จากคนรักเป็นเกลียดชัง
จากคนสนิทกันเป็นเหินห่าง
จากคนร่วมทางกลายเป็นหมางเมิน
จากความสุขเดิมเติมทุกข์วัน
#ฉุกคิดก่อนแชร์ ไม่โพสคอมเม้นต์รังแกกัน ในโลกออนไลน์
Bullying หรือ Cyber bullying เป็นคำใหม่ที่ได้ยินในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ซึ้งก็ไม่รู้สึกอินกับคำนี้ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ที่ทำให้เห็นว่ามันจะมีอิทธิพลและส่งผลต่อการใช้ชีวิตของตัวเองอย่างไร จนได้ทำงานเกี่ยวกับ"Stop Cyber bullying" ร่วมกับเพื่อน คุณครู น้องนักเรียนและเครือข่าย ในการชวนให้ทุกคนมาร่วมสร้างสื่อเพื่อช่วยลดปัญหาการกลั่นแกล้ง(Bully) ในโลกออนไลน์ ในโรงเรียน กับคนใกล้ชิดและคนที่เรารัก ที่ผ่านมาก็ยังมีสถานการณ์แกล้งกันแบบนี้จนกลายเป็นเรื่องปกติ และยังมีอยู่ทุกที่ ๆ มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ในภาพของโลกออนไลน์

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจริงจะไม่เกิดการแกล้งกันแบบนี้ เช่น แอบถ่ายภาพเพื่อนเวลาเผลอ ล้อว่าอิอ้วน อิดำ ขี้เหร่ เด็กเรียน สวยเกิน แอบลากเก้าอี้เวลาเพื่อนจะนั่งแล้วเพื่อนล้ม สะใจเวลาทำให้คนอื่นเสียใจ ร้องไห้ การกลั่นแกล้งมีทั้งการกระทำต่อร่างกาย ท่าทางไม่ดีที่แสดงออกต่อคนอื่น สีหน้า แววตา ฯลฯ คนทำอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขาพูด ทำ เป็นการแกล้งคนอื่น เพราะคิดว่าไม่เป็นไร แค่นี้เอง เล่น ๆ ขำ ๆ สนุกสนาน โดยที่คนแกล้งเองอาจจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่ลืมนึกไปว่าถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเรา จะรู้สึกอย่างไร ชอบไหมถ้ามีคนมาทำแบบเดียวกับสิ่งที่เราไม่ชอบ
#โดนแกล้งไม่ใช่เรื่องสนุก ฉุกสักนิด คิดก่อนทำ
ปัจจุบันเราทุกคนมีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เช่น Face book,ig,Line,Youtube และช่องทางอื่น ๆ และสามารถผลิตเนื้อหาสื่อได้เอง ตัดต่อคลิป ตัดต่อภาพ โพส คอมเม้นต์ ด่า ว่า ประจารณ์คนอื่นได้ง่าย จนไม่สามารถวิเคราะห์และแยกแยะได้ว่าอะไรควร ไม่ควร และลืมฉุกคิดว่าคนอื่นจะรู้สึกและคิดอย่างไรกับสิ่งที่เราทำ ไม่มีถูกหรือผิด เพียงตัดสินผ่านมุมมอง วิธีคิดของตัวเองฝ่ายเดียว คือชอบก็ Like ไม่ชอบก็ด่า และแบ่งฝ่ายชัดเจนและบังคับให้คนอื่นต้องเลือก นี่คือโลกของการตัดสินผู้อื่นด้วยความรู้สึก "ตราบาปออนไลน์ จากการตีตราของ Social"
จนสร้างความเกลียดชัง ทำให้คนแตกแยก ด่าได้แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน /หรือแม้แต่คนที่สนิทกัน เคยร่วมงานกันก็ทำให้เกิดความไม่พอใจ เสียเพื่อน พี่ น้อง เพียงแค่ข้อความไม่กี่บรรทัดที่พิมพ์โต้ตอบกันไปมา
