สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนมากค่ะ ใครที่คบกันนานนาน 10ปี+ จะเข้าใจอารมณ์โทนความรักแบบนี้เลยค่ะ คือมันไม่หวือหวา แต่เป็นความรักแบบราบเรียบ สบายสบาย แต่จะไปกันต่อไปรอดเรื่อยๆ ในปีต่อต่อไปนั้น ในความราบเรียบนั้น ก็ยังคงต้องการความใส่ใจ เข้าใจ ซื่อสัตย์ เอาใจใส่กันและกันอยู่เสมอ +มีการเติมความหวานบ้างนิดนิดหน่อยหน่อย กระตุ้นใจกันบ้าง
ความรักที่ดีคือความรักที่เรียนรู้ที่จะ give&take พอพอกัน หรือไปในทางเดียวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เตือนสติของคนมีคู่รักได้ดี รักกันมา 15 ปี มันยาวนานมากพอที่ การกระทำใดใดร่วมกันหรือที่ได้รับ อะไรที่เคยตื่นเต้นเคยหวือหวา มันหายไปแล้วค่ะ มันถูกแทนที่มาด้วยความเคยชิน เป็นเหมือนรักใน comfort zone ของกันและกัน และด้วยความที่เป็น comfort zone มันเลยเกิดการวางใจ และมักจะปล่อยปะละเลยกันง่ายง่าย ประกอบกับความตื่นเต้น ความใจเต้นมันจะค่อยค่อยกลืนหายไป กลายเป็นความราบเรียบสบายสบาย
15ปี ของทั้งคู่เส้นทางของความรักเป็นเส้นทางที่ลาดเอียงไปทางหมอเป้งตลอดเวลา เหมือนทานตะวันวิ่งตาม วิ่งเข้าหา เป้งตลอดเวลา ให้เป้งตลอดเวลา น้อยใจเอง โกรธเอง ทะเลาะเอง ปลอบเอง หายเอง วิ่งเข้าหาใหม่เอง วนลูปแบบนี้ตลอด ชีวิตนางหมุนตามเป้งตลอด (จนนางตัดพ้อว่าไม่เคยมีโอกาสได้เลือกเองเลย) แต่หมอเป้งมองว่าความรักที่ราบเรียบแบบนี้มันสบาย มันดีอยู่แล้ว เพราะเค้าคือคนที่ได้รับ ฉันไม่ต้องทำอะไรมากมัน สบายก็ดีอยู่แล้ว แต่ 15 ปี ของทานตะวันเดินอยู่บนทางชัน ที่ตัวเองต้องพยายามปีนป่ายประคองรักษาไว้ มันเลยเหนื่อย และเกิดคำถามตามมา
หมอเป้ง ผู้เคยได้รับตลอดเวลา ไม่ต้องปรับตัว ไม่เคยต้องตามต้องมองหา ไม่ต้องพยายาม ทานตะวันก็มักจะมาอยู่ในสายตาและทำให้ตลอด เลยเกิดเป็นความเคยชิน ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งยินดี ไม่ได้รู้สึกขอบคุณ จนกลายเป็นละเลยไป
เรามองว่าแกนที่ขับเคลื่อนของความรักคือการที่ต่างฝ่ายต่างได้รับความรู้สึกว่าถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ เป็นคนสำคัญ จากคนข้างกาย ง่ายง่ายคือ ต่างฝ่ายต่างควร give & take ให้พอพอกัน หรือไปในทางเดียวกัน ทางที่เดินร่วมกัน ก็จะเป็นทางที่พอดีไม่ลาดชันไม่เอียงจนอีกฝ่ายลำบากเกินไป แกนตรงนี้ถ้ามันยังอยู่ ยังคงได้รับการตอบสนอง จะอีกกี่ปี จะมีอีกกี่อุปสรรค ความรักก็ไปต่อได้ค่ะ
หมอเป้งไม่เคยเฉลียวใจหรือฉุกใจมาก่อน จนมีเริ่มมีฉลามเข้ามาและรู้สึกว่าแบบนี้มันดีอยู่แล้ว ก็เพราะตัวหมอเป้งได้รับการเติมเต็มตรงนี้มาโดยตลอด ทานตะวันนาง give ให้ตลอด อยู่ฝ่ายเดียว ( ทั้งตื่นเช้ามาทำกับข้าวทุกวัน/ติดผ่าตัดก็เอาดอกไม้ไปนอนรอนั่งรอ/ทำของให้แค่เห็นว่ามันจะทำให้เป้งสบายขึ้น/จองร้านอาหาร/ไปดักรอเจอตอนเช้าแค่ 5 นาที ระหว่างหมอเป้งเดินไปโรงพยาบาล /จัดevent ครบรอบ สะท้อนให้เห็นเลยว่าเพื่อความสุขของอีกคนนึง มันคือผลของความพยายามของอีกคนนึงเหมือนกัน )
