สำนักพุทธยัน ใครจะแย้ง ?

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
กระทู้นี้ ทำให้ผมคิดอะไรขึ้นมาได้ และเราน่าจะมาทำให้เกิดเป็นรูปธรรมชัดเจนนะครับ

ก่อนอื่น หากย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 4 รวมถึงก่อนหน้านี้ พระภิกษุจำนวนมากหย่อนยานในพระธรรมวินัย เข้ามาบวชโดยไม่ได้คิดว่าเพื่อเข้ามาปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุธรรม แต่มีจุดประสงค์อื่นๆ แตกต่างกัน คล้ายๆ กับบรรดาพระทั้งหลายที่เจ้าของกระทู้นำมาตั้งกระทู้นี้

ซึ่งหากสังเกตให้ดี พระที่ออกมาทำกิจกรรมแบบเดียวกับฆราวาส ส่วนใหญ่คือพระมหานิกาย แต่ธรรมยุตนิกายก็มี โดยเฉพาะวัดที่อยู่ในกรุงเทพ

กลับไปพูดถึงสมัยรัชกาลที่ 4 นะครับ ตอนนั้นยังไม่มีการแบ่งแยกเป็นนิกาย แต่คงเป็นเพราะพระองค์เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา การบวชเพื่อละกิเลส เพื่อการบรรลุธรรม มุ่งเน้นการปฏิบัติธรรม แบบสมัยพุทธกาล ลดน้อยลง พระองค์จึงได้ตั้งนิกายใหม่ขึ้นมา ชื่อว่า "ธรรมยุตนิกาย" เน้นเรื่องการปฏิบัติ โดยเชิญชวนพระที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลเข้ามาอยู่ในนิกายใหม่นี้ด้วยความสมัครใจ

ส่วนพระเดิมทั้งหมด ให้เรียกว่า "มหานิกาย"

ผมข้ามรายละเอียดนับจากนี้ไป มาที่ยุคปัจจุบันเลยนะครับ

สิ่งที่ผมอยากให้พูดถึงกันเป็นรูปธรรม นั่นก็คือ พระมหานิกาย ไม่เน้นรักษาพระวินัย พูดตรงๆ กันไปเลยว่า เป็นพระหาเงิน พระทำงาน เน้นทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม พระนักเทศน์ พระนักแหล่ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนทำผิดพระวินัยทั้งสิ้น เรียกว่า พูดกันเปิดเผยให้ชัดเจนเลย

ส่วนพระที่อยากปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ตามพระพุทธเจ้า ให้ไปบวชเป็นพระวัดที่เป็นธรรมยุตนิกาย ซึ่งตัวอย่างหนึ่งคือ หลวงพ่อครรชิต สุทธิจิตโต ท่านบวชวัดมหานิกายมาก่อน เป็นเวลาหลายสิบพรรษา แต่เพราะท่านตั้งใจปฏิบัติธรรมท่านจึงลาสิกขา (สึก) และบวชใหม่ที่วัดธรรมยุต ยอมที่จะเริ่มนับพรรษาใหม่

ส่วนสัญญลักษณ์ก็ตามสีจีวรเลย ถ้าเป็นมหานิกายจะเป็นสีเดียวกับที่วัดธรรมกายสวมกัน ส่วนพระธรรมยุตก็ประมาณสีเหมือนที่เราเรียกว่าพระป่า

สิ่งที่ตามมาก็คือ ชาวพุทธจะสามารถแยกแยะได้ว่าควรจะเลือกทำบุญกับพระแบบไหน สนับสนุนพระแบบไหน และพระที่ทำตัวแบบที่เจ้าของกระทู้นำมาก็จะไม่ทำให้ศาสนาพุทธจริงๆ เสื่อมเสีย เพราะคนไทยจะเข้าใจ

เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ อาจจะเป็นประเด็นต่อยอดไปถึงอนาคต ซึ่งแน่นอนว่า ข้อเสียมีแน่ เพราะอาจจะกระทบต่อศาสนาพุทธแบบเถรวาท

เมื่อสังคมมันมาแบบนี้ ก็อาจจะต้องหาทางออก หาทางเลือก ก็ลองคิดกันดูนะครับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผม (และผมเชื่อว่าทุกคนที่นี่) อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดคือ พระที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ควรสึกไปเป็นฆราวาส ซึ่งหากทำได้ ก็น่าจะทำได้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว สิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ในยุคนี้ก็คือ ให้ความรู้ความเข้าใจกับชาวพุทธให้มากขึ้น

เมื่อคนเข้าใจพระพุทธศาสนามากขึ้น และเลือกไปทำบุญกับพระที่เป็นธรรมยุต พระมหานิกายอาจจะค่อยๆ ลดน้อยลง คนจะบวชวัดมหานิกายน้อยลง วัดมหานิกายจะเปลี่ยนเป็นธรรมยุติ เรียกว่า ตรงตามพระประสงค์ของรัชกาลที่ 4 ก็เป็นได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่