こんにちは。คอนนิจิวะ อยู่ๆ ก็อินกับความเป็นญี่ปุ่นขึ้นมาซะงั้น แต่จะไม่ให้อินได้ไง เพราะว่าที่ญี่ปุ่นอะไรๆ ก็ดีย์ไปหมด ทั้งเมือง ทั้งผู้ชาย รวมไปถึงพวกสกินแคร์ต่างๆ ที่เวลาบินไปเที่ยวทีนึง ก็ต้องไปหอบตุนแบบศุลกากรต้องขอเรียกคุย /เลิ่กลั่ก 

ซึ่งสกินแคร์ที่ดังๆ ที่ญี่ปุ่น จะเป็นพวกวิตซีต่างๆ ส่วนตัวที่สาวญี่ปุ่นใช้กันจริงจัง ใช้จนเราต้องใช้ตาม และเป็นกระแสในเว็ป Cosme ของญี่ปุ่นมานานแล้ว รีวิวเพียบ ซึ่งเวลาเราไปเที่ยวญี่ปุ่นเวลาเดินเข้าร้าน Cosme (เป็นร้านที่รวมสกินแคร์สุดฮอต) ก็จะวางเด่นอยู่หน้าร้าน ซึ่งเค้าก็ได้รางวัล The Best cosmetic award 2018 (best Serum and Booster category) at @cosme และตอนนี้เค้านี้มีขายในไทยแล้วเน้อ ส่งตรงจากญี่ปุ่นกันมาเลย ใช้เปลืองๆ แบบไม่ต้องกลัวหมดกันได้แล้ว 55555 แถมยังได้รางวัล Best Brightening Serum 2018 จาก The Cleo Beauty Hall of Fame อีกด้วย เชื่อว่ารางวัลนี้หลายคนคงเคยเห็นๆ กัน เพราะว่ามันจะชอบติดอยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์

ซึ่งวันนี้เราจะมาแชร์ให้แบบหมดเปลือกให้ดูกันว่า เค้าดีแบบสมมง สมรางวัลจริงมั้ย หรือว่าเค้าล็อกมง มาดูไปพร้อมกันเลยจ้า

| ช่วงเข้าคลาสวิตามินซี 101 |

แต่ก่อนอื่นขอขยายความของ Vitamin C แบบฉบับย่อให้เข้าใจกันง่ายๆ ว่ามันทำหน้าที่อะไร ทำไมผิวเราถึงต้องการมัน และทำไมสาวญี่ปุ่นรวมถึงสาวไทยที่อยากมีผิวกระจ่างใส ดูสุขภาพดี ต้องเรียกกันตลอดเวลา

อนุพันธ์วิตามินซี สามารถช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวเต่งตึง ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสียูวีของแสงแดด ช่วยให้เซลล์ผิวหนังได้ปรับสภาพ คอลลาเจนซึ่งเป็นใยโปรตีนในหนังแท้จะมีสุขภาพแข็งแรงอัดแน่น ช่วยยืดหยุ่นผิว และการที่วิตามินซีช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน จึงมีคุณสมบัติรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น

และด้วยวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำได้ การออกมาเป็นรูปแบบเอสเซ้นซ์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบก็ยิ่งได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการทาวิตามินซีลงบนผิว ถือว่าเป็นการบำรุงเข้าสู่ผิวที่ง่ายและดีที่สุดนั่นเองจ้าาาา

แต่ถึงความดีงามจะอัดแน่นรวมกันแบบนี้ มันก็ถูกทำลายได้ง่ายๆ เพียงโดนแสงแดด และอากาศ Melano CC เค้าก็เลยออกแบบแพกเกจให้เป็นหลอดทึบแสง แดดเข้าไม่ถึงข้างในแน่นอน 100% และเป็นหัวแบบสปอต ที่ทำมาเพื่อให้เอสเซ้นซ์สามารถออกมาได้ทีละหยด และอากาศไม่สามารถเข้าไปได้ (ทฤษฎีออกได้แต่เข้าไม่ได้นั้นเอง 555) ตอนที่ใช้มันก็เลยทำให้เรามั่นใจว่าทุกหยดคือวิตามินซีเข้มข้น ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ 100%

| ส่วนสรรพคุณที่ทางแบรนด์เค้าเคลม |

เอสเซ้นซ์บำรุงผิวหน้า มีส่วนผสมของวิตามินซีเข้มข้น (Pure Vitamin C) มีประสิทธิภาพช่วยลดเลือนจุดด่างดำให้ดูจางลง ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุของรอยด่างดำบนใบหน้า ช่วยลดสาเหตุการเกิดสิว ฝ้า กระ และช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าชุ่มชื่น ดูกระจ่างเห็นผลได้ใน 14 วัน

| ส่วนประกอบหลัก |

- Pure Vitamin C ช่วยลดเลือนจุดด่างดำให้ดูจางลง ซึ่ง Pure Vitamin C จะบอกว่าก็มีหลายๆ แบรนด์นะ ที่เคลมแบบนี้ แต่