ในขณะที่หมอเป้งก็ take ตลอดเวลา ไม่ค่อย give ให้กลับ แถมตอบสนองต่อสิ่งที่ทานตะวันพยายามทำให้ได้ห่วยแตกมาก (ร้องไห้ก็ไม่มีการปลอบ/ไม่มีการแสดงออกว่าคิดถึงขณะที่ไม่ได้เจอกัน/พอถามถึงอนาคตดันตอบว่าไม่มีฉันในนั้นอีก/เหมือนนางไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับหมอเป้ง) ความรู้สึกถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ ฉันเป็นคนสำคัญของเธอ มันไม่ถูกตอบสนอง ไม่เคยถูกเติมเต็มจากหมอเป้งเลยค่ะ มันไม่ใช่เพิ่งเกิดแต่เพราะนางทนมานานแล้ว จนวันหนึ่งต้องมานั่งมอง นั่งถามตัวเองว่า (ทำเพื่ออะไร/ ทั้งที่เธอจะมาหาฉันเมื่อไหร่ก็ได้แต่เธอก็ไม่มา/ถ้าฉันไม่เป็นพยายามไปเจอเธอไปหาเธอเราคนไม่ได้พบกันเลยใช่ไหม)
เมื่อการกระทำ สิ่งที่เคยได้รับมันเปลี่ยนไป ผู้หญิงก็จะเริ่มกลัว ซึ่งความกังวลนี้ ผู้ชายมีหน้าที่จะต้องทำให้ผู้หญิงสบายใจ ซึ่งหมอเป้งไม่ได้ทำเลย เช่นตอนที่ดินเนอร์กัน ทานตะวันถามเรื่องอนาคตเพราะนางเริ่มกังวลและบอกว่าตัวเองรอได้ แต่ต้องรู้ว่าปลายทางที่รอมันจะมีจริง แต่หมอเป้งกลับตอบอีกแบบความกังวลใจเลยยิ่งเพิ่ม ความรักเป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคนเฉพาะบุคคล บางคนอาจจะบอกว่าที่หมอเป้งทำก็ใส่ใจดี เค้าทุ่มเพื่องานแล้ว เพราะสำหรับคุณ หรือหมอเป้งอาจจะคิดว่ามันเพียงพอแล้ว แต่สำหรับทานตะวันมันไม่เพียงพอ
ซึ่งมันมีการส่งสัญญาณตัดพ้อแบบนี้มาเรื่อยเรื่อยจากทานตะวันแต่หมอเป้งก็ไม่ฟังมองข้ามสิ่งเหล่านี้ ทิ้งไว้ไม่แก้ไข (ฟังคู่ของคุณดีที่สุด)
จริงจริงแล้วทานตะวัน เป็นแฟนที่ดีมากมาก เข้าใจ อดทน ซับพอร์ตและพร้อมให้จริงจริง นางดูแลเอาใจใส่ โดยที่ไม่ต้องร้องขอเลย แถมแค่หมอเป้งหยอดนิดหน่อย แสดงท่าที give ให้นางนิดหน่อย ง่ายง่ายสบายสบาย ก็ซื้อใจนางได้แล้วเช่นบอกจะไปดินเนอร์วันลอยกระทงด้วย แค่นี้นางก็ดี๊ด๊าโลดเล่น อยู่ได้สบาย ถ้าเจอผู้หญิงคนอื่นอาจไม่พ้น 5 ปี ด้วยซ้ำ ทานตะวันบ่นว่าคิดถึงความรัก คือ คิดถึงความรู้สึกสิ่งที่เคยได้รับในช่วงแรกแรกที่คบกันค่ะ
เจอกันน้อยหรือแทบไม่เจอกันเลยไม่สำคัญเท่ากับ เวลาที่มีให้กันหรือช่วงที่ไม่เจอกัน มันเป็น quantity time ที่ต่างฝ่ายต่างได้ตอบสนองความรู้สึก ได้รับรู้ว่าเธอก็ยังรักฉัน เธอยังเป็นห่วง ยังใส่ใจกัน ยังมีความสุข ยังมีเราร่วมกัน หรือเปล่า เช่นตอนไม่เจอกันส่ง line ไปว่าคิดถึง /วันครบรอบไม่ว่างไปก็ส่งดอกไม้ไปให้สิหมอ/เค้าทำอะไรมาให้ก็ขอบคุณแสดงอาการดีใจบ้าง) ความรักถ้าสนใจแต่ต้นทางและปลายทางเท่านั้นแต่ระหว่างทางไม่ดูแล มันจะมีปลายทางที่ดีได้ยังไงกัน
