ในชีวิตจริงมันจะมีไหมครับ ที่รักกันมา 15 ปีแล้วจะมาหวั่นไหวกับใครก็ไม่รู้เนี่ยครับ

ในชีวิตจริงมันจะมีไหมครับ ที่รักกันมา 15 ปีแล้วจะมาหวั่นไหวกับใครก็ไม่รู้เนี่ยครับ อันนี้พูดเพราะรู้สึกว่า ทานตะวันจะหวั่นไหวกับหมอฉลามง่ายไปหน่อยนะครับ 
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนมากค่ะ ใครที่คบกันนานนาน 10ปี+ จะเข้าใจอารมณ์โทนความรักแบบนี้เลยค่ะ คือมันไม่หวือหวา แต่เป็นความรักแบบราบเรียบ สบายสบาย แต่จะไปกันต่อไปรอดเรื่อยๆ ในปีต่อต่อไปนั้น ในความราบเรียบนั้น ก็ยังคงต้องการความใส่ใจ เข้าใจ ซื่อสัตย์​ เอาใจใส่กันและกันอยู่เสมอ  +มีการเติมความหวานบ้างนิดนิดหน่อยหน่อย กระตุ้นใจกันบ้าง

ความรักที่ดีคือความรักที่เรียนรู้ที่จะ give&take พอพอกัน หรือไปในทางเดียวกัน  เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เตือนสติของคนมีคู่รักได้ดี รักกันมา 15 ปี มันยาวนานมากพอที่ การกระทำใดใดร่วมกันหรือที่ได้รับ  อะไรที่เคยตื่นเต้นเคยหวือหวา มันหายไปแล้วค่ะ  มันถูกแทนที่มาด้วยความเคยชิน เป็นเหมือนรักใน comfort zone ของกันและกัน และด้วยความที่เป็น comfort zone มันเลยเกิดการวางใจ และมักจะปล่อยปะละเลยกันง่ายง่าย ประกอบกับความตื่นเต้น   ความใจเต้นมันจะค่อยค่อยกลืนหายไป กลายเป็นความราบเรียบสบายสบาย

15ปี ของทั้งคู่เส้นทางของความรักเป็นเส้นทางที่ลาดเอียงไปทางหมอเป้งตลอดเวลา เหมือนทานตะวันวิ่งตาม วิ่งเข้าหา เป้งตลอดเวลา ให้เป้งตลอดเวลา  น้อยใจเอง โกรธเอง ทะเลาะเอง ปลอบเอง หายเอง วิ่งเข้าหาใหม่เอง วนลูปแบบนี้ตลอด  ชีวิตนางหมุนตามเป้งตลอด (จนนางตัดพ้อว่าไม่เคยมีโอกาสได้เลือกเองเลย)​  แต่หมอเป้งมองว่าความรักที่ราบเรียบแบบนี้มันสบาย  มันดีอยู่แล้ว เพราะเค้าคือคนที่ได้รับ ฉันไม่ต้องทำอะไรมากมัน สบายก็ดีอยู่แล้ว  แต่ 15 ปี ของทานตะวัน​เดินอยู่บนทางชัน ที่ตัวเองต้องพยายามปีนป่ายประคองรักษาไว้ มันเลยเหนื่อย และเกิดคำถามตามมา

หมอเป้ง ผู้เคยได้รับตลอดเวลา  ไม่ต้องปรับตัว ไม่เคยต้องตามต้องมองหา ไม่ต้องพยายาม  ทานตะวันก็มักจะมาอยู่ในสายตาและทำให้ตลอด เลยเกิดเป็นความเคยชิน ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งยินดี ไม่ได้รู้สึกขอบคุณ  จนกลายเป็นละเลยไป

เรามองว่าแกนที่ขับเคลื่อนของความรักคือการที่ต่างฝ่ายต่างได้รับความรู้สึกว่าถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ เป็นคนสำคัญ จากคนข้างกาย ง่ายง่ายคือ ต่างฝ่ายต่างควร give & take ให้พอพอกัน หรือไปในทางเดียวกัน ทางที่เดินร่วมกัน  ก็จะเป็นทางที่พอดีไม่ลาดชันไม่เอียงจนอีกฝ่ายลำบากเกินไป  แกนตรงนี้ถ้ามันยังอยู่ ยังคงได้รับการตอบสนอง  จะอีกกี่ปี จะมีอีกกี่อุปสรรค ความรักก็ไปต่อได้ค่ะ 