- ราคามันค่อนข้างที่จะสูงเอาเรื่องมาก เพราะว่ามันเป็นวิตามินซีแบบเข้มข้น

- Vitamin E ช่วยให้ความชุ่มชื่นและช่วยการหมุนเวียนของเลือด

- Alpinia White ช่วยให้ความชุ่มชื่น และเพิ่มความกระจ่างใส

อะความส่งตรงมาจากญี่ปุ่น ก็คือรายละเอียดต่างๆ ยังเป็นภาษาญี่ปุ่น อีกด้านจะเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งหลอดนี้มาในขนาด 20 ml. 480 บาท

| ตัวผลิตภัณฑ์และวิธีใช้ |

ตัวนี้จะเป็นเอสเซ้นซ์ใสๆ กลิ่นซีตรัส ผ่อนคลายมากๆ ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ตอนใช้เราจะหยดออกมา 4-5 หยด เพื่อให้มันพอทามาถึงคอ เพราะตัวนี้มันช่วยให้หน้าเรากระจ่างใสขึ้น ถ้าไม่ทาคอด้วยก็กลัวว่าหน้าจะลาลาลอย ส่วนตอนใช้เราจะหยดลงมาที่มือเผื่อวนๆ เนื้อผลิตภัณฑ์ก่อนให้อุ่นๆ แล้วค่อยทาไปที่หน้า เรารู้สึกแบบนี้มันได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอะ และเราจะทาตัวนี้เป็นตัวแรกสุด เพราะเนื้อมันบางเบา และค่อยทาสกินแคร์อื่นทับลงไป

| ช่วงระหว่างใช้และหลังใช้ครบ 2 สัปดาห์ มันเป็นยังไง ไหนเหลามาสิ.. |

เรื่องความกระจ่างใส ::  ในส่วนนี้จะบอกว่าเค้าทำหน้าที่ได้ดีจริง คือช่วง 2-3 วันแรกอะ จะสังเกตได้ตอนที่เราตื่นนอน ว่าหน้าไม่มีรอยแดงตามร่องจมูกแล้วหน้าแก้ม เพราะปกติเราจะมีทุกวัน และพอใช้ไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ว่าหน้ามันสว่างขึ้น ใสขึ้น แต่งหน้าติดดีขึ้นด้วย น่าจะเพราะว่าผิวหน้าของเราเรียบเนียนขึ้น 

รอยสิว :: รอยสิวไวเหมือนกัน คือมันจะมีช่วงที่เราชอบบีบสิว แล้วรอยมันจะค่อนข้างดำแบบยาวนานเป็นเดือนๆ แต่ระหว่างที่ใช้ตัวรอยดำมันจางค่อนข้างไว ประมาณ 1 อาทิตย์ รอยก็คือดีขึ้น จางลงมากๆ คิดว่ามันน่าจะเข้าไปฟื้นฟูเซลล์ผิวข้างในอะ 

รูขุมขน :: เรื่องรูขุมขนบอกตรงๆ ว่ามันดูค่อนข้างยากนะ ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง เราว่าต้องใช้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าดียังไงเราจะอัพเดท แต่โดยรวมคือผิวมันเนียนขึ้นก็ถือว่าฟินแล้ว 

ผลข้างเขียง :: ระหว่างที่ใช้ไม่มีอาการแพ้ เพราะตอนแรกก็ยอมรับตรงๆ ว่าแอบกลัวเหมือนกัน เพราะมันเป็น Pure Vitamin C ที่มีความเข้มข้นสูง ก็กลัวว่าจะแพ้ แต่ก็ขอเสี่ยงเพราะด้วยรางวัลการันตีต่างๆ สรุปก็คือ ใช้ยาวๆ ไปเลยจ้า เพราะไม่แพ้ สิวไม่ขึ้น ไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นระหว่างใช้

                  

                                                                                      | หลังใช้ครบ ครบเดือนกว่าๆ | 

    

โดยรวมๆ ที่พูดมาข้างบนดีขึ้นเรื่อยๆ เลย หน้าไบร์ทขึ้น ใสขึ้นเรื่อยๆ รอยแดงจากสิวคือจางหายไปเลย ส่วนรอยดำยังไม่จาง น่าจะต้องใช้เวลากว่านี้ และผลอีกอย่างที่เราชอบคือผดเล็กๆ ที่เราชอบจากอากาศร้อน หรือพวกมลภาวะงี้อะ มันก็ลดลง เหมือนมันปรับสภาพผิวให้เราแข็งแรงขึ้น

และนี่ก็เป็นผลลัพธ์และการใช้สำหรับผิวเรา ซึ่งเราว่า Melano CC ฉบับเอสเซ้นซ์ มีความสมมงอย่างที่เค้าเลื่องชื่อจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วิตซีอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ใครที่เป็นสิวเยอะๆ แล้วอยากกู้หน้าใสกลับมา เราแนะนำให้เคลียร์สิวออกก่อน แล้วค่อยเริ่มใช้ตัวนี้ มันช่วยรอยสิวให้จางค่อนข้างไว ยังไงก็ลองดูกันนะคะ วันนี้ไปละค่า ^_________^