ระยะเวลา 15 ปี มันนานจนทำให้คน 2 คนอาจจะลืมอะไรไปบ้าง มันเลยต้องมีการ หมั่นเติม หมั่นหยอด มากระตุ้นใจกันบ้าง เช่น ไปเที่ยวด้วยกัน / ไปทำกิจกรรมใหม่ใหม่ร่วมกัน /ไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณ ขอโทษ ฉันรักเธอ /หรือติดงานมาไม่ได้ก็ส่งขนมมาให้ เดือนละครั้ง ปีละครั้ง อะไรแค่นี้เล็กเล็กน้อยน้อยก็เป็นการเติม การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีแล้วค่ะ
ขณะที่กับฉลาม เป็นผู้ชายประเภท ตอบสนองด้วยความอ่อนโยน เอาใจใส่ เป็นผู้ชายที่ give ให้นางค่ะ
ทานตะวันจากที่ไม่เคยได้รับ แต่กับฉลามได้รับความรู้สึกของการถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจ ได้ตอบสนองในสิ่งที่ขวนขวายหามาตลอดจากหมอเป้ง (อยากร้องไห้ก็ร้องเลยพร้อมเช็ดน้ำตาให้ และยิ่งเกิดขึ้นในสภาวะสถานการณ์ที่กำลังต้องการมากมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทานตะวันจะตกหลุมรักได้ และบอกว่ารักเพราะไม่มีอะไรที่เหมือนเป้งนี่ละ เพราะตอนนางร้องไห้ฉลามไม่แคร์ใครเลยนอกจากความรู้สึกของนาง)
ตอนนี้หมอเป้งน่าจะรู้แล้วว่ารักใน comfort zone ของตัวเองเริ่มสั่นคลอน จากที่เคยเอาแต่ take ไม่ค่อย give จากที่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็น priority ของทานตะวันมาโดยตลอด 15 ปี จากความรู้สึกที่เคยถูกรักถูกเอาใจใส่เริ่มหาย สิ่งเหล่านี้เริ่มไหลไปทางฉลาม (แค่ผ่านมาไม่กี่วันไม่กี่เดือน หมอเป้งยังแสดงออกว่าไม่พอใจ ร้อนรน ฉุกใจ เพราะอะไรที่ตัวเองเคยได้รับ ได้สิทธิ์มันไม่เหมือนเดิม มองมาที่ ทานตะวันผู้ซึ่งไม่เคยเป็น priority ของหมอเป้งเลย นางก็อดทนมาได้ 5 ปี นะคะ) ดังนั้นคนที่ด่านางว่าใจง่ายเห็นใจนางหน่อย
ที่สำคัญ ทานตะวัน หวั่นไหวเพราะ ฉลามมักจะมาถูกที่ ถูกเวลา(เวลาที่นางช็อคเสียใจเฟลสุดสุด รถชนทั้งตกใจและบาดเจ็บ หวาดกลัวแต่หมอเป้งก็ทิ้งนางไว้ /วันลอยกระทง หลังจาก 5 ปีที่ไม่มีการเดท ทั้งที่เลือกที่จะไม่ไปก็ได้แต่ก็ไป/ถามถึงอนาคตก็ไม่มีให้)
และฉลามมักยิงตรงในสิ่งที่ตัวนางต้องการและไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากหมอเป้งมาก่อนเลย(การปลอบใจ/การแคร์ความรู้สึกนางเป็นที่1/รู้สึกว่ามีความสำคัญไม่ต้องวิ่งตาม ไม่ต้องมองหา ไล่ก็ไม่ไป) เหมือนถูกชกน็อคในขณะที่กำลังจะล้มจากการแยบเรื่อยเรื่อยของหมอเป้ง เหมือนมีคนยื่นมือมาดึงช่วยตอนที่กำลังจะล้มจากการสะบัดมือบ่อยบ่อยของหมอเป้ง มันเลยกลายเป็นความประทับใจและความหวั่นไหวได้ไม่ยากเลย