ย้อนกลับมาที่ตัวเองบ้าง บ่อยมากที่เจอเหตุการณ์ Bullying กันผ่าน Face book,Line Group ของคนใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็น พี่ น้อง เพื่อน และผู้ใหญ่รอบตัว เช่น โพส,แชร์,คอมเม้นต์ด่า ประจารณ์ ประชดประชันกันผ่านเฟสบุ๊ค(ด้วยความรู้สึกชอบ-ไม่ชอบ)ของตัวเองเท่านั้น
โต้เถียงด่ากันไปมา,กล่าวหาคนอื่น,แคปหน้าจอในไลน์ส่วนตัว,ไลน์กรุ๊ป มาเล่าให้บุคคลที่ 3 ฟัง มาระบาย มาปรึกษา มาขอความเห็น ด้วยวิธีการ โทรมา ส่งข้อความมา บลา บลา
ถ้าเป็นครั้งแรก ในฐานะคนกลางค่อนข้างลำบากใจและไม่คิดว่าเรื่อง Bullying มันจะมีผลต่อการทำงาน การใช้ชีวิตของคนรอบตัวทั้งเด็ก วัยรุ่นและผู้ใหญ่หลายคน ขอแบ่งปันประสบการณ์ถ้าหากมันจะทำให้หลายคนได้ฉุกคิดบ้าง
1.กรณี Bullying ที่เรารู้จักทั้งสองคนและโพสโต้ตอบกันไปมาไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการทำความเข้าใจและสามารถช่วยได้ในฐานะเป็นผู้ให้คำปรึกษา เป็นที่ระบาย คอยให้กำลังใจ ช่วยฟังทำให้คนใดคนหนึ่งได้แสดงความรู้สึก โดยที่สองคนนี้ไม่รู้ว่าคู่กรณีมาคุยกับเรา (เป็นความรับ,ซื่อสัตย์,เป็นกลาง,ต่อเรื่องนั้น)
2.กรณี Bullying สองคน แต่เรารู้จักคนเดียว
ง่ายแค่ฟังอย่างตั้งใจ ว่าเขารู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร ถ้ามันหนักเกินกว่ารับมือได้ก็ต้องหาตัวช่วย เช่น ปรึกษาเรื่องนี้กับคนที่เราไว้ใจและเห็นว่าเขาน่าจะหาทางออกและช่วยได้ ปรึกษาจิตแพทย์ถ้ารู้จัก หรือแนะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ เช่น บ้านพักเด็ก เลิฟแคร์สเตชั่นบริการให้คำปรึกษาออนไลน์ 1663 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 และอื่น ๆ
3.กรณีพบเจอเองในโลกออนไลน์ โพสสาธารณะ เช่น ข่าว เพจ กระทู้ ที่มีคนมาโพสเป็นจำนวนมากเพื่อแสดงออกทางความเห็น ถึงแม้ว่าข่าวเรื่องนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเรา หรือแม้แต่เริ่องส่วนตัวของคนอื่นก็ตาม เจอเหตุการณ์รุมด่าแบบประชาทัณฑ์ 55(หลายคนรุมด่า เป็นการลงโทษบุคคล ที่ตนเข้าใจหรือนึกว่ามีความผิด) ด่าแบบไม่ต้องไปผุดไปเกิด เหมือนโกรธแค้นกันมานับพัน ๆ ชาติ เราจะพบคนกลางพยายามห้าม ไกล่เกลี่ย แนะนำ ตักเตือน โพสแบบนี้จะโดนกระหน่ำหนักมากหลายเท่า แบบนี้สารภาพเลยว่าได้แต่นั่งดู ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะกลัวโดน Bullying กลับ อ่านแบบเงียบ ๆ
ไม่แชร์ต่อ ไม่คอมเม้นต์ต่อ ไม่ผสมโรงเอาอารมณ์ของเราใส่เข้าไปด้วย ทำได้แค่นี้จริง ๆ #ง่าย ๆ ทำได้ด้วยมือเรา
4.กรณีดูแลเพจ
มักมีข้อความทักมาใน Messenger เพจเช่น แอคเค้าที่ไม่มีชื่อ ส่งข้อความที่เขาไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้แล้วพิมพ์ส่งมาทิ้งไว้แล้วก็ไป ทำซ้ำ ๆ แบบนี้แล้วก็หายไปเอง โดยไม่ต้องการคำตอบอะไร