หมอเป้งไม่เคยเฉลียวใจหรือฉุกใจมาก่อน จนมีเริ่มมีฉลามเข้ามาและรู้สึกว่าแบบนี้มันดีอยู่แล้ว  ก็เพราะตัวหมอเป้งได้รับการเติมเต็มตรงนี้มาโดยตลอด  ทานตะวันนาง give ให้ตลอด อยู่ฝ่ายเดียว ( ทั้งตื่นเช้ามาทำกับข้าวทุกวัน/ติดผ่าตัดก็เอาดอกไม้ไปนอนรอนั่งรอ/ทำของให้แค่เห็นว่ามันจะทำให้เป้งสบายขึ้น/จองร้านอาหาร/ไปดักรอเจอตอนเช้าแค่ 5 นาที ระหว่างหมอเป้งเดินไปโรงพยาบาล /จัดevent ครบรอบ สะท้อนให้เห็นเลยว่าเพื่อความสุขของอีกคนนึง มันคือผลของความพยายามของอีกคนนึงเหมือนกัน   )​

ในขณะที่หมอเป้งก็ take ตลอดเวลา ไม่ค่อย give ให้กลับ  แถมตอบสนองต่อสิ่งที่ทานตะวันพยายามทำให้ได้ห่วยแตกมาก (ร้องไห้ก็ไม่มีการปลอบ/ไม่มีการแสดงออกว่าคิดถึงขณะที่ไม่ได้เจอกัน/พอถามถึงอนาคตดันตอบว่าไม่มีฉันในนั้นอีก/เหมือนนางไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับหมอเป้ง)​ ความรู้สึกถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ ฉันเป็นคนสำคัญของเธอ มันไม่ถูกตอบสนอง ไม่เคยถูกเติมเต็มจากหมอเป้งเลยค่ะ  มันไม่ใช่เพิ่งเกิดแต่เพราะนางทนมานานแล้ว  จนวันหนึ่งต้องมานั่งมอง นั่งถามตัวเองว่า (ทำเพื่ออะไร/ ทั้งที่เธอจะมาหาฉันเมื่อไหร่ก็ได้แต่เธอก็ไม่มา/ถ้าฉันไม่เป็นพยายามไปเจอเธอไปหาเธอเราคนไม่ได้พบกันเลยใช่ไหม)​

เมื่อการกระทำ สิ่งที่เคยได้รับมันเปลี่ยนไป ผู้หญิงก็จะเริ่มกลัว ซึ่งความกังวลนี้ ผู้ชายมีหน้าที่จะต้องทำให้ผู้หญิงสบายใจ ซึ่งหมอเป้งไม่ได้ทำเลย  เช่นตอนที่ดินเนอร์​กัน  ทานตะวันถามเรื่องอนาคตเพราะนางเริ่มกังวลและบอกว่าตัวเองรอได้ แต่ต้องรู้ว่าปลายทางที่รอมันจะมีจริง  แต่หมอเป้งกลับตอบอีกแบบความกังวลใจเลยยิ่งเพิ่ม ความรักเป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคนเฉพาะบุคคล บางคนอาจจะบอกว่าที่หมอเป้งทำก็ใส่ใจดี เค้าทุ่มเพื่องานแล้ว เพราะสำหรับคุณ หรือหมอเป้งอาจจะคิดว่ามันเพียงพอแล้ว แต่สำหรับทานตะวันมันไม่เพียงพอ
ซึ่งมันมีการส่งสัญญาณตัดพ้อแบบนี้​มาเรื่อย​เรื่อย​จากทานตะวันแต่หมอเป้งก็ไม่ฟังมองข้ามสิ่งเหล่านี้ ทิ้งไว้ไม่แก้ไข (ฟังคู่ของคุณดีที่สุด)​

จริงจริงแล้วทานตะวัน เป็นแฟนที่ดีมากมาก  เข้าใจ อดทน  ซับพอร์ต​และพร้อมให้จริงจริง นางดูแลเอาใจใส่  โดยที่ไม่ต้องร้องขอเลย แถมแค่หมอเป้งหยอดนิดหน่อย แสดงท่าที give ให้นางนิดหน่อย ง่ายง่ายสบายสบาย ก็ซื้อใจนางได้แล้วเช่นบอกจะไปดินเนอร์วันลอยกระทงด้วย  แค่นี้นางก็ดี๊ด๊าโลดเล่น อยู่ได้สบาย ถ้าเจอผู้หญิงคนอื่นอาจไม่พ้น 5 ปี ด้วยซ้ำ  ทานตะวันบ่นว่าคิดถึงความรัก คือ คิดถึงความรู้สึกสิ่งที่เคยได้รับในช่วงแรกแรกที่คบกันค่ะ

เจอกันน้อยหรือแทบไม่เจอกันเลยไม่สำคัญเท่ากับ เวลาที่มีให้กันหรือช่วงที่ไม่เจอกัน มันเป็น quantity​ time ที่ต่างฝ่ายต่างได้ตอบสนองความรู้สึก ได้รับรู้ว่าเธอก็ยังรักฉัน เธอยังเป็นห่วง ยังใส่ใจกัน ยังมีความสุข ยังมีเราร่วมกัน หรือเปล่า  เช่นตอนไม่เจอกันส่ง line ไปว่าคิดถึง /วันครบรอบไม่ว่างไปก็ส่งดอกไม้ไปให้สิหมอ/เค้าทำอะไรมาให้ก็ขอบคุณแสดงอาการดีใจบ้าง)​ ความรักถ้าสนใจแต่ต้นทางและปลายทางเท่านั้นแต่ระหว่างทางไม่ดูแล มันจะมีปลายทางที่ดีได้ยังไงกัน

