เรามีปัญหากับเพื่อนคนหนึ่งในห้อง ไม่เชิงว่ามีปัญหา แต่เรารับนิสัยเค้าไม่ได้ สุดท้ายเราเลยปลีกตัวออกมาแทน ไม่คุยไม่สุงสิง ส่วนหนึ่งคือเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมา เพราะเค้าบอกว่าเค้าเป็นโรคซึมเศร้า! เกิดเค้านึกอยากตายเพราะเราเป็นสาเหตุนี่ซวยเลย นั่นแหละ เราเลยเลือกที่จะไม่เข้าใกล้เค้าแทน
ทีนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านี้ แต่มันอยู่ที่เพื่อนเราต่างหาก ด้วยความที่เราอยู่เป็นกลุ่ม ละในกลุ่มจะมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง คืออารมณ์ประมาณว่าเป็นกลุ่มเพื่อนไง เราเกลียดใครไม่ชอบใคร เราก็เล่าให้ฟัง ทีนี้เราก็เล่าเรื่องที่ไม่ชอบไอ้คนที่เป็นโรคซึมเศร้านี่ล่ะ เพื่อนเราคนนี้มันก็บอกว่าไม่ชอบ ตอนคุยๆกันก็พูดเชิงว่า อาการมันไม่เหมือนที่เราเคยรู้ เหมือนเค้ามโนไปเองไรงี้ แต่ก็เพราะว่า โรคซึมเศร้าคนนอกไม่ค่อยเข้าใจ เราเลยคุยกับเพื่อนว่าในเมื่อไม่เข้าใจมัน ปรับเข้ากับมันไม่ได้เราก็ปลีกตัวออกมาแทน ซึ่งเราแยกออกมาแล้วไง แล้วเพื่อนคนนนี้ทั้งๆที่พูดว่าไม่ชอบแบบนู้นแบบนี้ แต่เวลาทำงาน เวลาเดิน เวลาพูดอะไร แทนที่จะมาหาเรากลับเลือกไปกับคนที่เราไม่ชอบ
ประเด็นคือเรารู้สึกว่าเพื่อนเราคนนี้เหมือนเลือกที่จะเข้าหาแต่กับคนที่มีประโยชน์มากกว่า คือไอ้คนที่เปนโรคเนี่ย มันเป็นน้องของครูในโรงเรียน มันเป็นเด็กเมือง มันเป็นคนที่มีครบทุกอย่าง ละเราอะก็มีเท่าที่มี เพียงแค่ฉลาดกว่า เท่านั้น
ประเด็นสองคือเรารู้สึกเหมือนโดนหักหลัง คือนึกดูสิ เรานินนทานางสาว ก ละเพื่อนคนนี้ก็ร่วมนินทาด้วย พูดเออออไปกับเรา แต่พอมาอีกวันเห็นหัวเราะคิกคักคุยกันประหนึ่งว่าสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนน นกสองหัว!!! โว้ยยยยย!! อารมณ์ขึ้น
ประเด็นสามคือเราเริ่มไม่สนิทใจ วันนั้นเราไม่ได้พูดกับใคร ยอมรับว่าเฟลมาก เพื่อนในกลุ่มอีกสองคนก็มาชวนคุยอะไรกันปกติ แต่อีเพื่อนคนนั้นไม่แม้แต่จะเข้ามาหาเรา คือเราก็ยอมรับว่าอาจจะเป็นเพราะเราไม่เข้าไปทักก่อนแต่

คือกูต้องเข้าไปทักก่อนหรอวะ กูยอมมาแค่ไหนแล้ว ฮะ อีเวงงง(โทษค่ะ อารมณ์มันขึ้น)