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนางพยายามอย่างมากที่จะรักษาความสัมพันธ์15 ปีนี้ไว้ พยายามผลักไส พยายามห้ามใจ เบรกตัวเองอยู่ตลอดด้วยนะคะ
ความรักที่ดีคือความรักที่เรียนรู้ที่จะ give&take พอพอกัน หรือไปในทางเดียวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เตือนสติของคนมีคู่รักได้ดี รักกันมา 15 ปี มันยาวนานมากพอที่ การกระทำใดใดร่วมกันหรือที่ได้รับ อะไรที่เคยตื่นเต้นเคยหวือหวา มันหายไปแล้วค่ะ มันถูกแทนที่มาด้วยความเคยชิน เป็นเหมือนรักใน comfort zone ของกันและกัน และด้วยความที่เป็น comfort zone มันเลยเกิดการวางใจ และมักจะปล่อยปะละเลยกันง่ายง่าย ประกอบกับความตื่นเต้น ความใจเต้นมันจะค่อยค่อยกลืนหายไป กลายเป็นความราบเรียบสบายสบาย
15ปี ของทั้งคู่เส้นทางของความรักเป็นเส้นทางที่ลาดเอียงไปทางหมอเป้งตลอดเวลา เหมือนทานตะวันวิ่งตาม วิ่งเข้าหา เป้งตลอดเวลา ให้เป้งตลอดเวลา น้อยใจเอง โกรธเอง ทะเลาะเอง ปลอบเอง หายเอง วิ่งเข้าหาใหม่เอง วนลูปแบบนี้ตลอด ชีวิตนางหมุนตามเป้งตลอด (จนนางตัดพ้อว่าไม่เคยมีโอกาสได้เลือกเองเลย) แต่หมอเป้งมองว่าความรักที่ราบเรียบแบบนี้มันสบาย มันดีอยู่แล้ว เพราะเค้าคือคนที่ได้รับ ฉันไม่ต้องทำอะไรมากมัน สบายก็ดีอยู่แล้ว แต่ 15 ปี ของทานตะวันเดินอยู่บนทางชัน ที่ตัวเองต้องพยายามปีนป่ายประคองรักษาไว้ มันเลยเหนื่อย และเกิดคำถามตามมา
หมอเป้ง ผู้เคยได้รับตลอดเวลา ไม่ต้องปรับตัว ไม่เคยต้องตามต้องมองหา ไม่ต้องพยายาม ทานตะวันก็มักจะมาอยู่ในสายตาและทำให้ตลอด เลยเกิดเป็นความเคยชิน ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งยินดี ไม่ได้รู้สึกขอบคุณ จนกลายเป็นละเลยไป
เรามองว่าแกนที่ขับเคลื่อนของความรักคือการที่ต่างฝ่ายต่างได้รับความรู้สึกว่าถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ เป็นคนสำคัญ จากคนข้างกาย ง่ายง่ายคือ ต่างฝ่ายต่างควร give & take ให้พอพอกัน หรือไปในทางเดียวกัน ทางที่เดินร่วมกัน ก็จะเป็นทางที่พอดีไม่ลาดชันไม่เอียงจนอีกฝ่ายลำบากเกินไป แกนตรงนี้ถ้ามันยังอยู่ ยังคงได้รับการตอบสนอง จะอีกกี่ปี จะมีอีกกี่อุปสรรค ความรักก็ไปต่อได้ค่ะ
หมอเป้งไม่เคยเฉลียวใจหรือฉุกใจมาก่อน จนมีเริ่มมีฉลามเข้ามาและรู้สึกว่าแบบนี้มันดีอยู่แล้ว ก็เพราะตัวหมอเป้งได้รับการเติมเต็มตรงนี้มาโดยตลอด ทานตะวันนาง give ให้ตลอด อยู่ฝ่ายเดียว ( ทั้งตื่นเช้ามาทำกับข้าวทุกวัน/ติดผ่าตัดก็เอาดอกไม้ไปนอนรอนั่งรอ/ทำของให้แค่เห็นว่ามันจะทำให้เป้งสบายขึ้น/จองร้านอาหาร/ไปดักรอเจอตอนเช้าแค่ 5 นาที ระหว่างหมอเป้งเดินไปโรงพยาบาล /จัดevent ครบรอบ สะท้อนให้เห็นเลยว่าเพื่อความสุขของอีกคนนึง มันคือผลของความพยายามของอีกคนนึงเหมือนกัน )