ระยะเวลา 15 ปี มันนานจนทำให้คน 2 คนอาจจะลืมอะไรไปบ้าง มันเลยต้องมีการ หมั่นเติม หมั่นหยอด มากระตุ้นใจกันบ้าง เช่น ไปเที่ยวด้วยกัน / ไปทำกิจกรรมใหม่ใหม่ร่วมกัน​ /ไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณ​ ขอโทษ ฉันรักเธอ /หรือติดงานมาไม่ได้ก็ส่งขนมมาให้ เดือนละครั้ง ปีละครั้ง  อะไรแค่นี้เล็กเล็กน้อยน้อยก็เป็นการเติม การรักษาความสัมพันธ์​ที่ดีแล้วค่ะ

ขณะที่กับฉลาม เป็นผู้ชายประเภท ตอบสนองด้วยความอ่อนโยน เอาใจใส่ เป็นผู้ชายที่ give ให้นางค่ะ
ทานตะวันจากที่ไม่เคยได้รับ   แต่กับฉลามได้รับความรู้สึกของการถูกรัก ถูกดูแล ถูกเอาใจ ได้ตอบสนองในสิ่งที่ขวนขวายหามาตลอดจากหมอเป้ง  (อยากร้องไห้ก็ร้องเลยพร้อมเช็ดน้ำตาให้  และยิ่งเกิดขึ้นในสภาวะสถานการณ์​ที่กำลังต้องการมากมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทานตะวันจะตกหลุมรักได้ และบอกว่ารักเพราะไม่มีอะไรที่เหมือนเป้งนี่ละ เพราะตอนนางร้องไห้ฉลามไม่แคร์ใครเลยนอกจากความรู้สึก​ของนาง)​

ตอนนี้หมอเป้งน่าจะรู้แล้วว่ารักใน comfort zone ของตัวเองเริ่มสั่นคลอน จากที่เคยเอาแต่ take ไม่ค่อย give  จากที่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็น priority ของทานตะวันมาโดยตลอด 15  ปี  จากความรู้สึกที่เคยถูกรักถูกเอาใจใส่เริ่มหาย  สิ่งเหล่านี้เริ่มไหลไปทางฉลาม (แค่ผ่านมาไม่กี่วันไม่กี่เดือน หมอเป้งยังแสดงออกว่าไม่พอใจ ร้อนรน ฉุกใจ เพราะอะไรที่ตัวเองเคยได้รับ  ได้สิทธิ์​มันไม่เหมือนเดิม มองมาที่ ทานตะวันผู้ซึ่งไม่เคยเป็น priority ของหมอเป้งเลย นางก็อดทนมาได้  5 ปี นะคะ)​ ดังนั้นคนที่ด่านางว่าใจง่ายเห็นใจนางหน่อย

ที่สำคัญ ทานตะวัน หวั่นไหวเพราะ ฉลามมักจะมาถูกที่ ถูกเวลา(เวลาที่นางช็อคเสียใจเฟลสุดสุด รถชนทั้งตกใจและบาดเจ็บ หวาดกลัวแต่หมอเป้งก็ทิ้งนางไว้ /วันลอยกระทง หลังจาก 5 ปีที่ไม่มีการเดท ทั้งที่เลือกที่จะไม่ไปก็ได้แต่ก็ไป/ถามถึงอนาคตก็ไม่มีให้)

​  และฉลามมักยิงตรงในสิ่งที่ตัวนางต้องการ​และไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากหมอเป้งมาก่อนเลย(การปลอบใจ/การแคร์ความรู้สึกนางเป็นที่1/รู้สึกว่ามีความสำคัญไม่ต้องวิ่งตาม ไม่ต้องมองหา ไล่ก็ไม่ไป)​  เหมือนถูกชกน็อคในขณะที่กำลังจะล้มจากการแยบเรื่อยเรื่อยของหมอเป้ง  เหมือนมีคนยื่นมือมาดึงช่วยตอนที่กำลังจะล้มจากการสะบัดมือบ่อยบ่อยของหมอเป้ง  มันเลยกลายเป็นความประทับใจและความหวั่นไหว​ได้ไม่ยากเลย

  ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวนางพยายามอย่างมากที่จะรักษาความสัมพันธ์​15 ปีนี้ไว้ พยายามผลักไส พยายามห้ามใจ  เบรกตัวเองอยู่ตลอดด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่