ประเด็นที่สี่ สรุปว่าจนป่านนี้เราก็ยังไม่ได้คุยกับเพื่อนคนนั้น คือเราคิดว่าดีแล้วที่ออกมาจากคนเห็นแก่ตัวอย่างมันได้ แต่ก็เสียดายความสัมพันธ์อะ เพราะจะว่าไปบางทีมันก็ดี มันก็คอยช่วย
ที่ตั้งกระทู้ก็เพื่อจะถามว่าเราควรทำยังไงดี มันเหนื่อย ยิ่งเราเป็นพวกเซนซิทีฟกับเพื่อน เพราะเคยมีปมแบบนี้มาก่อนด้วย
ปล. อย่าพึ่งด่านะคะว่าทำไมเราถึงเกลียดไอคนที่เป็นโรคนั้น รู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าก็ควรจะเห็นใจเพื่อนสิอะไรงี้ คือตอนแรกเราก็คุยดี ยิ่งเป็นเพื่อนที่ย้ายมาใหม่เมื่อต้นเทอม เราก็พร้อมช่วย แต่แบบเหมือนโดนแย่งที่อะ อย่างพอเพื่อนต้องการใช้โน้ตบุค เราทำท่าจะถามว่าเอาของเรามั้ย มันก็แทรกขึ้นมา เวลาครูพูดอะไร เราทำท่าจะตอบมันก็เสนอหน้าตอบ ทำตัวสนิทกับครูทุกคนเพราะว่าเป็นน้องสาวของครูในโรงเรียน บางเรื่องเราไม่อยากรู้ก็ทำเป็นพูด ทำว่ารู้มากกว่าคนอื่นๆ คือเราอยากจะบอกว่า ถึงกูจะเรียนอยู่ในชนบทแต่กูก็รู้นะ บ้านกูมีเทคโนโลยีไรงี้ แล้วยิ่งเราเป็นพวกที่พอคิดคำนวณไรแล้วจะเผลอเคาะโต๊ะ กดปากกา แล้วมันก็มักจะห้าม มันบอกว่ามันไม่ชอบ มันกระทบกับระบบประสาท

ไรก็ไม่รู้ แรกๆเราก็พยายามปรับ ไม่กดบ้าง เปลี่ยนปากกาบ้าง แต่มันก็มีช่วงเผลอ ซึ่งไอ้ช่วงเผลอเนี่ย มันจะยื่นมือมาจับตลอดเลย ห้ามกรี๊ดบ้าง ห้ามเลื่อนเก้าอี้ให้เสียงดัง(แต่มัน

ทำเอง ทั้งกร๊ด ทั้งเสียงดัง) บางทีอยู่ๆมันก็ตวาดว่าเพื่อนที่คุยกันอยู่ด้านหน้าว่าเสียงดัง รำคาญ
เราว่า เราอาจจะเก็บกดจนตายเลยก็ได้ถ้าอยู่กับมัน
อยู่ๆก็ไม่คุยกับเพื่อน
ทีนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านี้ แต่มันอยู่ที่เพื่อนเราต่างหาก ด้วยความที่เราอยู่เป็นกลุ่ม ละในกลุ่มจะมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง คืออารมณ์ประมาณว่าเป็นกลุ่มเพื่อนไง เราเกลียดใครไม่ชอบใคร เราก็เล่าให้ฟัง ทีนี้เราก็เล่าเรื่องที่ไม่ชอบไอ้คนที่เป็นโรคซึมเศร้านี่ล่ะ เพื่อนเราคนนี้มันก็บอกว่าไม่ชอบ ตอนคุยๆกันก็พูดเชิงว่า อาการมันไม่เหมือนที่เราเคยรู้ เหมือนเค้ามโนไปเองไรงี้ แต่ก็เพราะว่า โรคซึมเศร้าคนนอกไม่ค่อยเข้าใจ เราเลยคุยกับเพื่อนว่าในเมื่อไม่เข้าใจมัน ปรับเข้ากับมันไม่ได้เราก็ปลีกตัวออกมาแทน ซึ่งเราแยกออกมาแล้วไง แล้วเพื่อนคนนนี้ทั้งๆที่พูดว่าไม่ชอบแบบนู้นแบบนี้ แต่เวลาทำงาน เวลาเดิน เวลาพูดอะไร แทนที่จะมาหาเรากลับเลือกไปกับคนที่เราไม่ชอบ