ในขณะที่หมอเป้งก็ take ตลอดเวลา ไม่ค่อย give ให้กลับ แถมตอบสนองต่อสิ่งที่ทานตะวันพยายามทำให้ได้ห่วยแตกมาก (ร้องไห้ก็ไม่มีการปลอบ/ไม่มีการแสดงออกว่าคิดถึงขณะที่ไม่ได้เจอกัน/พอถามถึงอนาคตดันตอบว่าไม่มีฉันในนั้นอีก/เหมือนนางไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับหมอเป้ง) ความรู้สึกถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ ฉันเป็นคนสำคัญของเธอ มันไม่ถูกตอบสนอง ไม่เคยถูกเติมเต็มจากหมอเป้งเลยค่ะ มันไม่ใช่เพิ่งเกิดแต่เพราะนางทนมานานแล้ว จนวันหนึ่งต้องมานั่งมอง นั่งถามตัวเองว่า (ทำเพื่ออะไร/ ทั้งที่เธอจะมาหาฉันเมื่อไหร่ก็ได้แต่เธอก็ไม่มา/ถ้าฉันไม่เป็นพยายามไปเจอเธอไปหาเธอเราคนไม่ได้พบกันเลยใช่ไหม)
เมื่อการกระทำ สิ่งที่เคยได้รับมันเปลี่ยนไป ผู้หญิงก็จะเริ่มกลัว ซึ่งความกังวลนี้ ผู้ชายมีหน้าที่จะต้องทำให้ผู้หญิงสบายใจ ซึ่งหมอเป้งไม่ได้ทำเลย เช่นตอนที่ดินเนอร์กัน ทานตะวันถามเรื่องอนาคตเพราะนางเริ่มกังวลและบอกว่าตัวเองรอได้ แต่ต้องรู้ว่าปลายทางที่รอมันจะมีจริง แต่หมอเป้งกลับตอบอีกแบบความกังวลใจเลยยิ่งเพิ่ม ความรักเป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคนเฉพาะบุคคล บางคนอาจจะบอกว่าที่หมอเป้งทำก็ใส่ใจดี เค้าทุ่มเพื่องานแล้ว เพราะสำหรับคุณ หรือหมอเป้งอาจจะคิดว่ามันเพียงพอแล้ว แต่สำหรับทานตะวันมันไม่เพียงพอ
ซึ่งมันมีการส่งสัญญาณตัดพ้อแบบนี้มาเรื่อยเรื่อยจากทานตะวันแต่หมอเป้งก็ไม่ฟังมองข้ามสิ่งเหล่านี้ ทิ้งไว้ไม่แก้ไข (ฟังคู่ของคุณดีที่สุด)
จริงจริงแล้วทานตะวัน เป็นแฟนที่ดีมากมาก เข้าใจ อดทน ซับพอร์ตและพร้อมให้จริงจริง นางดูแลเอาใจใส่ โดยที่ไม่ต้องร้องขอเลย แถมแค่หมอเป้งหยอดนิดหน่อย แสดงท่าที give ให้นางนิดหน่อย ง่ายง่ายสบายสบาย ก็ซื้อใจนางได้แล้วเช่นบอกจะไปดินเนอร์วันลอยกระทงด้วย แค่นี้นางก็ดี๊ด๊าโลดเล่น อยู่ได้สบาย ถ้าเจอผู้หญิงคนอื่นอาจไม่พ้น 5 ปี ด้วยซ้ำ ทานตะวันบ่นว่าคิดถึงความรัก คือ คิดถึงความรู้สึกสิ่งที่เคยได้รับในช่วงแรกแรกที่คบกันค่ะ
เจอกันน้อยหรือแทบไม่เจอกันเลยไม่สำคัญเท่ากับ เวลาที่มีให้กันหรือช่วงที่ไม่เจอกัน มันเป็น quantity time ที่ต่างฝ่ายต่างได้ตอบสนองความรู้สึก ได้รับรู้ว่าเธอก็ยังรักฉัน เธอยังเป็นห่วง ยังใส่ใจกัน ยังมีความสุข ยังมีเราร่วมกัน หรือเปล่า เช่นตอนไม่เจอกันส่ง line ไปว่าคิดถึง /วันครบรอบไม่ว่างไปก็ส่งดอกไม้ไปให้สิหมอ/เค้าทำอะไรมาให้ก็ขอบคุณแสดงอาการดีใจบ้าง) ความรักถ้าสนใจแต่ต้นทางและปลายทางเท่านั้นแต่ระหว่างทางไม่ดูแล มันจะมีปลายทางที่ดีได้ยังไงกัน
