผมไม่เป็นอะไร ให้กลับบ้านไปทำใจให้สบายและพยายามไม่เครียด

     จนปลายเดือน ก.พ. 62 ผมรู้สึกนั่งแล้วปวดหลังล่างจนเหงื่อออก จึงไปหาหมอคนที่ 2 หมอลองฉีดยาคลายกล้ามเนื้อและจ่ายยาแก้อักเสบ arcoxia รวมถึงยาลดปวดปลายประสาท lyrica ผมกินยาชุดนี้อยู่ 2 เดือน โดยทำกายภาพควบคู่ไปด้วย(ดึงหลัง, กระตุ้นไฟฟ้า, ultrasound) โดยในสองเดือนนี้อาการเริ่มชัดขึ้นว่าปวดสะโพกซ้ายและหลังล่างซ้ายตอนนั่ง ส่วนอาการข้างขวาก็ยังมีบ้าง แต่เมื่อเทียบกับข้างซ้ายแล้วถือว่าเบากว่าเยอะ จนผมไม่สนใจอาการข้างขวา ซึ่งโดยรวมแล้วการรักษากับหมอ 2 อาการแทบไม่ดีขึ้น ผมจึงหยุดการรักษา

     เดือน เม.ย. 62 ผมเริ่มหาข้อมูลอีกครั้ง จนมาพบอาการ Myofascial Pain Syndrome ซึ่งค่อนข้างตรงกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่ ผมเลือกใช้วิธีนวดและฝังเข็ม อยู่ 2 เดือน อาการไม่ค่อยดีขึ้น หมอฝังเข็มจึงให้ผมลองทำกายภาพควบคู่ (คนละที่กับครั้งก่อน มี ultrasound,ประคบร้อน,Laser,กระตุ้นไฟฟ้า) โดยผมเริ่มทำกายภาพและสมัครเรียนโยคะแบบ Private Class ช่วง มิ.ย. 62 และยังคงฝังเข็มอยู่ รวมถึงมีการยืดเหยีดตอนตื่นนอนและก่อนนอนอย่างจริงจัง ก็ยังมีอาการปวดมาก/น้อย สลับกัน จนหมอฝังเข็มเห็นว่าไม่ค่อยดีขึ้นจึงแนะนำให้ไปพบหมอคนที่ 3

     หมอคนที่ 3 วินิจฉัยว่าเป็นอาการของกล้ามเนื้อสะโพกตึงตัว หมอได้ให้ยา acoxia และยาคลายกล้ามเนื้อมาโดยให้กินเฉพาะตอนปวดและนัดตรวจซ้ำทุก 2 สัปดาห์ พบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น ผมจึงขอหมอทำ MRI อีกครั้ง โดยครั้งนี้ขอทำในส่วนของ Hip ด้วย โดยทำ MRI ไปเมื่อ 3 ก.ย. 62
ผล MRI พบว่ากล้ามเนื้อ Piriformis โตทั้งสองข้าง โดยข้างซ้ายโตกว่าข้างขวา และข้างซ้ายมีการกดทับเส้นประสาทแล้ว ซึ่งดูแล้ว หากไม่มีผล MRI จะแทบไม่นึกถึงเรื่อง Piriformis เลย เนื่องจากอาการไม่ค่อยเป็นไปตามรูปแบบในข้อมูลส่วนใหญ่ หมอแนะนำให้ผมทำกายภาพกับฝังเข็มโดยแจ้งให้ทราบว่าถ้าหากทำแล้วไม่ดีขึ้น ก็จะเหลือวิธีฉีดสเตียรอยด์กับผ่าตัด ซึ่งบางคนฉีดสเตียรอยด์แล้วหายขาดไปเลยแต่บางคนก็หายไป 3-4 เดือนแล้วกลับมาเป็นใหม่ โดยหมอให้ไปปรึกษากับวิสัญญีแพทย์ว่าควรฉีดดีหรือไม่

     วิสัญญีแพทย์แนะนำให้ดูอาการไปก่อน โดยจ่ายยาคลายกล้ามเนื้อและยาลดปวดปลายประสาท lyrica รวมถึงให้ทำกายภาพและฝังเข็มเน้นตรงกล้ามเนื้อ piriformis แล้วติดตามอาการ 1 เดือนขณะนี้อยู่ในช่วงกินยาและรอพบวิสัญญีแพทย์ครั้งต่อไป โดยยังทำกายภาพ ฝังเข็ม ตามที่แพทย์แนะนำและยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ

     จากที่เล่ามาทั้งหมด ผมอยากถามหน่อยครับว่า มีใครเคยเป็น Piriformis Syndrome แล้วหายขาดบ้างครับ ใช้วิธีรักษาแบบไหน แล้วในกรณีผ่าตัด ถ้าไม่เป็นหนักๆ หมอจะยอมผ่าให้หรือไม่ การผ่าตัดใช้วิธีผ่าตัดเอาส่วนไหนออก ตอนนี้ผมมองไปถึงเรื่องผ่าตัดแล้ว เพราะคิดว่าการรักษาแบบอื่นมันเป็นการประคับประคองซะมากกว่า ผิดถูกอย่างไรแนะนำได้ครับ ปัจจุบันผมยังคงมีการการปวดตอนนั่งอยู่ ทำให้ต้องคอยเลี่ยงกิจกรรมหลายๆ อย่างที่ต้องนั่งนานๆ การนั่งทำงานต้องคอยลุกทุก 30 นาที เรื่องเดินทางไกลนี่ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะไปดีไหม ค่อนข้างกระทบกับชีวิตประจำวันพอสมควรเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่