ประเด็นคือเรารู้สึกว่าเพื่อนเราคนนี้เหมือนเลือกที่จะเข้าหาแต่กับคนที่มีประโยชน์มากกว่า คือไอ้คนที่เปนโรคเนี่ย มันเป็นน้องของครูในโรงเรียน มันเป็นเด็กเมือง มันเป็นคนที่มีครบทุกอย่าง ละเราอะก็มีเท่าที่มี เพียงแค่ฉลาดกว่า เท่านั้น
ประเด็นสองคือเรารู้สึกเหมือนโดนหักหลัง คือนึกดูสิ เรานินนทานางสาว ก ละเพื่อนคนนี้ก็ร่วมนินทาด้วย พูดเออออไปกับเรา แต่พอมาอีกวันเห็นหัวเราะคิกคักคุยกันประหนึ่งว่าสนิทกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนน นกสองหัว!!! โว้ยยยยย!! อารมณ์ขึ้น
ประเด็นสามคือเราเริ่มไม่สนิทใจ วันนั้นเราไม่ได้พูดกับใคร ยอมรับว่าเฟลมาก เพื่อนในกลุ่มอีกสองคนก็มาชวนคุยอะไรกันปกติ แต่อีเพื่อนคนนั้นไม่แม้แต่จะเข้ามาหาเรา คือเราก็ยอมรับว่าอาจจะเป็นเพราะเราไม่เข้าไปทักก่อนแต่
ประเด็นที่สี่ สรุปว่าจนป่านนี้เราก็ยังไม่ได้คุยกับเพื่อนคนนั้น คือเราคิดว่าดีแล้วที่ออกมาจากคนเห็นแก่ตัวอย่างมันได้ แต่ก็เสียดายความสัมพันธ์อะ เพราะจะว่าไปบางทีมันก็ดี มันก็คอยช่วย
ที่ตั้งกระทู้ก็เพื่อจะถามว่าเราควรทำยังไงดี มันเหนื่อย ยิ่งเราเป็นพวกเซนซิทีฟกับเพื่อน เพราะเคยมีปมแบบนี้มาก่อนด้วย
ปล. อย่าพึ่งด่านะคะว่าทำไมเราถึงเกลียดไอคนที่เป็นโรคนั้น รู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าก็ควรจะเห็นใจเพื่อนสิอะไรงี้ คือตอนแรกเราก็คุยดี ยิ่งเป็นเพื่อนที่ย้ายมาใหม่เมื่อต้นเทอม เราก็พร้อมช่วย แต่แบบเหมือนโดนแย่งที่อะ อย่างพอเพื่อนต้องการใช้โน้ตบุค เราทำท่าจะถามว่าเอาของเรามั้ย มันก็แทรกขึ้นมา เวลาครูพูดอะไร เราทำท่าจะตอบมันก็เสนอหน้าตอบ ทำตัวสนิทกับครูทุกคนเพราะว่าเป็นน้องสาวของครูในโรงเรียน บางเรื่องเราไม่อยากรู้ก็ทำเป็นพูด ทำว่ารู้มากกว่าคนอื่นๆ คือเราอยากจะบอกว่า ถึงกูจะเรียนอยู่ในชนบทแต่กูก็รู้นะ บ้านกูมีเทคโนโลยีไรงี้ แล้วยิ่งเราเป็นพวกที่พอคิดคำนวณไรแล้วจะเผลอเคาะโต๊ะ กดปากกา แล้วมันก็มักจะห้าม มันบอกว่ามันไม่ชอบ มันกระทบกับระบบประสาท
เราว่า เราอาจจะเก็บกดจนตายเลยก็ได้ถ้าอยู่กับมัน