ระยะเวลา 15 ปี มันนานจนทำให้คน 2 คนอาจจะลืมอะไรไปบ้าง มันเลยต้องมีการ หมั่นเติม หมั่นหยอด มากระตุ้นใจกันบ้าง เช่น ไปเที่ยวด้วยกัน / ไปทำกิจกรรมใหม่ใหม่ร่วมกัน /ไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณ ขอโทษ ฉันรักเธอ /หรือติดงานมาไม่ได้ก็ส่งขนมมาให้ เดือนละครั้ง ปีละครั้ง อะไรแค่นี้เล็กเล็กน้อยน้อยก็เป็นการเติม การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีแล้วค่ะ
ขณะที่กับฉลาม เป็นผู้ชายประเภท ตอบสนองด้วยความอ่อนโยน เอาใจใส่ เป็นผู้ชายที่ give ให้นางค่ะ
ทานตะวันจากที่ไม่เคยได้รับ แต่กับฉลามได้รับความรู้สึกของการถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจ ได้ตอบสนองในสิ่งที่ขวนขวายหามาตลอดจากหมอเป้ง (อยากร้องไห้ก็ร้องเลยพร้อมเช็ดน้ำตาให้ และยิ่งเกิดขึ้นในสภาวะสถานการณ์ที่กำลังต้องการมากมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทานตะวันจะตกหลุมรักได้ และบอกว่ารักเพราะไม่มีอะไรที่เหมือนเป้งนี่ละ เพราะตอนนางร้องไห้ฉลามไม่แคร์ใครเลยนอกจากความรู้สึกของนาง)
ตอนนี้หมอเป้งน่าจะรู้แล้วว่ารักใน comfort zone ของตัวเองเริ่มสั่นคลอน จากที่เคยเอาแต่ take ไม่ค่อย give จากที่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็น priority ของทานตะวันมาโดยตลอด 15 ปี จากความรู้สึกที่เคยถูกรักถูกเอาใจใส่เริ่มหาย สิ่งเหล่านี้เริ่มไหลไปทางฉลาม (แค่ผ่านมาไม่กี่วันไม่กี่เดือน หมอเป้งยังแสดงออกว่าไม่พอใจ ร้อนรน ฉุกใจ เพราะอะไรที่ตัวเองเคยได้รับ ได้สิทธิ์มันไม่เหมือนเดิม มองมาที่ ทานตะวันผู้ซึ่งไม่เคยเป็น priority ของหมอเป้งเลย นางก็อดทนมาได้ 5 ปี นะคะ) ดังนั้นคนที่ด่านางว่าใจง่ายเห็นใจนางหน่อย
ที่สำคัญ ทานตะวัน หวั่นไหวเพราะ ฉลามมักจะมาถูกที่ ถูกเวลา(เวลาที่นางช็อคเสียใจเฟลสุดสุด รถชนทั้งตกใจและบาดเจ็บ หวาดกลัวแต่หมอเป้งก็ทิ้งนางไว้ /วันลอยกระทง หลังจาก 5 ปีที่ไม่มีการเดท ทั้งที่เลือกที่จะไม่ไปก็ได้แต่ก็ไป/ถามถึงอนาคตก็ไม่มีให้)
และฉลามมักยิงตรงในสิ่งที่ตัวนางต้องการและไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากหมอเป้งมาก่อนเลย(การปลอบใจ/การแคร์ความรู้สึกนางเป็นที่1/รู้สึกว่ามีความสำคัญไม่ต้องวิ่งตาม ไม่ต้องมองหา ไล่ก็ไม่ไป) เหมือนถูกชกน็อคในขณะที่กำลังจะล้มจากการแยบเรื่อยเรื่อยของหมอเป้ง เหมือนมีคนยื่นมือมาดึงช่วยตอนที่กำลังจะล้มจากการสะบัดมือบ่อยบ่อยของหมอเป้ง มันเลยกลายเป็นความประทับใจและความหวั่นไหวได้ไม่ยากเลย
ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนางพยายามอย่างมากที่จะรักษาความสัมพันธ์15 ปีนี้ไว้ พยายามผลักไส พยายามห้ามใจ เบรกตัวเองอยู่ตลอดด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ในชีวิตจริงมันจะมีไหมครับ ที่รักกันมา 15 ปีแล้วจะมาหวั่นไหวกับใครก็ไม่รู้เนี่ยครับ