รถไฟ 3 สนามบิน ซีพีสะดุดตอรฟท. แต่ต้องลุกไปต่อแบบน่วม ๆ

สถานการณ์ล่าสุดโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รฟท.แก้เกี้ยวที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างได้ทันเวลาตามกำหนดก่อนเซ็นสัญญา จึงหาทางออกด้วยการให้ซีพีเซ็นสัญญาไปก่อน เพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐบาลต้องการให้เซ็นสัญญาภายในเดือนก.ย.นี้ โดยให้มีเงื่อนไขรายละเอียดแนบท้ายสัญญาเกี่ยวกับการส่งมอบพื้นที่ เพื่อให้ซีพีสบายใจว่ารฟท.จะทำตามสัญญา โดยไม่บิดพลิ้วว่าทั้งสองฝ่ายยังทำงานร่วมกันในการเคลียร์พื้นที่เตรียมงานก่อสร้างหลังจากเซ็นสัญญาแล้ว 1 ปี และเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้วว่าการเคลียร์พื้นที่เสร็จเรียบร้อย ทางรฟท.ก็จะออกหนังสือให้ซีพีเริ่มงานก่อสร้างได้ (เรียกว่า Notice to Proceed หรือ NTP) ซึ่งงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปีตามสัญญา นับจากวันที่รฟท.ส่งหนังสือให้ซีพีก่อสร้างได้ แต่ถ้าภายใน 1 ปียังเคลียร์พื้นที่ก่อสร้างกันไม่เสร็จ ก็สามารถเจรจาเพื่อขยายกรอบเวลาได้ ซึ่งกระบวนการนี้จะไม่กระทบกับการก่อสร้าง เพราะระยะเวลาก็จะเลื่อนออกไปอีกได้


สำหรับปัญหาการส่งมอบพื้นที่ที่รฟท.ยังติดขัดไม่สามารถแก้ได้ในตอนนี้มีหลายอย่าง รวมถึง

- การรื้อย้ายสาธารณูปโภคทั้งบนดินและใต้ดิน ของ 6 หน่วยงาน เช่น ท่อน้ำมัน, ท่อแก๊ส, ท่อประปา ที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งการรื้อย้ายจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานเจ้าของระบบสาธารณูปโภคนั้น ๆ
- พื้นที่สัญญาเช่า กว่า 300 สัญญา
- การย้ายผู้บุกรุก
- การเวนคืนพื้นที่ ซึ่งส่วนนี้รฟท.บอกว่ามีแผนงานแล้ว แต่ต้องใช้เวลา เพราะอาจจะมีปัญหาเรื่องต่อต้าน
- การก่อสร้างในพื้นที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟสายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก บริเวณโครงสร้างอุโมงค์ร่วมที่จิตรลดา ที่เป็นคลองแห้ง
- โครงสร้างทับซ้อนกับโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง
- การทุบเสาตอม่อโฮปเวลล์ โดยตรงนี้รฟท.ยอมจ่ายค่าทุบตอม่อ เพราะถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานในส่วนที่รัฐต้องอุดหนุน (อยู่ในกรอบวงเงินที่ซีพีประมูลขอรับอุดหนุนจากรัฐบาล 117,227 ล้านบาท)

เรื่องของผู้เล่น 3 ฝ่าย

- รัฐบาลอยากให้ลงนามเร็ว ๆ จะได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เพื่อให้โครงการที่เป็นโครงการหน้าด่านของอีอีซีได้เกิด ซึ่งจะได้นำโครงการอื่น ๆ ตามมาอีก
- ซีพีผู้ชนะการประมูลเข้าทำโครงการ เห็นปัญหาบานตะไทที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แต่ต้องเอากระดูกมาแขวนคอ จึงยังไม่อยากเซ็น เพราะถ้าเซ็นคือยอมทุกสิ่ง ก็ต้องหาทางต่อรองให้ได้มากที่สุด เพื่อจะแบกรับปัญหาของแถมที่ไม่ต้องการนั้นให้น้อยที่สุด
- รฟท.ที่ยังไม่สามารถเคลียร์ปัญหาที่รับผิดชอบได้ แต่ในฐานะผู้รับคำสั่ง ก็ต้องรีบหูตูบเพื่อทำให้ได้ตามคำสั่ง จึงต้องหาทางออกให้ตัวเอง (ครั้นจะเรียกรายที่สองมาเจรจา ถ้าปัญหายังอยู่ก็ไปต่อไม่ได้อยู่ดี) ซึ่งนั่นหมายถึงต้องทำให้คู่สัญญาสบายใจที่จะเซ็นสัญญาด้วย จึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเพิ่มเติมรายละเอียดเข้ามา เป็นหลักประกันให้เอกชนคู่สัญญากล้าทำงานต่อได้

นี่แค่ปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่อย่างเดียว ยังหนักอกได้ขนาดนี้ แต่อีก 50 ปีตลอดโครงการจะต้องเจออะไรอีกบ้าง ซีพีเอ๋ย รอรับได้เลย!! น่วมแน่ แต่เราก็ยังยืนยันว่านี่คือมมิติใหม่ของประเทศไทยกับโครงการ PPP รัฐร่วมลงทุนกับเอกชน ที่เอกชนเสียเปรียบรัฐ ฉะนั้นต่อไปเอกชนไหนที่หาญกล้ามาลงทุนกับรัฐ ก็ต้องใช้ตรงนี้เป็นบทเรียนว่า คิดเยอะ ๆ มันต้องละเอียดรอบคอบ ไม่งั้นไม่คุ้ม!! แต่จะยังไงก็เอาใจช่วยละกัน อยากเห็นโครงการนี้ไปต่อจนสำเร็จ รอ ๆ ๆ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่