*******บางกรณีก็ส่งมาถามข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในเพจ เช่น เพจข่าว ส่งมาถามเรื่องหางาน
*******ส่งขายของมา เราจัดการได้ ด้วยการแจ้งว่าเป็นสแปม แต่ต้องยอมรับว่ามันมากมายจนสแปมบางครั้งก็ไม่ทำงาน 55
*******ข้อความลูกโซ่ พิมพ์ว่าทักค่ะ ทักค่ะพร้อมภาพนมโต ๆ มาก ไม่ต้องสนใจหรือไม่ก็บล็อคไปเลย
*******ทักยืมเงิน ในบัญชีของคนรู้จัก อันนี้โทรไปหาเจ้าตัวแล้วเล่าให้ฟัง บอกให้เพื่อนเปลี่ยนรหัส เขาจะได้ไปแจ้งความดำเนินคดี
*******ทักมาแจกรางวัลเพราะเป็นผู้โชคดี บล็อคไปเลยคะ
5.ในโพสของตัวเอง แล้วมีคนอื่นมาดราม่าในหน้าโพสเรา ลบคอมเม้นต์ หรือไม่ก็ลบโพสไปเลยคะ
คิดว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ กันหลายเรื่อง
การมองต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
ส่วนตัวคิดว่าการกลั่นแกล้งมีมาช้านานพร้อมกับการเกิดของคนในโลกนี้ เพียงแต่เปลี่ยนชื่อไปตามยุคสมัย และถูกยกระดับด้วย"คำ" จำกัดความของแต่ละสมัย ปัจจุบันการ Bully ในภาษาอังกฤษ และ Bully ในภาษาไทยคือ แกล้ง,รังแก ที่ถูกย้ายขึ้นมาไว้บนช่องทางต่าง ๆ (พท.)เช่น เฟสบุ๊ค ไอจี ไลน์ ทวิตเตอร์ ฯลฯ ที่เห็นกันมากกว่า 2 คน เป็นที่นิยมกลายเป็นพฤติกรรมที่ระบาดมากในหมู่สังคมออนไลน์
สมัยก่อนแกล้งกันเกิดกับคนสองคน อย่างมากก็มีแค่มือที่สามบ้าง มีคนกลางไกล่เกลี่ยก็จบ ไม่มีช่องทางให้เรานำไปบอกคนอื่นได้มากนัก อย่างดีก็ปากต่อปาก ซุบซิบ นินทากันไม่นานก็จางและหายไป
สมัยนี้ทำอะไรโลกรู้ สังคมรู้ สาธารณะรับรู้ ไวแค่ปลายนิ้ว เขี่ย ๆๆๆๆ พร้อมมีสายสืบออนไลน์แคปไว ต่อให้ข้อความที่โพสไปจะลบออก ก็ยังมีมือดีแคปเก็บไว้ได้ทันทุกข้อความนะจ๊ะ...อย่าคิดว่าโพสอะไรแล้วไม่มีใครเห็น อิอิ
โลกของการสื่อสารที่ไร้พรมแดน มีสองด้าน 1.ดี ถ้ารู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ 2.ไม่ดี ถ้าขาดการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และนำไปสู่ความเสียหายที่ร้ายแรงจนขั้นเสียชีวิต
#เราทุกคนรู้ว่าอะไรดี ไม่ดีแต่ไม่ทำ
คนเราจะเสพเฉพาะสิ่งที่ชอบ ปัจจุบันข้อมูลจำเป็นและมีความสำคัญต่อการตัดสินใจ เสพให้รอบด้านไม่เลือกเสพแค่สิ่งที่เราชอบ เพื่อให้เราเข้าใจคนอื่น มีมุมมองที่กว้างขึ้น ข้อนี้ยากแต่ต้องพยายาม ไม่มีตัวอักษรใดฆ่าคนได้ ถ้าไม่มีเราและอารมณ์ของเราผสมอยู่ในนั้น
#ฉุกคิดสักนิดก่อนผิดใจกัน
#ฉุกคิด
#ฉุกคิดก่อนแชร์
#ฉุกคิดก่อนคอมเม้นต์
#ฉุกคิดก่อนแชร์ไม่รังแกกัน
#Stopbully
STOP CYBER BULLYING โดนแกล้งไม่ใช่เรื่องสนุก ฉุกสักนิด คิดก่อนทำ